>>แม้ว่าครั้งหนึ่ง “เอมี่-รพีพร วงศ์ทองคำ” จะเป็นสาวสังคม แต่เมื่อชีวิตเดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนที่เรียกว่าเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิตของเธอ กลับยินดีและดีใจกับการเปลี่ยนแปลงนั้น โดยวันนี้เธอกลายเป็นคุณแม่ และมีชีวิตคู่ที่มีความสุขกับสามี “ตุ้ย-วิทยา สินทราพรรณทร” และที่สำคัญเธอยังมีสิ่งล้ำค่ายิ่งกว่าชีวิตให้ต้องดูแลนั่นก็คือ “น้องเอเต้-ด.ช.พณรพีร์ สินทราพรรณทร” ลูกชายคนแรก ซึ่งวันนี้เธอเปิดเพนต์เฮาส์ของเธอต้อนรับเราให้มานั่งอัปเดตเรื่องราว 3 ปีที่ผ่านมาที่ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิตของเธอ
เพนต์เฮาส์ย่านหลังสวนที่เราบุกมาในวันนี้เป็นของสองสามี-ภรรยา ที่เราคุ้นหน้ากันเป็นอย่างดี “ตุ้ย-วิทยา สินทราพรรณทร” กับ “เอมี่-รพีพร วงศ์ทองคำ” แม้ว่าในระหว่างที่คุณตุ้ยเจ้าของบ้านพาเราเดินชมมุมต่างๆ ของบ้านเพื่อหาโลเกชั่นในการถ่ายภาพ คุณตุ้ยจะออกตัวก่อนว่าบ้านอาจจะรกไปสักนิดเพราะมีลูกอ่อน แต่เราก็ยังสัมผัสได้ถึงความรู้สึกโปร่งสบาย อบอุ่นในแบบครอบครัวรุ่นใหม่
ระหว่างที่รอการแต่งสวยของคุณเอมี่ เราจึงมีโอกาสพูดคุยอัปเดตเกี่ยวกับหน้าที่การงานของคุณพ่อมือใหม่คนนี้ โดยก่อนหน้านี้ “คุณตุ้ย-วิทยา สินทราพรรณทร” เคยเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของไอศกรีมสเวนเซ่นส์ (swensen’s) บริษัท ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป และย้ายมาทำงานในสายแบงกิ้ง ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริหารการตลาดลูกค้าธุรกิจ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)
“การมาทำงานสายแบงกิ้งคืออีกฟีลหนึ่งเลย ลักษณะงานเป็นการใช้ทักษะทางด้านมาร์เกตติ้งเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าเปลี่ยนองค์กรใหม่ เปลี่ยนนายใหม่ เปลี่ยนตำแหน่งใหม่ มาอยู่แบงก์ก็ต้องปรับตัวค่อนข้างเยอะ เพราะการตลาดสายแบงก์ก็จะมีกฎเกณฑ์อะไรหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง risk เรื่อง compliance แต่ก็จะทำให้เราเห็นช่องทางในการทำการตลาดอีกเยอะ ซึ่งทางแบงก์ก็คงอยากได้มุมมองใหม่ๆ จากเราด้วย
