xs
xsm
sm
md
lg

รวมตัวเฉพาะกิจ 4 ใบเถา แห่งบ้านไกรฤกษ์ ลุยธุรกิจความงาม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


>>ได้เวลารวมตัวเฉพาะกิจสำหรับ 4 สาวพี่น้องที่ใช้ชีวิตเติบโตมาด้วยกัน และมีความชอบเหมือนกัน “ต้น-ทิพาธี ภิรมย์ภักดี, ตาล-พัลลีพร พรประภา, ตอง-นิสามณี ภิรมย์ภักดี และแตงกวา-จุฑาวรรณ ไกรฤกษ์” โดยมี “คุณแม่ต้อง-จุฑาทิพย์ ไกรฤกษ์” เป็นเซ็นเตอร์ในการร่วมลงขันเปิดธุรกิจความสวยความงาม เอาใจคนรักเล็บ ในนาม “Pamper me nail and dry bar”

หากพูดถึงเรื่องความสวยความงามแล้วล่ะก็ 4 สาวบ้านนี้ไม่เป็นรองใคร เพราะถ้าหากเปิดแมกกาซีนสมัยก่อนเราจะพอคุ้นหน้ากับพวกเธอ ด้วยความที่เป็นสาวน่ารัก นามสกุลดัง ทำให้เป็นที่จับตามอง ลูกสาว 4 ใบเถาสุดรักสุดหวงของ “เพิ่มพูน-จุฑาทิพ ไกรฤกษ์” แต่ระยะหลังๆ ต่างคนต่างแยกย้ายไปมีครอบครัว จึงเฟดออกไปจากหน้าสังคมบ้านเราบ้าง และคราวนี้เป็นโอกาสดีที่เราได้ไปเยี่ยมแหล่งรวมตัวใหม่ของพวกเธอ ทำให้เราได้นั่งคุยอัปเดตกับทั้ง 4 สาว ทั้งเรื่องชีวิต ครอบครัว และเรื่องความงามที่สาวๆ ไม่ควรพลาด

หลังจากห่างหายกันไปนานเราจึงขออัปเดตชีวิตของสาวกันทีละคนเริ่มจาก "ต้น-ทิพาธี (ไกรฤกษ์) ภิรมย์ภักดี” พี่สาวคนโตที่ปัจจุบันได้แต่งงานกับ “จิ๊บ-ธนะวุฒิ ภิรมย์ภักดี” และตอนนี้เธอเป็นคุณแม่ของลูกชายวัยกำลังซน 2 คน ซึ่งเธออัปเดตให้เราฟังเกี่ยวกับชีวิตแบบง่ายๆ ว่า “ชีวิตหลักๆ ตอนนี้เป็นคุณแม่ฟูลไทม์ เลี้ยงลูกอย่างเดียว เหนื่อยดีค่ะ เพราะว่าเป็นลูกชาย 2 คนเลย (หัวเราะ) แล้วก็เพิ่งมาทำธุรกิจกับน้องๆ”

ส่วนสาวหน้าคมลูกสาวคนที่ 2 ของบ้าน "ตาล-พัลลีพร (ไกรฤกษ์) พรประภา” หลังจากที่แต่งงานกับ “พีท-ประณิธาน พรประภา” ตอนนี้เธอเป็นคุณแม่ลูก 3 ประกอบด้วย ลูกสาวคนโต “น้องนภา-ภาพร พรประภา” วัย 8 ขวบ และอีกสองแฝดชาย-หญิง “เมฆี “และ “เมฆา” วัย 2 ขวบ ซึ่งนอกจากการเป็นคุณแม่แล้วเธอยังมีหุ้นทำธุรกิจนำเข้าแบรนด์รองเท้าแฟชั่น Havaianas กับพี่สะใภ้ (ประดับดา พรประภา) อีกด้วย

