>>สร้างความสะเทือนวงการแฟชั่นไม่ใช่น้อยกับข่าวการยื่นซองขาวละทิ้งนามสกุล “ดิออร์” ของ “ป๊อป-วราวุธ เลาหพงศ์ชนะ” หรือที่คนในวงการแฟชั่นและนักข่าวคุ้นกับเขาในฉายา “ป๊อป ดิออร์” ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์และการตลาด แบรนด์ชื่อดังระดับโลกอย่าง “คริสเตียน ดิออร์ (ประเทศไทย)” เป็นเวลากว่า 10 ปีที่เขาร่วมงานเป็นพี่เป็นน้องกับแบรนด์ดิออร์ แต่วันนี้เขาได้เปิดใจคอนเฟิร์มกับเราแล้วว่า “ป๊อป ดิออร์” กำลังจะขอถอดนามสกุล “ดิออร์” ไว้แต่เพียงเท่านี้!!
ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาเรียกได้ว่าทุกครั้งที่เราเจอกับ “ป๊อป-วราวุธ เลาหพงศ์ชนะ” ความรู้สึกของเราก็รู้สึกเหมือนเขามาพร้อมกับความเป็นดิออร์ จนแทบจะเรียกได้ว่ามีตราโลโก้ของแบรนด์อยู่บนหน้าของเขาตลอดเวลา แต่เมื่อประกาศลาออกจากงานที่ทำ หลายๆ คนจึงเกิดข้อสงสัยว่าทำไมถึงได้ยอมละทิ้งตำแหน่งที่เรียกได้ว่าเป็นความใฝ่ฝันของหลายๆ คนที่อยากจะได้ร่วมงานกับแบรนด์ระดับโลก ซึ่งเขาได้เปิดใจกับ Celeb Online เล่าถึงเหตุผลในการตัดสินใจครั้งนี้ว่า
“เรื่องการลาออกคิดมานานแล้วตั้งแต่ 5-6 ปีที่แล้ว เพราะตอนนั้นเริ่มทำงานรายการโทรทัศน์ เราเกรงใจบริษัท แต่ทางดิออร์ก็อนุญาตให้ทำงานโทรทัศน์ควบคู่ไปด้วย เราจึงยังมีโอกาสทำงานต่อ แต่พอทำงานมาเป็นปีที่ 10 ก็รู้สึกถึงความอิ่มตัวกับงานที่ทำ เกรงว่าจะไม่มี passion ในการทำงานให้กับบริษัท ก็เลยตัดสินใจลาออกดีกว่าและคิดว่าการทำงานที่เดิมๆ สัก 10 ปีก็น่าจะพอแล้วกับ 1 องค์กร ส่วนตัวคิดว่าเลข 10 ก็ดูสวยดี เวลาพูดว่าทำงานที่นี่มา 10 ปีหรือ 1 ทศวรรษ ก็ฟังดูขลังดี (หัวเราะ)
อีกอย่างก็คงถึงเวลาแล้วนะที่เราจะเปิดโอกาสให้เด็กๆ น้องๆ คนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ ได้มีโอกาสเข้ามาทำงาน เราเองอายุไม่ใช่น้อยๆ แล้ว นอกจากนี้แล้วตัวเองก็งานล้นมือ เพราะยังต้องทำงานด้านวงการบันเทิงอีก 3 รายการ คือ เป็นผู้ประกาศข่าวบันเทิงในรายการ “โต๊ะข่าวบันเทิง” ช่วงข่าวต่างประเทศ ที่เราต้องเขียนข่าวเอง เตรียมเนื้อหาเองทุกวัน และยังเป็นพิธีกรรายการอีก 2 รายการคือรายการเดอะลิสต์ (The List) และรายการเดอะโพล (The Poll) จึงอยากจะตั้งใจมุ่งไปที่รายการโทรทัศน์ที่เราต้องรับผิดชอบให้ดีที่สุด
