>>ในยุคที่แฟชั่นเมืองไทยกำลังเฟื่องฟู การได้เข้ามาโลดแล่นอยู่ในโลกของแฟชั่นช่างดูเป็นภาพที่งดงาม แต่ความจริงแล้วการทำงานเรื่องแฟชั่นไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลยกว่าที่จะทำให้เป็นที่รู้จักและจดจำได้ ซึ่งครั้งนี้เราได้พบกับ “เอย-กรณ์วิกา โชติกเสถียร” PR & Marketing Executive ของแบรนด์ Vatanika ผู้ซึ่งต้องลุยงานหนักในภาวะที่ต้องสวยและดูดีตลอดเวลาเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของแบรนด์ ซึ่งเธอจะมาเผยสไตล์ของสาวทำงานด้านแฟชั่นที่ทำให้คุณหลงเสน่ห์ความโก้หรูในสไตล์คลาสสิก
“เอย-กรณ์วิกา โชติกเสถียร” PR & Marketing Executive และเพื่อนสนิท “แพร-วทานิกา ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา” ดีไซเนอร์สาวเจ้าของแบรนด์ Vatanika จากคำสัญญาตอนเด็กร่วมกันว่า ‘ถ้าวันหนึ่งมีบริษัทเป็นของตัวเอง เพื่อนรักจะมาทำงานร่วมกัน’ หลังจากที่เอยได้ลองงานในหลายๆ ด้านทั้งการตลาด อีเวนต์และออแกไนเซอร์ หากแต่ไม่ได้มาช่วยเพื่อนรักลุยงานอย่างเต็มตัวในระยะแรกของการทำแบรนด์ แต่ในวันนี้ก็ได้เวลาที่เพื่อนรักจะมาผนึกกำลังกันแล้ว!!
“เอยรู้จักแพรมาตั้งแต่ตอนเรียนอนุบาล เรียกได้ว่าเกือบจะตลอดชีวิต คุยกันตั้งแต่เด็กว่าถ้าสมมติทำแบรนด์สักแบรนด์หนึ่งเราจะมาทำด้วยกัน แรกๆ เราก็ทำงานประจำของเราอยู่ แต่ตอนเขาเปิดแบรนด์ก็เข้ามาช่วยเซตอัพกับกลุ่มเพื่อนจนเวลาประจวบเหมาะก็มีการทวงสัญญาว่าจะทำงานด้วยกัน เอยก็เลยมาทำงานกับแพรอย่างเต็มตัว”
แม้เจ้าตัวจะสารภาพว่าตอนเด็กเป็นคนไม่ชอบแฟชั่น แต่ก็จะมีเพื่อนรักคอยให้คำแนะนำเรื่องของแฟชั่นและด้วยหน้าที่การงานก็ทำให้ซึมซับเรื่องของแฟชั่นไปด้วย
“ตอนเด็กไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่แพรเขาจะเป็นแฟชั่นตัวแม่เลย เราก็จะปรึกษาเขาตลอดตั้งแต่เด็ก พอมาทำงานเราต้องศึกษาเรียนรู้ดูว่าโลกไปถึงไหนแล้ว การทำการตลาดให้กับสินค้าแฟชั่นในปัจจุบันยากแต่เราต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ดูเทรนด์ วางแผนตามสเต็ปที่วางไว้ ในทุกๆ ปี เราจะมาประชุมกันแล้ววางแผนไว้ทั้งปี ตอนนี้แบรนด์กำลังจะขยายไปต่างประเทศ เราก็ต้องทำงานให้เร็ว ส่วนเรื่องของกระแส เศรษฐกิจหรือการวางกลยุทธ์ก็ดูเป็นควอเตอร์ไป”
ถ้าถามสไตล์ส่วนตัวของเอยบ้าง เธออาจไม่มีคำนิยามให้เราอย่างชัดเจน หากแต่บอกเป็นนัยๆ ว่าความโก้หรูในสไตล์คลาสสิกของแบรนด์ที่เธอทำงานอยู่นั้นก็เป็นส่วนหนึ่งที่เป็นสไตล์ของเธอ
“ต้องพูดเลยว่าจริงๆ เอยชอบความวินเทจ เสื้อผ้า แว่นตา กระเป๋า สมัยคุณย่าคุณยายดูเป็นของที่คลาสสิกสำหรับเอย แต่เรารู้จักเอามามิกซ์แอนด์แมตช์กับแฟชั่นปัจจุบันจนเป็นสไตล์ของเรา เป็นคนแต่งตัวง่ายๆ เป็นเสื้อผ้าเรียบๆ แต่มีรายละเอียด