ในส่วนของผมดูการตลาดเพื่อกลุ่มลูกค้าธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า SME หรือลูกค้า corporate ขนาดกลางและใหญ่ ระยะ 5-6 ปีที่ผ่านมา TMB มีการเปลี่ยนแปลงเยอะ เราพยายามสร้างความแตกต่างในทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือ วิธีทำการตลาด หรือแม้กระทั่งรูปแบบการสื่อสารการตลาด เราพยายามเปลี่ยนเพื่อทำให้ประสบการณ์ในการทำธุรกรรมกับธนาคารของลูกค้าดีขึ้น TMB เป็นธนาคารที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ดังนั้นสิ่งที่เราพยายามทำทุกอย่างก็เพื่อตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า”
หลังจากที่เราอัปเดตเรื่องหน้าที่การงานอย่างคร่าวๆ กับคุณตุ้ยแล้ว ก็เป็นเวลาที่คุณเอมี่ แต่งตัวสวยเสร็จสรรพและพร้อมจะพูดคุยกับเราต่อ...สำหรับคุณเอมี่-รพีพร วงศ์ทองคำ เธอเป็นสาวสังคมที่คุ้นหน้าคุ้นตากันมานาน เป็นเวลา 10 กว่าปีที่เราคุ้นกับโลโก้ ไมเนอร์ กรุ๊ป บนหน้าของเธอ แต่วันนี้โลโก้ของเธอคือ AIA บริษัทประกันยักษ์ใหญ่ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี โดยปัจจุบัน รพีพร วงศ์ทองคำ ดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยรองประธาน (อาวุโส) ฝ่ายสื่อสารองค์กรของบริษัท เอไอเอ (ประเทศไทย)
“เราเป็นคนที่ชอบร่วมงานกับบริษัทที่เป็นองค์กรใหญ่อยู่แล้ว พอย้ายมาอยู่ AIA ก็ได้ทำอะไรที่มากขึ้น เราต้องดูภาพลักษณ์ภายนอกและภายในองค์กร และยังจะมีพวกงาน CSR ตอนแรกบอกเลยว่าไม่ถนัด แต่พอผ่านไปสักระยะก็รู้สึกว่างาน CSR เป็นงานที่สนุก ได้ช่วยเหลือคนและเราก็ชอบ แต่งานที่ทำก็จะมีความละเอียดอ่อนมากขึ้น การทำงานของเราต้องใช้ความระมัดระวังมากเป็นพิเศษเพราะผลิตภัณฑ์ของเราต้องอาศัยความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจากผู้บริโภค ต้องสื่อสารอย่างรอบคอบที่สุด”
ซึ่งกว่าที่ทั้งสองจะมาถึงจุดที่ชีวิตลงตัวในหลายๆ ด้าน ทั้งคู่ก็ต้องผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตมาด้วยเหมือนกัน
ช่วงชีวิตแห่งการเปลี่ยนแปลง
สิ่งหนึ่งที่ทั้งสองคนพูดตรงกันก็คือเขาเชื่อว่าโอกาสในชีวิตมีไม่มาก ฉะนั้น เรื่องของการตัดสินใจจึงเป็นเรื่องสำคัญ แม้ว่าอาจจะดูเสี่ยงไปบ้าง แต่บางครั้งก็สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตได้เลย ซึ่งเรื่องนี้คุณเอมี่บอกกับเราว่าเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต ทั้งเปลี่ยนงาน เริ่มสร้างครอบครัวใหม่ และวางแผนที่จะมีลูก