เช่นเดียวกับน้องสาวคนที่ 3 "ตอง-นิสามณี (ไกรฤกษ์) ภิรมย์ภักดี” ที่มีหุ้นในการทำแบรนด์รองเท้าแฟชั่น Havaianas ด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นยังทำร้านอาหารเกาหลี “ยูกาเน” ที่สยามสแควร์กับฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต ส่วนในด้านชีวิตส่วนตัว ตอง-นิสามณี แต่งงานกับ “ภูริต ภิรมย์ภักดี” ทายาทคนโตของตระกูลภิรมย์ภักดี และมีลูก 2 คน ลูกสาวคนโตคือ “น้องนิสา” วัย 7 ขวบครึ่ง และ “น้องสิงห์“ ลูกชายคนเล็กวัย 4 ขวบ

และน้องสาวคนสุดท้อง “แตงกวา-จุฑาวรรณ ไกรฤกษ์” ที่เพิ่งมีงานใหญ่ให้ได้ยินดีไปสำหรับงานมงคลสมรสกับ “เอ-ร.อ.ธิรุตม์ สุวรรณมาศ” หลานชายป๋าเปรม โดยก่อนหน้านี้เธอเคยทำงานด้านแฟชั่น ก่อนที่จะมาทำบริษัทของตัวเองเกี่ยวกับทางด้านพีอาร์

4 สาวแห่งบ้านไกรฤกษ์

กับความเป็นพี่น้องและการเลี้ยงดู 4 สาวแห่งบ้าน “ไกรฤกษ์” นั้น ทั้ง 4 คนเล่าว่า พวกเธอเติบโตขึ้นมากับการอบรมเลี้ยงดูอย่างดีจาก “คุณแม่ต้อง-จุฑาทิพย์ ไกรฤกษ์” แม้ว่าจะดูเหมือนเข้มงวด แต่ก็เป็นการเข้มงวดเพื่อให้เป็นลูกสาวที่เพียบพร้อมทั้งเรื่องกิริยา มารยาท ส่วนในเรื่องความชอบและเรื่องการเรียนของแต่ละคนนั้น คุณแม่เปิดโอกาสให้ตัดสินใจด้วยตัวเอง 100%

ต้น-ทิพาธี ในฐานะพี่สาวคนโตเริ่มเล่าก่อนว่า “ด้วยความที่วัยเราไม่ห่างกันมาก คุณแม่จึงเลี้ยงมาเหมือนๆ กัน ต้นกับตาล (ลูกคนที่ 2) ห่างกัน 1 ปี ตาลกับตอง (ลูกคนที่ 3) ห่างกัน 2 ปี จะมีแตงกวาน้องคนสุดท้องที่ห่างหน่อย คุณแม่เว้นไป 8 ปีถึงมีแตงกวา ซึ่งเราก็ช่วยกันดูแลน้อง ทุกคนก็จะให้ความรักกับน้องสุดท้องมากเป็นพิเศษ แกล้งมากเป็นพิเศษ ล้อเล่นค่ะ (หัวเราะ)”

แตงกวา-จุฑาวรรณ น้องสาวคนสุดท้องที่ได้รับความรักจากทุกคนจึงเล่าถึงสิ่งดีๆ ที่เธอได้รับจากพี่ๆ ให้เราฟัง “ตอนเด็กๆ อาจจะดูไม่ค่อยทันพี่ๆ ถูกแกล้งบ้างนิดหน่อย (หัวเราะ) เพราะพี่ๆ เขาโตกันหมดแล้ว อย่างแตงกวาห่างกับพี่ต้น (พี่สาวคนโต) 12 ปี พี่ต้นก็จะเป็นคนที่ดูแลแตงกวาทุกเรื่อง ราวกับเป็นคุณแม่อีกคน (หัวเราะ) เด็กๆ อาจจะคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง เหมือนคนละเจเนอเรชันกัน แต่พอโตขึ้นมาก็คุยกันรู้เรื่อง ยิ่งเดี๋ยวนี้ยิ่งเหมือนเป็นเพื่อนกันเลย คุยกันได้ทุกเรื่อง”

