ไม่ค่อยออกสื่อแต่ฝีมือขั้นเทพ สิก-ศิกวัสส์ ลือโสภณ เจ้าของรางวัลที่ 3 เทคนิคการทำสีจาก สถาบัน วิดัล แซสซูน ประเทศอังกฤษ นับเป็นคนเอเชียคนแรก ที่คว้ารางวัลจากสถาบันสอนทำผมชื่อดังแห่งนี้ ลูกค้าคนไทยไม่ว่าจะใหญ่โตร่ำรวยโด่งดังเอ็กซ์คลูซีฟขนาดไหน ต่างไว้วางใจมอบศีรษะให้เขาคนนี้ดูแล เพราะพอใจช่างทำผมแนวคิดใหม่ ที่เอาใจใส่ในบริการหลังการขาย
จากความผิดหวังในการสอบปริญญาโทด้านสื่อสารการตลาด จาก SOAS, University of London สิก-ศิกวัสส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีโวเนีย (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าแบรนด์สกินแคร์ Pevonia จากสหรัฐฯ จึงยอมเดินตามรอย “พิสมัย ลือโสภณ” ผู้เป็นแม่ ด้วยการสอบเข้าเรียนทำผมกับ “วิดัล แซสซูน” นักออกแบบทรงผมชาวอังกฤษ ผู้ออกแบบทรงผมบ็อบคัทชื่อดัง
“สงสารแม่ ไม่อยากกลับบ้านมือเปล่า รุ่นพี่ที่นั่นจึงแนะนำให้รู้จัก “วิดัล แซสซูน” ทำให้เราสนใจสมัครเรียนกับเขาแบบเต็มหลักสูตร 2 ปีกว่า หมดเงินไปกว่า 3 ล้านบาท ที่บ้านก็สนับสนุน เพราะสมัยนั้นคนไทยเรียน “แซสซูน” มีน้อยมาก เพราะเป็นโรงเรียนสอนทำผมที่ค่าเรียนแพง การเรียนการสอนโหดมาก ผมบ๊อบของเขาเวลาตัดต้องเท่ากันหมด ลูกค้าจะหันไปทางไหน องศาเท่าไหร่ ผมบ๊อบจะยังคงเป็นเส้นตรงตลอด ไม่มีโค้งเว้า ซึ่งมันไม่ง่ายเลย” ศิกวัสส์ บอกเล่าเหตุผลที่ทำให้เขาต้องหันมาเป็นช่างทำผม
แม้จะได้ชื่อว่าเป็นโรงเรียนสุดหิน แต่ก็ไม่เกินกำลังที่ “ศิกวัสส์” จะรับมือ เพราะเมื่อมีประกวดตัดผมและทำสีผม สิกก็ลงชิงชัยกับเขาด้วย แม้จะไม่ติดอันดับช่างตัดผมดีเด่น แต่ก็ติดอันดับ 1 ใน 3 ช่างผมที่มีเทคนิคการทำสีที่ดีที่สุด เป็นของขวัญติดมือกลับมาฝากแม่ ซึ่งเขาบอกว่า รางวัลชิ้นนั้นเป็นสิ่งที่ภูมิใจมาก เพราะถือเป็นคนไทยคนแรก และเป็นเอเชียคนเดียวที่สามารถคว้ารางวัลนี้ได้
เมื่อกลับมาถึงเมืองไทย สิกก็ตัดสินใจเปิดร้านทำผมในชื่อของตัวเองในซอยร่วมฤดี ภายใต้คอนเซ็ปต์ “If you don′t look good, we don′t look good คือ ถ้าคุณดูไม่ดี เราก็ดูไม่ดี ซึ่งเขายอมรับว่า วันแรกที่เปิดก็นั่งเงียบเหงามาก เพราะไปแบบโนเนม ไม่มีคนรู้จัก จึงไม่มีใครกล้าเข้าร้าน แม่ก็ปลอบใจให้อดทน ไม่ต้องกังวล เพราะมีเงินให้ขาดทุนได้ 1 ปี จนเข้าวันที่ 2-3 ก็เริ่มมีคนเข้าร้าน จากนั้นมีการบอกกันปากต่อปาก ทำให้ลูกค้ามาเรื่อยๆ เรียกว่าไม่มีเวลานั่งไม่มีเวลากินข้าวเลย
“เข้าใจว่าลูกค้าชอบ เพราะเวลาตัดผมไม่เน้นตามเทรนด์ตามแฟชั่นมากนัก แต่จะเน้นที่เข้ากับใบหน้าลูกค้าเป็นหลัก ตัดผมทุกครั้งจะไม่ใช่แค่ให้ลูกค้าสวยแค่ตอนอยู่ในร้านเท่านั้น เวลาเขากลับไปใช้ชีวิตประจำวันก็ต้องยังสวยด้วย นั่นคือสิ่งที่เรายึดมั่นมาตลอด อย่างสีผมก็เหมือนกัน ไม่ยึดตามเทรนด์ แต่ยึดตามความเหมาะสมและความพอใจของลูกค้า บอกได้เลยการผสมสีไม่มีสูตรตายตัว เพราะการบีบสีแต่ละครั้งน้ำหนักการบีบไม่เท่ากัน ออกมาต้องมีอ่อนมีเข้ม ดังนั้น อยากให้คนย้อมดูดี ต้องดูผิวและบุคลิกลูกค้าด้วย” สิกเล่าถึงเหตุผลที่เชื่อว่าทำให้ลูกค้าติดใจในฝีมือ