“3 ปีที่แล้วเหมือนเป็นช่วงเปลี่ยนแปลงชีวิตเลย เปลี่ยนบ้าน เปลี่ยนที่อยู่ มีลูก แต่งงาน มีสามี แต่ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีในชีวิต ความรู้สึกตอนนั้นคือถึงเวลาแล้วแหละที่ต้องเปลี่ยน! เราไม่รู้หรอกค่ะว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่รู้แค่ว่าในวันที่เราตัดสินใจแล้วเราก็ทำให้ดีที่สุด ถ้าเกิดพลาดจะได้ไม่เสียใจ หรือถ้าไม่เวิร์กเราก็ตั้งหลักใหม่
ถามว่ายากมั้ยกับการเปลี่ยนแปลงจากสิ่งที่เราคุ้นเคย ก็มองว่าเป็นเรื่องธรรมดากับการเปลี่ยนแปลงในชีวิต โชคดีที่ทุกอย่างก็ดีหมด พอเปลี่ยนแล้วไม่มีความรู้สึกว่าเสียใจเลย” ซึ่งไม่ใช่แค่ตัวของเอมี่เท่านั้นที่มีการเปลี่ยนแปลง เพราะในด้านของสามี ย้อนไปราวๆ สองปี เขาเองก็มีการเปลี่ยนแปลงในชีวิตด้วยเช่นกัน
“พูดถึงมันเป็นจุดเปลี่ยนของทั้งคู่ด้วยไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือครอบตัว ตอนแรกเอมี่ย้ายงานก่อน จากนั้นอีกหนึ่งปีพี่ตุ้ยก็เปลี่ยนมาทำงานในสายแบงก์ ซึ่งต่างคนต่างต้องปรับตัวในเรื่องของชีวิตการทำงานใหม่ ฉะนั้น สิ่งที่เราต้องเน้นคือกำลังใจ และเราทั้งคู่ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เพื่อจะได้มีความรู้สึกว่าเราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวนะ”
กำลังใจจากคนข้างๆ
เพราะกำลังใจจากคนข้างๆ คือสิ่งสำคัญ การที่จะมีความมั่นใจในการก้าวไปข้างหน้านั้นกำลังใจเปรียบเสมือนแรงผลักที่จะทำให้กล้าทำอะไรอย่างเต็มที่
เอมี่ :: “ตอนที่จะเปลี่ยนงาน เปลี่ยนแปลงในชีวิต เราก็ปรึกษากัน ทำให้เรามีความมั่นใจที่จะทำอย่างเต็มที่ แรกๆ กังวลว่าการทำงานของเราจะเข้าตากรรมการรึเปล่า ต้องบอกว่าการย้ายงาน การที่เราต้องเปลี่ยนที่ทำงานใหม่ เปลี่ยนเพื่อนร่วมงานใหม่ คนข้างๆ เราสำคัญมาก แต่เราก็ผลัดกันเป็นกำลังใจให้กันและกัน มีปรึกษากันทุกเรื่อง เรียกได้ว่าพี่ตุ้ยเป็นคนที่ทำให้เรากล้าในหลายๆ อย่าง”
ตุ้ย :: “ในฐานะที่เราก็เปลี่ยนมาหลายงานแล้ว เรารู้ว่าไม่ใช่เรื่องยาก แต่ที่สำคัญคืองานที่เราไปทำเราโอเคมั้ยที่จะรับผิดชอบตรงนั้น ผมคิดว่าเอมี่ไม่มีปัญหาเรื่องการปรับตัว เจ้านายก็รักเขาเอ็นดูเขา ผมมองว่าเป็นโอกาสสำหรับเขา เพราะไปแล้วตำแหน่งและหน้าที่ดีขึ้น ต้องใช้แค่ความกล้ากับความเชื่อมั่นแค่นั้นเอง คือหน้าที่เราก็คือคอยให้กำลังใจ
ช่วงแรกๆ ที่เอมี่เปลี่ยนงานเป็นช่วงที่ต้องปรับตัวเยอะ เขายังไม่ชิน ก็อาจรู้สึกอึดอัด หงุดหงิดบ้าง แต่พอผ่านจุดนั้นมาแล้ว ก็มีแค่ความเข้าใจ เราต้องรับฟัง ถ้าเขาปรี๊ดมาเราก็ฟังดีกว่า เพราะถ้าเราปรี๊ดกลับมันจะยิ่งไปกันใหญ่ เราก็ต้องเป็นผู้ฟังที่ดีแม้เรารู้ว่าปัญหามันแค่จิ๋วเดียวเอง เป็นผู้รับฟังทุกเรื่องไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือใหญ่”