ซึ่งถ้าถามว่าคุณแม่ดุมั้ย ตาล-พัลลีพร ลูกสาวคนที่ 2 ของบ้านจึงช่วยกล่าวเสริมเรื่องการเลี้ยงดูของคุณแม่ “คุณแม่ไม่ดุ แต่เข้มงวดเรื่องมารยาท เพราะครอบครัวเรายังคงยึดธรรมเนียมประเพณีแบบไทยๆ ฉะนั้นเรื่องสัมมาคารวะกับผู้ใหญ่ และมารยาทในการเข้าสังคมต้องเรียบร้อย แต่เรื่องเรียนก็ให้เลือกเองตามความชอบ ไม่ได้บังคับว่าเราต้องเรียนเก่ง ต้องสอบได้ที่ 1 แต่ขอแค่พอเอาตัวรอดได้ก็พอ”

พี่น้อง 4 ใบเถา

ส่วนเรื่องราวความกุ๊กกิ๊กของ 4 พี่น้องนั้นเมื่อเราขอให้เล่าถึงความผูกพันที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ก็ดูเหมือนว่าทุกคนจะสามารถเล่าถึงสไตล์และนิสัยของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนมีความคล้ายกันก็คือนิสัยเจ้าระเบียบ ซึ่งอาจจะมาจากการดูแลอย่างเป็นระเบียบตั้งแต่เด็ก

ต้น : “ตาลเขาก็จะออกแนวดุ ตองเป็นคนเจ้าระเบียบ ส่วนแตงกวาน้องสุดท้องก็จะเปรี้ยวๆ หน่อย เพราะเขายังวัยรุ่น”

ตาล : “ก็อาจจะจริงมั้งที่ตาลดูดุ เพราะถ้าไม่ยิ้มหน้าจะดูดุ นิสัยจริงๆ ก็ไม่ค่อยดุหรอกค่ะ แต่ว่าเราชอบจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย” โดยระหว่างนั้นก็มีเสียงแซวจากน้องสาวว่าดุสามีหรือเปล่า? ก่อนที่จะหัวเราะกันทั้งโต๊ะ

ตอง : “ตองจะดุในเรื่องของระเบียบ เพราะเราเป็นแม่บ้าน ต้องดูแลบ้าน ทำอาหาร ฉะนั้นก็เลยต้องฝึกลูกๆ และทำทุกอย่างให้เรียบร้อยด้วย”

แม้ว่าอาจจะมีบางช่วงชีวิตที่ต้องแยกย้ายไปเรียน ไปใช้ชีวิต แต่ทุกคนก็ไม่รู้สึกว่าห่างกัน เพราะยังมีบ้านคุณพ่อคุณแม่เป็นศูนย์รวมหลักที่ที่ทุกคนสามารถแชร์กันได้ทุกเรื่อง

ตาล : “เดิมเราอยู่บ้านเดียวกันมาตลอด เพิ่งจะแยกกันตอนแต่งงาน เราสนิทกันมาก ตั้งแต่เด็ก แม้ว่าจะแต่งงานแยกย้ายกันไปแล้วก็ยังสนิทกัน และดูว่าจะสนิทมากขึ้นกว่าเดิมเพราะปรึกษากันเรื่องลูก ลูกก็วัยไล่เลี่ยกัน

ตอง : “จำได้ว่าสมัยเด็กๆ เราชอบเล่นเลี้ยงลูก เล่นตุ๊กตา เล่นขายของกัน ตอนเด็กๆ เรามีญาติพี่น้องเยอะ เล่นกันสนุกมาก”

ต้น : “มีเรื่องขำๆ คือมีคนคิดว่าต้นกับตาลเป็นแฟนกัน เนื่องจากเรามักจะไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด แล้วต้นก็ตัดผมสั้น ดูห้าวๆ จนมีคนเมาท์ว่าตาลมีแฟนเป็นทอม (หัวเเราะ) แต่ก็ไม่ได้โกรธนะขำๆ เพราะเรารู้กันอยู่แล้ว”