หลังมีลูกค้าชั้นดีมาเป็นขาประจำ รายได้ต่อวันของเขาก็มากมายเช่นกัน ค่าตัดผมของเขาอยู่ในอัตราหัวละ 2-3 พันบาทขึ้นไป ลูกค้าที่เข้ามาแต่ละวันไม่ต่ำกว่า 20 หัว ทำให้เขาเริ่มหลงตัวเอง ใช้เงินฟุ่มเฟือย หมดไปกับการปาร์ตี้ ซื้อเสื้อผ้า กระเป๋า จิวเวลรี นาฬิกา ผ้าปูที่นอน ซื้อมาใช้ 1-2 ครั้งก็แจกคนไป บางอย่างซื้อมาไม่ได้ใช้ แต่เขาก็พึงพอใจ เพราะมันคือความสุขใจ ไม่สนใจคำเตือนของแม่
นานกว่า 7-8 ปีที่ “สิก” ใช้ชีวิตหรูหราแบบไร้จุดหมายชนิดไม่เกรงใจใครนั้น วันหนึ่งเขาประสบเหตุถูกประตูทับมือ ทำผมไม่ได้ต้องหยุดงานเป็นเดือน “เข็ดเลย เพราะอึดอัด ไม่อยากทิ้งงาน เพราะนัดลูกค้าหลายราย รายได้หายไปเยอะ ตรงนั้นทำให้รู้เลยว่า ช่างผมเป็นอาชีพที่ไม่มั่นคงสำหรับตัวเอง เพราะหากมือเป็นอะไรขึ้นมา นั่นหมายถึงทำงานไม่ได้เลย ก็เลยเปลี่ยนความคิด รู้จักค่าของเงินมากขึ้น และหันมาทำธุรกิจอื่นเพิ่มเติม”
แม้จะหันไปทำธุรกิจเสริม อย่างการนำเข้าครีมบำรุงผิวระดับพรีเมียม Pevonia ให้กลายมาเป็นธุรกิจหลัก ที่สามารถทำรายได้มหาศาล แต่สิกก็ไม่ทิ้งอาชีพช่างทำผมลงได้ โดยเฉพาะลูกค้าประจำทั่วไปและเหล่าคนดัง อาทิ เมย์-พิชญ์นาฏ สาขากร, วาววา-ณิชารีย์ โชคประจักษ์ชัด, แพร วัชราภัย ฯลฯ “ขาประจำ ยังโทร.มาหาตลอด เลยต้องแบ่งเวลาคือ จันทร์-ศุกร์ ทำงานที่ “พีโวเนีย” ส่วนเสาร์-อาทิตย์จะเป็นแฮร์สไตลิสต์ให้กับร้านทำผมของแม่ที่เซ็นทรัลพระราม 2 ตรงนี้ก็ทำให้มีความสุขดี ได้อยู่กับสิ่งที่เรารัก ทำให้ไม่รู้สึกเหนื่อยด้วย”
ระหว่างที่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุก ก็เป็นเวลาเดียวกับที่เขานัดลูกค้าขาประจำมาทำสีผม ตรงนี้ทำให้เราไม่กล้าที่จะอยู่เกะกะ หากแต่สิกก็อนุญาตให้เราได้นั่งดูวิธีการผสมสีและการทำผมในแบบของเขาให้เราดู โดยเขายังบอกถึงเทรนด์สีผมที่มาแรงในช่วง Fall/Summer 2016 นี้ว่า เป็นแนวสีน้ำตาลประกายทองแดง, เขียวเหลือบเทา, เทาควันบุหรี่ หรือจะเพิ่มความโดดเด่นด้วยแนวสีทูโทน เป็นชมพู-เทา หรือ ไล่โทนน้ำตาลจากโคนสู่ปลายก็สวยไปอีกแบบ
การพูดคุยกันในวันนี้อาจบางเบาไปด้วยสาระ แต่ก็ได้แง่คิดและประสบการณ์ การหลงใหลได้ปลื้มกับสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต จนหลงลืมคนใกล้ตัว หลงลืมที่จะรักเงินทองที่กว่าจะหามาได้ ซึ่งเขาบอกว่าหากย้อนกลับไปได้ เขาจะไม่มีวันหลงใหลกับสิ่งเหล่านั้น
และก่อนจากกัน “สิก” ยังฝากถึงช่างทำผมรุ่นใหม่ว่า หากอยากประสบความสำเร็จในชีวิต “ขอเพียงแค่มุ่งมั่น เมื่อได้จับกรรไกรทำงานแล้ว ให้ทำอย่างเต็มที่ และต้องดูแลลูกค้าให้ดีที่สุด ที่สำคัญคือ ต้องคิดแทนลุกค้าเมื่อเขาออกพ้นจากร้านเราแล้วด้วย เพราะหากเขาดูไม่ดี เราก็ดูไม่ดีด้วยเช่นกัน”
เรื่อง วรกัญญา
ภาพ จิรโชค พันทวี