ชีวิตคู่ที่ต้องแชร์ทุกสิ่ง
ไม่ใช่แค่เรื่องราวในชีวิตประจำวันที่เจอเท่านั้นที่ทั้งสองคนแลกเปลี่ยนให้ได้ฟังกันทุกวัน แต่ในเรื่องของความรู้สึกก็เป็นสิ่งที่ต่างคนต่างต้องแชร์ให้ได้รับรู้กันด้วย
เอมี่ :: “ระหว่างเราแชร์กันทุกเรื่องนะ ไลฟ์สไตล์เราคล้ายกัน ชอบไปทานข้าวกัน ดูหนัง ฟังเพลง ดื่ม ทานอาหารนอกบ้าน ไปเที่ยวต่างประเทศ อย่างช่วงที่เราเปลี่ยนงานใหม่ทั้งคู่ เราก็คุยเรื่องงานกัน ปรึกษากันทุกเรื่องทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน เหมือนเป็นเพื่อนสนิทกันมากๆ คุยทุกเรื่อง เป็นคนที่เราไว้ใจว่าคนนี้จะไม่มีทางหักหลังแน่นอน คือบางทีเราโมโหมากๆ แค่ได้ระบายให้กันฟังก็รู้สึกโล่งมากแล้ว เราจะได้ไม่ต้องไปลงกับคนอื่น (หัวเราะ)”
ตุ้ย :: “เขาก็ปรี๊ดๆ ตามประสาผู้หญิงแหละครับ (หัวเราะ) ในการใช้ชีวิตคู่ให้ราบเรียบได้นั้น ผมคิดว่าพื้นฐานเราต้องมีความรักให้กันก่อน ถ้าไม่รักกันก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่ใช่อยู่ด้วยกันแค่ความเหมาะสม ผมคิดว่ามันไม่พอ การที่เราจะอยู่ด้วยกันได้นานๆ มันต้องมีพื้นฐานจากความรัก ต้องยอมรับในพื้นฐานความเป็นตัวตนของกันและกัน อย่าไปคาดหวังให้เขาต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ผมคิดว่ามันจะกลายเป็นการครอบงำ สิ่งสำคัญเวลามีอะไรต้องคุยกัน แชร์กัน ทั้งเรื่องสุขและทุกข์ ส่วนเรื่องปลีกย่อยก็ต้องปรับตัวกันไป เพราะชีวิตคู่มันเปรียบเสมือนการค้นหากันไปเรื่อยๆ เหมือนคำกล่าวที่ว่า Marriage is a lifetime discovery ดังนั้นการปรับตัวมันเลยมีอยู่ทุกช่วงเวลา และตลอดระยะทางที่เราใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน”
เรื่องเล่า ณ วันสร้างครอบครัว
สำหรับคนทำงานในวัยเกือบๆ 40 การจะสร้างครอบครัวให้สมบูรณ์แบบพ่อ แม่ ลูก นั้นดูจะเป็นเรื่องที่น่ากังวล เพราะด้วยข้อจำกัดทางอายุของผู้หญิงที่อาจทำให้มีลูกยาก แต่เมื่อความพร้อมทุกอย่างลงตัว ประกอบกับจังหวะชีวิตเข้าที่เข้าทางก็ทำให้การสร้างครอบครัวของคุณตุ้ยและคุณเอมี่ดำเนินไปอย่างไม่มีอุปสรรค