รวมตัวเฉพาะกิจ

พูดคุยเรื่องส่วนตัวกันมาพอหอมปากหอมคอ ก็เข้าเรื่องกิจกรรมที่ทำให้เป็นการรวมตัวครั้งสำคัญของพวกเธอนั่นคือการลงขันกันเปิดร้านทำเล็บ “Pamper me nail and dry bar” ที่ตั้งอยู่ที่ ชั้น 4 โครงการ Piman สุขุมวิท 49 โดยการรวมตัวครั้งนี้เริ่มที่ไอเดียของต้น พี่สาวคนโต กับแตงกวาน้องสาวคนเล็ก ที่ได้คุยกันและพบว่ามีความสนใจตรงกัน

“แตงกวา-จุฑาวรรณ ไกรฤกษ์” น้องสาวคนเล็กของบ้านจึงเป็นตัวแทนเริ่มเล่าถึงที่มาของธุรกิจความงามของครอบครัวว่า “ครอบครัวเราชอบการทำเล็บ และดูแลเรื่องความงามกันเป็นพิเศษ เลยร่วมกันเปิดร้านนี้ขึ้นมาค่ะ เพราะเรื่องแฟชั่นและความงามมีเทรนด์ใหม่ๆ ที่ต้องอัปเดตกันอยู่เสมอจากทั่วทุกมุมโลก”

โดยมีพี่สาวคนโตช่วยเสริมอีกว่า “ปกติพวกเราชอบทำเล็บกันอยู่แล้ว เราเข้าร้านทำเล็บกันแต่ว่าคนละที่ จึงเห็นว่าเราไปทำเล็บที่ร้านอื่นๆ กันมาหลายปีแล้ว ก็เลยอยากลองมีร้านเป็นของตัวเอง มาลงเอยกันที่ร้านทำเล็บนี่แหละเป็นธุรกิจกับความสวยความงามที่เราทุกคนก็ชอบ”

“ช่วงที่เริ่มทำร้านเราคุยกันเยอะมาก เวลาเจอกันที่บ้านทุกครั้งก็คุยกันเรื่องนี้ คุณแม่ให้คำแนะนำเยอะมาก ส่วนใหญ่ท่านจะเน้นในเรื่องของความสะอาด ความเรียบร้อยต่างๆ รวมไปถึงเทรนเรื่องการต้อนรับของพนักงานร้านเองด้วย” ตาลพี่สาวคนที่ 2 ของบ้านกล่าว

แม้ว่าการทำงานร่วมกัน อาจมีความแตกต่างในเรื่องของความคิดของแต่ละคนบ้าง แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับ 4 สาวที่คลุกคลีอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิด โดยตองน้องคนที่ 3 ได้เผยการทำงานร่วมกันของ 4 สาวและคุณแม่ในครั้งนี้ว่า

“เราเอา Reference ที่ใครไปเจอแล้วชอบมารวมกัน การทำงานในฐานะหุ้นส่วน เราช่วยงานเท่าๆ กัน มีบ้างที่ความคิดเห็นไม่ตรงกัน แต่เราก็พูดกันตรงๆ แต่เราไม่โกรธกัน ส่วนใหญ่จะเป็นคุณแม่ที่เป็นคนตัดสินให้ข้อสรุปอีกครั้ง (หัวเราะ)”

เมื่อตกลงมุ่งไปในทางเดียวกันว่าจะทำธุรกิจเกี่ยวกับความสวยความงาม เมื่อเวลาที่แต่ละคนเดินทางไปต่างประเทศก็เริ่มสังเกตดูเทรนด์ของต่างประเทศเพื่อนำมาปรับใช้กับร้านของตัวเอง จนกลายมาเป็นคอนเซ็ปต์ Nail and dry bar มีบริการทั้งทำผมและทำเล็บในที่เดียว

“เวลาไปต่างประเทศเราเห็นเทรนด์ของ Dry Bar กำลังมา นอกจากการทำเล็บเราจึงเพิ่มในส่วนของการสระ เซต ผมเข้าไปด้วย แต่ไม่มีการทำเคมีอย่างการดัดหรือทำสี เรามีแค่บริการสระ เซต เท่านั้น”