พูดจากใจจริงเลยว่าที่ลาออกจากดิออร์ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย ถึงเวลาพักของเราจริงๆ และที่ผ่านมากล้าพูดแบบไม่ได้โม้เลยว่าเราตั้งใจทำงาน ดูแลทุกอย่างไม่เคยบกพร่อง เราอยู่ตรงนี้มาไม่เคยเหยียบขาใคร ไม่เคยทำให้ใครไม่พอใจ ไม่เคยแทงใครข้างหลัง ฉะนั้นเมื่อถึงเวลาที่เราจะออกไปก็เป็นการจากไปอย่างสวยงาม จากไปอย่างไม่มีศัตรู มีแต่มิตรภาพ จบอย่างสวยงาม”
ไม่ใช่แค่การสั่นสะเทือนวงการแฟชั่นเมืองไทยเท่านั้น แต่ยังสะเทือนไปถึงผู้บริหารระดับผู้ใหญ่ของดิออร์ที่ต้องบินตรงจากฮ่องกงเพื่อมาเจรจาการตัดสินใจครั้งสำคัญนี้
“ตอนที่ตัดสินใจลาออกก็บินไปแจ้งผู้ใหญ่ด้วยตัวเองที่มาเลเซีย จากนั้นทางผู้ใหญ่ก็ให้ HR บินมาจากฮ่องกง เพื่อมาคุยกับเราที่เมืองไทยว่าเกิดอะไรขึ้น? เราก็ยืนยันว่าไม่มีอะไร เราอิ่มตัวแล้วจริงๆ เขาก็เริ่มจะเอื้อนเอ่ยเพื่อให้เราลองตัดสินใจใหม่ แต่เรารีบบอกเลยว่าเราอิ่มตัวจริงๆ เราไม่ได้เอาเรื่องการลาออกมาเป็นข้อต่อรองใดๆ ทั้งสิ้น แล้วก็ยื้อกันมาตั้งแต่เดือน กรกฎาคม คุยกันเขาก็ยังอยากให้ช่วยงานในส่วนของ Dior Homme ที่จะเปิดที่เมืองไทยให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งก็จะแกรนด์โอเพนนิ่งปลายเดือนตุลาคมนี้ จากนั้นก็จะเตรียมเคลียร์งาน เตรียมความพร้อมไว้ให้คนที่จะมาทำงานต่อจากเรา โดยการลาออกครั้งนี้จะมีผลตั้งแต่สิ้นเดือนธันวาคมเป็นต้นไป”
โดยตลอด 10 ปีที่ผ่านมา “ป๊อป ดิออร์” ที่เรารู้จักก็เป็นคนที่มุ่งมั่น ตั้งใจในการทำงาน ดูแลทุกอย่างชนิดไม่ขาดตกบกพร่อง แต่เมื่อเขาจะจากตำแหน่งนี้ไปจริงๆ ก็ยังคงแฝงความอาลัยไว้ลึกๆ ด้วยน้ำเสียงที่เราสามารถสัมผัสได้
“การทำงานที่ดิออร์ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก เป็นโอกาสที่ดีที่สุดโอกาสหนึ่งในชีวิตเลยก็ว่าได้ พอบอกจะลาออกพี่ๆ น้องๆ ที่ดิออร์ก็ใจหายนะ เขาบอกว่าจะขอพาไปเลี้ยงส่ง แต่เราบอกว่าไม่เป็นไร ขอบคุณมาก เพราะเรารู้ว่าถ้าไปเลี้ยงส่งกัน เราร้องไห้แน่ๆ เขิน ไม่อยากร้องไห้ให้ใครเห็น (หัวเราะ) เพราะเราอยู่กันมาเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว”
อีกหน่อยเราคงจะต้องเปลี่ยนจากการเรียกเขาว่า “ป๊อป ดิออร์” มาเป็น “ป๊อป วราวุธ” ให้ติดปากเหมือนเวลาที่เราเห็นเขาในบทบาทของพิธีกร แต่แม้ว่าจะเรียกเขาอย่างไรก็ตาม เขาก็ยังเป็น “ป๊อป” คนเดิมที่น่ารักจริงใจและมีเรื่องมาเมาท์กับเราอยู่เสมอๆ แถมล่าสุดแอบไปรู้มาอีกว่าตอนนี้หัวใจ “ป๊อป วราวุธ” กำลังเป็นสีชมพูอีกครั้งเพราะเพิ่งรีเทิร์นกลับไปอินเลิฟกับดาร์ลิ่งคนเดิมที่คุ้นเคย ยังไงก็ขอให้ทั้ง Lucky in love และ Lucky in game นะคะ :: Text by FLASH