ก่อนหน้านี้เป็นคนแต่งตัวเยอะมาก แต่งเต็ม ไร้สติ (หัวเราะ) เช่น เสื้อดำกระโปรงสีส้มสะท้อนแสง พอโตขึ้นก็เริ่มเปลี่ยน พอมาทำงานแฟชั่นใส่สีสันน้อยลงเพราะคิดว่าการใส่โทนสีขาว-ดำสามารถเข้ากับทุกโอกาสได้ง่ายกว่า แต่ก็ยังมีสีสันอยู่บ้างอย่างสีเขียวที่เป็นสีโปรดของเรา
ส่วนใหญ่ชอบใส่กางเกงค่ะ เพราะสามารถลุยทำงานได้อย่างกระฉับกระเฉง แต่ก็แฝงความเป็นเฟมินีนอยู่วันทำงานกับวันเสาร์-อาทิตย์ แต่งตัวไม่เหมือนกันเลย เวลาทำงานส่วนใหญ่จะเรียบร้อยหน่อย เช่น กางเกงขายาว กับเสื้อเชิ้ตเสื้อแขนยาวคอปาด แต่พอวันเสาร์-อาทิตย์ จะใส่สายเดี่ยวหรือเสื้อยีนส์ เสื้อเชิ้ตกับกางเกง 5 ส่วน”
การทำงานเกี่ยวกับแฟชั่น ยิ่งเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมทั้งจากเซเลบริตี้ไทยและต่างประเทศด้วยแล้ว เรื่องการดูแลภาพลักษณ์ของตัวเองจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เธอต้องเป๊ะในทุกสถานการณ์
“เราทำงานเกี่ยวกับแฟชั่นห้ามโทรมค่ะ โทรมไม่ได้ (หัวเราะ) เพราะหน้าที่ของเราก็เหมือนเป็นหน้าตาของแบรนด์ อย่างเวลาเราไปไหนกับแพรที่เป็นดีไซเนอร์ เราก็ต้องดูแลตัวเอง ทุกวันนี้แต่งหน้าเองค่ะ ที่แต่งหน้าได้ต้องยกเครดิตให้แพร เขาเป็นคนสอนให้แต่งหน้าเป็น เพราะเขาเป็นคนรักสวยรักงาม”
นอกจากจะหลงใหลในเรื่องของแฟชั่นแล้วยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่เธออุตส่าห์หอบหิ้วมาให้เราดูนั่นคือ “มาร์กกิ้งเทป” นับร้อยๆ ม้วน กับลิปสติกโทนเดียวกันแต่หลายเฉดสี
“มี 2 สิ่งที่ชอบซื้อมากคือ ลิปสติกและมาร์กกิ้งเทป เริ่มจากลิปสติกก่อนคือด้วยความที่บางครั้งเราไม่ได้แต่งหน้าเต็ม การทาลิปสติกแบบสีๆ ก็ทำให้หน้าเราดูมีสันขึ้นได้ เรามีทุกสีนะคะแดง ส้ม ชมพู มีทุกเฉด เป็นร้อยแท่ง (หัวเราะ) รู้สึกว่าตรงกับคาแรกเตอร์เรา
ส่วนมาร์กกิ้งเทป เริ่มรู้จักจากพี่พลอย จริยะเวช ซึ่งสามารถนำไปทำเป็นของประดิษฐ์ได้มากมาย สะสมมานานหลายปีมากแล้วค่ะ ตั้งแต่เรียนจบ เวลาไปต่างประเทศเห็นก็ซื้อมาด้วยความที่เราเป็นคนชอบประดิษฐ์ของ ตั้งแต่สมัยเรียนแล้วเราสามารถทำการ์ดวันเกิดให้เพื่อนได้เพียงแค่ข้ามคืน แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีเวลา จึงเน้นเป็นของสะสมมากกว่าค่ะ”
ผู้หญิงยังไงก็คู่กับแฟชั่นและของสาวๆ งามๆ แต่ก็จะเอาสิ่งไหนมาปรับใช้ให้เข้ากับตัวเรานั้นเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อหญิงสาวผู้หลงใหลกลิ่นอายความโก้หรูในสไตล์คลาสสิก หยิบมาผสมผสานกับความทันสมัยของยุคปัจจุบันจึงกลายเป็นสไตล์ของเธอคนนี้ “เอย โชติกเสถียร” :: Text by FLASH