Pamper me จุดนัดพบของสาวๆ

เพราะนอกจากเสื้อผ้า หน้า ผมแล้ว “เล็บ” ก็เป็นอีกสิ่งที่สาวๆ สมัยนี้ให้ความใส่ใจไม่น้อย Pamper me nail and dry bar จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของสาวๆ ที่อยากจะดูแลเล็บให้สวยเป๊ะ ซึ่งกลายเป็นว่าที่ร้าน Pamper me แห่งนี้ก็ยังกลายเป็นที่นัดพบรวมตัวของ 4 สาวพี่น้องอีกด้วย โดยทั้ง 4 สาวเริ่มเล่าถึงที่มาของคำว่า “Pamper” ให้เราฟังว่า

“Pamper สื่อถึงคอนเซ็ปต์ของร้าน คือ การดูแลเอาใจใส่ลูกค้าให้ดีที่สุด ภายในร้านตกแต่งด้วยดีไซน์แบบบาร์ กลิ่นและสไตล์ของร้านสื่อความรู้สึกเหมือนคาเฟ่ เพราะตั้งใจให้ลูกค้าได้มาสังสรรค์กัน พบปะเพื่อนฝูง เหมือนเป็นที่แฮงเอาต์ที่สามารถทำสวยไปด้วยในเวลาเดียวกัน โดยลูกค้าสามารถมาจัดปาร์ตี้เสริมสวยได้ หรือหากใครต้องการความเป็นส่วนตัว ก็มีมุมเก้าอี้วีไอพีไว้รับรอง ซึ่งจะเป็นโซนที่มีโซฟาขนาดใหญ่สำหรับทำเล็บได้อย่างสบาย” พี่สาวคนโตอธิบายให้เราฟังถึงที่มา

โดยมีคุณตอง คุณแม่ผู้ห่วงใยลูกเสริมถึงเรื่องความปลอดภัยในการทำสวยของพวกเธอและลูกๆ ว่า “ร้านเราสามารถรับได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพราะเราเลือกใช้ยาทาเล็บสำหรับเด็กที่ไม่มีสารเคมี และจะไม่เป็นอันตราย นอกจากนั้นทางร้านยังเน้นเรื่องความสะอาดเป็นพิเศษ อุปกรณ์และเครื่องมือทำเล็บทุกชิ้นจะต้องผ่านการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อทุกครั้งก่อนใช้งานและเก็บไว้ในห้อง Clean Lab อย่างดี”

ซึ่งจุดเด่นของร้านที่ 4 สาวพูดเป็นเสียงเดียวกันก็คือบริการแบบ One Stop Service ด้วยคอนเซ็ปต์ Dry Bar หรือ Blow-out Bar เพราะแต่ละคนเข้าใจชีวิตอันเร่งรีบของสาวๆ สมัยนี้ โดยเฉพาะสาวออฟฟิศทั้งหลายที่ไม่มีเวลาทำผมเอง พวกเธอจึงคิดบริการสระไดร์ และจัดทรงแบบรวดเร็ว ที่สามารถทำช่วงพักเที่ยงหรือก่อนไปอีเวนต์หลังเลิกงาน ให้ลูกค้าที่มา Pamper me nail and dry bar เดินออกไปด้วยเล็บสวยและผมสวยในเวลาเดียวกัน แถมยังมองว่าบริการนี้ยังเป็นการผ่อนคลายให้กับสาวๆ เพราะยังมีบริการนวดผ่อนคลายคอ บ่า ไหล่ อีกด้วย

คุยเรื่องความงามกับ 4 สาว

เมื่อต้องมาอยู่ในธุรกิจความงาม จากที่มีความสนใจในเรื่องความสวยความงามและการดูแลตัวเองอยู่แล้ว ก็ต้องเพิ่มมากขึ้นเพราะต้องดูเทรนด์เพื่อหาสิ่งใหม่ๆ ให้กับลูกค้าอยู่เสมอ

