ผู้หญิงคนไหนอยากสวยก็ต้องแบกหน้าไปหาหมอเพื่อให้หมอผ่า-ขึง-ดึง-สอยหน้าออกมาให้สวยสมใจ แต่หมอสาว ๆ ตามคลีนิคเสริมความงามยุคนี้แต่ละคนก็สวยเป๊ะไม่แพ้คนไข้เหมือนกัน มาดูกันว่า 5 คุณหมอสาวที่เหล่าคนไข้สาวกล้าฝากฝังให้เติมความสวยแต่ละสำนักนั้นเขาเกิดมาสวยหรือต้องมีตัวช่วยเหมือนคนไข้
**หมอออย- สวยเบาๆ ด้วยเลเซอร์ โบท็อกซ์!**
คร่ำหวอดในวงการความงามมาไม่น้อย แต่กาลเวลาก็ไม่ทำให้หมอออย-อรุณี ทองอัครนิโรจน์ แห่งรมย์รวินท์คลินิก ดูแตกต่างจากตอนเรียนจบใหม่ๆ สักเท่าไหร่ คุณหมอเล่าถึงเคล็ดลับความงามของตัวเองว่า
“โชคดีที่คุณแม่จะคอยทาครีมให้ตั้งแต่เด็กๆ ทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น จนถึงเดี๋ยวนี้ จะทาทุกเช้า เย็น ระหว่างวัน หลายคนมีปัญหาว่าจะหาครีมบำรุงอย่างไรให้ถูกกับผิวหน้า หลังจากที่ศึกษาถึงส่วนผสมของเครื่องสำอางเข้าไปลึกๆ จึงทราบว่าส่วนผสมบางอย่างอาจจะแพ้สำหรับผิวบางประเภท หมอจึงขอแนะนำว่า เลือกครีมบำรุงที่ไม่แพ้ก่อนเป็นอันดับแรก และหากใครที่เป็นสิวก็ไม่ควรสครับหน้า หรือไปยุ่งกับผิวหน้ามาก”
ส่วนใบหน้างามๆ ของคุณหมอนั้น หมอออยยอมรับว่าผ่านทั้งทรีตเม้นท์ เลเซอร์ ให้ผิวหน้าสวยใส มีการฉีดโบท็อกซ์กรามให้เข้ารูป จัดฟัน ซึ่งเป็นการดูแลความสวยแบบเบื้องต้น
“หมอแนะนำว่าสาวๆ ควรบำรุงผิวตั้งแต่ยังเยาว์วัย ซึ่งหากเกิดปัญหาผิวพรรณก็สามารถดูแลระดับเบสิคได้ เช่น เลเซอร์ ฉีดฟิลเลอร์ ฉีดโบท็อกซ์ ที่สำคัญควรดื่มน้ำแร่ เพื่อเติมความเป็นด่างให้แก่ร่างกายซึ่งช่วยชะลอวัยได้”
“หมอปู” กระชาก-กระชับหน้า ด้วยการร้อยไหม
การจะเป็นหมอร้อยไหมอันดับต้นๆ ของประเทศ ก็ต้องผ่านการฝึกฝนและเป็นหนูทดลองให้ทั้งอาจารย์และลูกศิษย์ ดังนั้นหมอปู-ศศิพัชร์ วิริยะรัตน์ แห่งแอทลาสษ์คลินิก ยอมรับว่าตัวเองก็ร้อยไหมและเสริมจมูกด้วยการร้อยไหมเช่นกัน
“เริ่มต้นปรับรูปหน้าตัวเองเมื่อ 5 ปีก่อน ตอนนั้นเพิ่งเรียนหมอจบใหม่ๆ จนถึงตอนนี้ก็เป็นหมอเชี่ยวชาญเรื่องร้อยไหมแล้ว ก็ต้องทดลองและฝึกสอนหมอรุ่นน้องไปด้วย จึงได้ปรับรูปหน้าตัวเองด้วยการร้อยไหมและฉีดโบท็อกซ์ค่ะ”
หมอปูเผยว่า ตัวเองได้ทำการร้อยไหมเสริมจมูกกึ่งถาวร ร้อยไหมทำหน้าวีเชฟ ร้อยไหมเสริมคางพร้อมฉีดฟิลเลอร์กำกับ และฉีดโบท็อกซ์ลดกรามแบบถาวร ซึ่งได้เทคนิคมาจากประเทศเกาหลี เจ้าตัวแย้มว่า “ปกติหากจะฉีดโบท็อกซ์ลดกรามต้องบินไปฉีดปีละครั้ง แต่หากฉีดอัดไปเลย 3 ครั้งในหนึ่งปี มันแทบจะไม่กลับมาเลย”
ใบหน้าของหมอปูจึงสวยปิ๊งเปลี่ยนลุคจากเมื่อ 5 ปีก่อนอย่างเห็นได้ชัด
**หมอโบว์ สวยใสด้วยเอ็นไทร์ เอจจิ้ง**
หมอโบว์-แพทย์หญิงพันธลี ชื่นสัมพันธ์ แห่ง DII เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเอนไทน์เอจจิ้ง จึงเน้นการดูแลตัวเองจากภายในเป็นหลัก เริ่มตั้งแต่การพักผ่อน การรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย และการปรับไลฟ์สไตล์ให้คงความอ่อนเยาว์
“สุขภาพที่ดีเริ่มจากภายในค่ะ เพราะจะส่งผลต่อผิวพรรณและความงามสู่ภายนอก หมอจะดูแลตัวเองตั้งแต่การนอน ซึ่งต้องนอน 7-8 ชั่วโมง ด้านอาหารการกินนอกจากจะรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ก็จะทานวิตามินและอาหารเสริมด้วย ที่สำคัญการรับประทานอาหารต้องรู้ด้วยว่าเรากรุ๊ปเลือดอะไร เพราะผู้ที่มีเลือกกรุ๊ป A จะย่อยยากก็ไม่ควรทานเนื้อสัตว์ใหญ่ ควรทานพวกปลา เน้นผัก ผลไม้” คุณหมอแนะนำ
