>>ส่งท้ายเดือนแห่งความรักกับเรื่องราวความรักแสนหวานของ “พั้ม-พามงคล ฉายาวิจิตรศิลป์” ทายาทของร.ต.อ.นพ.มนัส-วรรณภา ฉายาวิจิตรศิลป์ เจ้าของธุรกิจความงามเมโกะคลินิก กับ มิว-วรารัตน์ สิริกุตตาภรรยาคนสวย ถ้าพรหมลิขิต คือ ผู้อำนวยการสร้างให้ความรักบังเกิดบนโลกใบนี้ ความรักเขา ก็คงจะเป็นหนึ่งในผลงานของพรหมลิขิตอีกเช่นกัน เพราะใครจะคิดว่าจากเพื่อนสมัยเรียนที่ไม่ได้เจอกันเกือบ 20 ปี สุดท้ายเมื่อทั้งคู่ได้มีโอกาสกลับมาเจอกันอีกครั้ง จะสปาร์คเป็นความรักครั้งใหม่ที่สวยงาม
“ผมว่าความรักของผมกับมิว เป็นพรหมลิขิตนะ เพราะถึงเราจะไม่ได้เจอกันนาน แต่เขายังอยู่ในใจผมมาตลอด ช่วงที่ไปเรียนต่อต่างประเทศ ผมเคยลองเสิร์ชหาชื่อเค้าในข้อมูลหนังสือรุ่น แต่ก็ไม่เจอโชคดีที่สุดท้ายโชคชะตาทำให้เราได้มาเจอและรักกันผมว่าเราเป็นคู่ที่มีความต่างกันเยอะมาก แต่มันเป็นความต่างที่ลงตัว อย่างมิวจะเป็นคนที่อยู่ในกรอบ ชอบอ่านหนังสือมาก ส่วนผมเป็นพวกชอบแหกกฎ ไม่ชอบอ่านหนังสือ ฟังแต่ออดิโอบุ๊คอย่างเดียว แต่พอเราอยู่ด้วยกัน เรากลับเติมเต็มส่วนที่ขาดของกันและกันให้พอดี”
หากจะพูดถึงสิ่งที่ทั้งคู่คล้ายกันอยู่บ้าง พั้มบอกว่าคงเป็นเรื่องอารมณ์โรแมนติก ชอบเซอร์ไพรส์อีกฝ่ายอยู่เสมอยกตัวอย่างตอนที่ฝ่ายชายจะขอฝ่ายหญิงแต่งงาน ยังเป็นเซอร์ไพรส์ซ้อนเซอร์ไพรส์ เพราะฝ่ายหญิงตั้งใจจัดงานวันเกิดเซอร์ไพรส์พั้มแท้ๆ แต่ดันเจอพั้มซ้อนแผนด้วยการใช้งานวันเกิดของตัวเองขอแฟนสาวแต่งงาน
“คู่เราค่อนข้างโรแมนติดนะ โอกาสพิเศษหรือเทศกาลสำคัญอย่างวาเลนไทน์ เราจะมีของขวัญให้กันตลอด ต้องไปดินเนอร์ด้วยกัน ยกเว้นบางทีเราไม่อยากไปเบียดเสียดกับคู่อื่น ก็อาจจะเลื่อนดินเนอร์ออกไป แต่ให้ของขวัญกันในวันวาเลนไทน์เหมือนเดิม”
พูดถึงของขวัญแทนใจที่ฝ่ายหญิงมอบให้ฝ่ายชาย แน่นอนว่าประทับใจทุกชิ้น แต่ถ้าให้เลือก 3ชิ้นโปรดเพื่อหยิบมาเล่าถึงคุณค่าที่แฝงอยู่เหนือสิ่งของแทนใจ พั้มเลือกตุ๊กตาใส่ชุดแพทย์ ซึ่งเป็นของขวัญชิ้นแรกที่ภรรยาสาวมอบให้เพื่อเป็นตัวแทนของตัวเองซึ่งเป็นแพทย์ผิวหนัง
“เขาให้ตอนผมต้องเดินทางไปญี่ปุ่นลำพัง10 วัน ให้เป็นตัวแทนของเค้าว่าเหมือนมีเค้าไปกับเรา ทุกวันนี้ผมวางไว้หัวเตียง และ เอาติดตัวไปด้วยทุกครั้งเวลาต้องเดินทางคนเดียว อย่างน้อยก็อุ่นใจว่าเหมือนมีภรรยาไปด้วย”
ของชิ้นต่อมา ซึ่งพั้มยกให้เป็นของขวัญที่ประทับใจที่สุด คือ สแครปบุ๊ค ซึ่งเจ้าตัวเลือกให้เป็นหนังสือเล่มเดียวที่วางไว้เป็นโต๊ะรับแขก เพื่อให้แขกไปใครมาได้หยิบมาเปิดดู และอมยิ้มไปกับความรักที่สวยงามของทั้งคู่