“เทรนด์การทำเล็บที่กำลังเริ่มเป็นที่นิยมและทำให้นิ้วมือคุณดูสวยขึ้นมาได้จริงๆ ตอนนี้แตงกวาไปพบ Glass nails ค่ะ เป็นคอนเซ็ปต์ที่ทำให้เล็บของเราดูใสๆ คล้ายแก้ว มีความมันวาวที่สวยงามราวกับกะรัตเพชร ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นแฟชั่นที่ถูกอกถูกใจสาวๆ ที่รักสวยรักงามจริงๆ และกำลังจะเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอนค่ะ” น้องสาวคนเล็กผู้สนใจทั้งเรื่องของแฟชั่นและเรื่องความงามเล่าเรื่องเทรนด์เล็บให้เราฟัง

ในขณะที่ “ตาล” พี่สาวคนที่ 2 ด้วยบุคลิกเรียบๆ เธอก็เล่าให้ฟังถึงอีกสไตล์ที่มาแรงไม่แพ้กัน “อีกสไตล์ที่มาแรงต้องยกให้การทาเล็บสไตล์มินิมัล (Minimal) ค่ะ เพราะทาง่าย ไม่ต้องใช้เทคนิคเยอะ และทาออกมาแล้วยังสวยแบบเรียบหรูดูดี เข้ากับชุดได้หลากสไตล์แบบไม่ขโมยซีน เพียงแค่จุดสีเข้มลงบนเล็บเปลือยๆ หรือเล็บที่ทารองพื้นด้วยสีเรียบๆ ก็ทำให้ดูมีความน่าสนใจขึ้นมาแล้ว เป็นเทคนิคสุดง่ายที่ใครก็ทำได้และใช้เวลาน้อยมากค่ะ”

อย่างไรก็ดีแม้ว่าจะมีภารกิจคุณแม่และธุรกิจที่แต่ละคนต้องดูแล แต่ที่แน่ๆ เรื่องของการดูแลตัวเองพวกเธอทุกคนก็มีเวลารีแลกซ์ตัวเอง และจัดให้การออกกำลังกายเป็นตารางประจำอย่างหนึ่งในชีวิตของพวกเธอ

ต้น : “ส่วนใหญ่มีเวลาเป็นของตัวเอง หลังจากส่งลูกไปโรงเรียนเสร็จแล้ว ก็ไปออกกำลังกาย หรือไม่ก็เข้ามาที่ร้าน Pamper me จนตอนนี้ที่นี่กลายเป็นเซ็นเตอร์ที่นัดพบของสาวๆ แล้ว”

ตาล : “ตาลชอบออกกำลังกายที่บ้าน เพราะจะได้ดูแลลูกๆ ด้วย นอกจากนั้นก็ชอบทำขนมให้ลูกและพี่ๆ น้องๆ ได้ทานกัน”

ส่วนอีกสองสาว ตองและแตงกวา ก็จับคู่พากันไปออกกำลังกายด้วยกัน “แตงกวาจะไปออกกำลังกายกับพี่ตอง เพราะเราเป็นสมาชิกที่ยิมเดียวกัน ก็จะนัดกันไป แต่หลังจากนั้นแตงกวาก็จะประชุมกับอีกทีมที่บริษัทด้วย” น้องสาวคนสุดท้องเล่าถึงไลฟ์สไตล์ของเธอและพี่ๆ

โดยก่อนที่การสนทนาจะสิ้นสุดลง ทั้ง 4 สาวแซวเล่นกับเราว่าขอติด # “ฝากร้าน” Nail & Dry bar ของพวกเธอด้วย สำหรับสาวๆ ที่สนใจ อยากมีเล็บสวย สามารถแวะไปใช้บริการที่ร้านของเธอได้ ไปแล้วรับรองว่าสวยใสไฮโซแน่นอน ดูจาก 4 สาวเจ้าของร้านเป็นตัวอย่างค่ะ!! :: Text by FLASH
กำลังโหลดความคิดเห็น