ส่วนตัวคุณหมอยังไม่เคยผ่านการเสริมความงามใดๆ เพราะโชคดีที่ใบหน้าได้รูป หมอโบว์จึงแนะนำสาวๆ ว่า “ เราดูแลสุขภาพตัวเองจากภายในเป็นอย่างดี เริ่มตั้งแต่เข้าสู่วัยรุ่นพร้อมกับบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื่นอยู่เสมอ และหากมีปัญหาผิวพรรณที่เกิดขึ้นจากอายุและสิ่งแวดล้อมภายนอก ก็สามารถดูแลผิวจากภายนอกได้ เช่นการฉีดวิตามินเข้าสู่ผิวหนัง อย่างการทำ Face Cell หรือ Matric ส่วนการปรับรูปหน้าหรือแก้ไขปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการโบท็อกซ์ เลเซอร์ ฟิลเลอร์ เป็นลำดับสุดท้ายค่ะ
**“หมอเจี๊ยบ” จิ้ม -ยิง -สอย ลองทุกอย่าง**
เป็นถึงเจ้าของมิเนอริวา คลินิก เวลามีนวัตกรรมความงามหรือเทคนิคใหม่ๆ หมอเจี๊ยบ-อภัฎฐ์ชา อัศดามงคล ก็ต้องเป็นหนูทดลองทุกครั้งเพื่อจะได้แนะนำให้คนไข้ได้ถูก
คุณหมอเผยว่า “เคยทำทุกอย่างค่ะ ตั้งแต่ฉีดโบท็อกซ์ ฟีลเลอร์ เลเซอร์ เวลามีเครื่องไม้เครื่องมือหรือตัวยาใหม่ๆ มาให้บริการคนไข้ก็จะต้องทดลองกับตัวเองและพยาบาลที่คลินิกอีก 2 คน เพื่อให้เห็นผลกับผิวทุกสภาพ โบท็อกซ์ก็ฉีดลดกรามปรับรูปหน้าตั้งแต่ก่อนแต่งงาน เพื่อให้ได้รูปแต่งงานสวยๆ แรกๆ จะฉีดทุกๆ 6 เดือนค่ะ ตอนหลังก็ห่างเป็นปีละครั้ง และพักหลังก็2 ปีครั้ง จนหยุดฉีดหลังจากมีลูกจนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลากว่า 2 ปี แล้วค่ะ กรามก็แทบจะไม่กลับมาแล้ว ส่วนจมูกก็ได้ทำการร้อยไหมเสริมจมูกควบคู่กับการฉีดฟิลเลอร์ การเสริมจมูกนั้นมีอาจารย์หมอทำให้ตอนเราไปเรียนการร้อยไหม ส่วนฟิลเลอร์ก็คอยฉีดเติมให้ตัวเองค่ะ และฉีดฟิลเลอร์เติมร่องแก้มให้เต็มค่ะ”
นอกจากเติมความสวยด้วยมือแพทย์ (ตัวเอง) แล้ว หมอเจี๊ยบเผยถึงเคล็ดลับการดูแลความงามสำหรับสาวๆ ทุกคนว่า สาวๆ วัยสามสิบกลางๆ เหมือนหมอนั้น เซลล์ผิวต่างๆ เริ่มไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด เกิดความเสื่อมของเซลล์ได้ง่ายๆ จึงต้องหลีกเลี่ยงแสงแดด ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้ผิวแห้งกร้านและเกิดริ้วรอยได้ง่าย
**“หมอทู” สวยเบาๆ แบบหมอศัลย์ฯ**
แม้จะรังสรรค์ความสวยให้สาวๆ ด้วยการลงมีด แต่หมอทู- วิทูสินี อยู่ดี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน Plastic & Aesthetic Surgery แห่ง BB Clinic กลับเลือกสวยด้วยวิธีดูแลผิวแบบธรรมชาติ เจ้าตัวเผยว่า ความสวยของตัวเองเน้น 3 แบบ เริ่มจากเรื่องการรับประทานอาหาร ทานให้พอดีและครบ 5 หมู่ งดแป้งและไขมัน จึงรีดน้ำหนักที่สูงถึง 70 กิโลกรัม เหลือแค่ 50 ปลายๆ หลังจากนั้นก็เน้นการออกกำลังกาย สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ทำแบบสม่ำเสมอ และสุดท้ายคือการพักผ่อนให้เพียงพอ นอนสี่ทุ่มและตื่นเช้ามาออกกำลังกายก่อนมาทำงาน เพราะแต่ละวันหมอทูต้องใช้สมาธิและแรงกายในการผ่าตัดเติมสวยให้คนไข้
“ส่วนตัวหมอไม่เคยผ่าตัดเสริมความงาม และไม่เคยฉีดโบท็อกซ์ หรือฟิลเลอร์ใดๆ หมอเชื่อว่าการเติมความสวยด้วยวิธีเหล่านี้เป็นความพึงพอใจของตัวเอง บางคนทำนิดๆ หน่อยๆ เพื่อเสริมสิ่งที่หายไปก็มี หรือบางคนอยากจะปรับเปลี่ยนรูปหน้าไปเลยก็มี แต่ส่วนตัวหมอจะเน้นทาครีมกันแดดเยอะๆ หลีกเลี่ยงแสงแดด และพักผ่อนให้เพียงพอค่ะ” คุณหมอกล่าวส่งท้าย