“มิวเค้าชอบทำอะไรที่มุ้งมิ้งแบบนี้นะ แต่ด้วยความที่เป็นหมอ ไม่ค่อยมีเวลาเลยไม่ค่อยได้ทำ ตอนที่ผมได้มา ผมรู้เลยว่าเค้าต้องใช้เวลาบวกความตั้งใจในการทำจริงๆ ผมยังจำได้ว่าช่วงนั้นเขายุ่งมาก ผมโทรไปทีไรก็ไม่ว่าง ช่วงนั้นก็มีแอบน้อยใจนะ ว่าไม่มีเวลาให้เราทั้งทีไม่ใช่ช่วงสอบ มารู้ทีหลังว่าที่เขาไม่ว่างเพราะเอาเวลามาทำสแครปบุ๊คให้เรา สำหรับผม สแครปบุ๊คเล่มนี้ เหมือนเป็นตัวแทนความทรงจำดีๆของเราทั้งคู่ เวลาเปิดดูมันไม่ได้ทำให้เราแค่นึกถึงโมเมนต์ประทับใจที่บางครั้งเป็นเรื่องเล็กๆน้อยที่เราลืมไปแล้วเท่านั้นนะ แต่มันยังทำให้เราหวนนึกถึงอารมณ์ ความรู้สึกในตอนนั้นขึ้นมาด้วย”
พั้มบอกด้วยว่า โมเมนต์ที่ประทับใจที่สุดในสแครปบุ๊คนี้ คือ ภาพตอนที่ไปเที่ยวสมุยด้วยกัน เพราะเดิมทริปนี้ พั้มตั้งใจจะไปขอฝ่ายหญิงแต่งงาน แต่ก่อนจะไปพั้มดันเกิดอุบัติเหตุเสียก่อน ทำให้ข้อมือแตกและต้องเลื่อนแผนการเดินทางออกไป ผ่านไป 3 เดือน ทั้งคู่ก็จูงมือกันไปที่สมุยตามที่ตั้งใจ แม้ว่าพั้มจะทำภารกิจขอแต่งงานสำเร็จไปแล้วก็ตาม
ของขวัญอีกชิ้นที่ประทับใจไม่แพ้กันคือ เข็มขัดและคัฟลิงค์ ทุกวันนี้พั้มยังเก็บไว้อย่างดี แม้แต่กล่องที่ห่อของขวัญมา พั้มบอกว่าเลือกชิ้นนี้มาเพราะเป็นของขวัญจากวันวาเลนไทน์ปีล่าสุด ที่ภรรยาซื้อมาได้ถูกใจ เพราะกำลังอยากได้ทั้งเข็มขัดแอร์เมชสีนี้(เส้นที่ใส่อยู่)พอดี เช่นดียวกับคัฟลิงค์ ซึ่งตอนนั้นเขากำลังอยากได้ แต่ไม่มีเวลาไปซื้อ ภรรยาก็จัดให้พอดี เลยนับว่าเป็นของขวัญที่ถูกใจผู้รับสุดๆ
สำหรับวาเลนไทน์ที่ผ่านมาพั้มบอกเล่าอย่างอารมณ์ดีว่า เขาได้เตรียมสั่งกุหลาบช่องามไว้ให้ภรรยาสุดที่รักเรียบร้อยตั้งแต่ต้นปี เพื่อเป็นการขอบคุณและส่งความรู้สึกดีๆ จากหัวใจของเขาที่มีมาตลอดระยะเวลาที่คบกันจนกระทั่งแต่งงานกัน และขอยืนยันว่าจะเป็นรักยืนยงที่มีแต่ความรู้สึกดีๆ ตลอดไป
จากคำขอโทษที่ติดค้างแปรเปลี่ยนเป็นรักแท้
เรื่องราวความรักของพั้ม-มิวต้องบอกว่าหวานโรแมนติกไม่แพ้ซีรีส์เกาหลี โดยเรื่องราวความประทับใจที่พั้มมีให้มิว เริ่มตั้งแต่สมัยเป็นเพื่อนนักเรียนตอนป.5พั้มบอกว่า มิวเป็นเด็กเรียนเก่ง ขณะที่เขาเป็นเด็กเกเร คุณครูเลยจับให้นั่งด้วยกันหวังว่าจะช่วยให้พั้มสนใจการเรียนขึ้นมาบ้าง แต่ดูเหมือนพั้มเหนือจากการเรียน พั้มกลับสนใจในตัวมิวแทน แต่ไม่ได้บอกให้ฝ่ายหญิงรู้ กระทั่งวันหนึ่งพั้มดันไปแกล้งมิวจนร้องไห้ คุณครูเลยทำโทษให้เรานั่งแยกกัน
“หลังจากนั้นพอดีว่าผมย้ายโรงเรียน เลยไม่ได้ติดกันกันอีกเวลาผมมางานเลี้ยงรุ่นก็ไม่เคยเจอมิว ได้แต่ถามเพื่อนๆก็บอกว่าไม่ได้ติดต่อกับมิว จนมีเพื่อนคนหนึ่งพอรู้ช่องทางที่จะติดต่อไปถึงมิว ผมเลยได้มีโอกาสคุยดทรศัพท์กับเขาและมีโอกาสนัดเจอกัน ตอนนั้นผมไม่ได้คิดว่า เราต้องแฟนกัน แค่ลองคุยกันดู เพราะผมและเค้าก็ยังไม่มีใคร สำหรับผม 19 ปีที่เราไม่ได้เจอกัน มิวยังอยู่ในใจผมเสมอ ผมรู้สึกติดค้างคำขอโทษเค้า ที่ผมทำให้เด็กผู้หญิงคนหนึ่งต้องร้องไห้ แต่ในที่สุดนอกจากผมจะได้ขอโทษเขาผมยังพบว่าความน่ารักและมีน้ำใจของเขาที่ผมเคยประทับใจในวัยเด็กยังทำให้ผมในวันนี้ประทับใจในตัวเค้าเช่นเคย” :: Text by FLASH