เอมี่ :: “เคยคุยกันเรื่อยๆ ว่าเราอายุเยอะแล้วอาจจะมีลูกยาก ตอนแต่งงานกันก็อายุเกือบจะ 40 กันแล้ว (พี่ตุ้ยแก่กว่า 5 ปี) ไม่ได้ซีเรียสเรื่องการมีลูก เพราะที่เราอยู่ทุกวันนี้ก็มีความสุขดี ด้วยอายุ และหน้าที่การทำงาน ความเครียด ทำให้คิดว่าเราคงมีลูกยาก กระทั่งมารู้ว่าตัวเองท้อง ยังงงเลย (หัวเราะ)
ตอนที่รู้เป็นช่วงปลายปี กำลังไปเที่ยวญี่ปุ่น จากปฏิทินแล้วเรารู้ว่าเราอาจจะเป็นประจำเดือนช่วงที่ไปเที่ยว ซึ่งทริปนั้นต้องไป 10 วัน เราก็รอทุกวันแต่ก็ยังไม่มา ตอนนั้นก็ตงิดๆ แล้วว่าน่าจะท้องเพราะร่างกายเราไม่ปกติ คัดหน้าอก และง่วงนอนตลอดเวลา ทั้งที่ปกติเป็นคนหลับยากมาก แต่นี่นั่งรถไฟ 2-3 สถานีก็หลับ
ตุ้ย :: “พอเอมี่เขาเป็นแบบนั้นก็เลยไปซื้อเครื่องตรวจครรภ์มาตรวจ ปรากฏว่าขึ้นมา 2 ขีดก็ดีใจเพราะเอมี่เขาเป็นคนรักเด็ก เห็นลูกเพื่อน หลานเพื่อนก็ชอบอุ้มเล่น”
ด้วยสังคมของบ้านเราสมัยนี้ที่มีลูกกันช้าลง ในฐานะสามี-ภรรยาที่เริ่มใช้ชีวิตด้วยกันเลตแล้วทั้งคู่ก็ได้เล่าถึงข้อดี-ข้อเสียของการใช้ชีวิตคู่ในวัยที่มากขึ้นด้วย
เอมี่ :: “คนสมัยนี้แต่งงานกันช้า มีลูกกันช้า ปัญหาคืออายุและร่างกายนะ พูดเลยว่าเมื่อก่อนเราใช้ชีวิตแบบพร้อมตายได้ทุกวัน ไม่ได้มีห่วงอะไร อยากจะไปไหนก็ไป อยากซื้ออะไรซื้อเลย แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้วทุกอย่างคือเราโฟกัสไปที่ลูก อยากมีชีวิตอยู่กับลูกไปนานๆ เคยคิดเล่นๆ ว่า พี่ตุ้ยเกษียณแล้วลูกยังไม่จบไฮสคูลเลย (หัวเราะ)
ตุ้ย :: “ถ้าเจอคนที่ใช่ มั่งคง มีการงานที่ดี มีรายได้ที่โอเค และตั้งใจว่าจะมีลูกอยู่แล้ว ก็ควรจะมีเลยดีกว่า เราจะได้เห็นเขาเติบโตและยังมีแรงที่จะยินดีกับความสำเร็จของเขา”
หลานคนแรกของทั้งสองบ้าน
เมื่อรู้ว่ากำลังจะเป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ทำให้ครอบครัวทั้งสองมีความสุข และยิ่งได้หลานชายที่น่ารัก แข็งแรง อารมณ์ดีด้วยแล้ว ก็ไม่มีความสุขไหนที่สามารถเปรียบเปรยได้กับคนเป็นพ่อเป็นแม่เลย
เอมี่ :: “ตอนที่คนรอบตัวรู้ว่าท้องทุกคนตื่นเต้นค่ะ เพราะเป็นสิ่งที่ทุกคนรอคอย เอเต้ถือเป็นหลานคนแรกทั้งครอบครัวเอมี่และครอบครัวพี่ตุ้ย อย่างบ้านเอมี่ปลื้มมาก เพราะเป็นหลานชาย เนื่องจากที่บ้านพี่มีแต่ผู้หญิง พอได้เด็กผู้ชายก็ดีใจเตรียมซื้อของกันใหญ่
โชคดีที่ไม่แพ้ท้องเลย ยังไปออกกำลังกายตามปกติ คุณหมอเคร่งครัดเพียงเรื่องการทานอาหาร ต้องไม่ทานหวาน ตอนท้องได้ 6 เดือนครึ่งยังบินไปทำงานยุโรปอยู่เลย ดูไม่ค่อยออกด้วยว่าท้องเพราะน้ำหนักไม่ได้ขึ้นเยอะ”
ตุ้ย :: “พอมีลูกแล้วก็พยายามที่จะเลี้ยงเขาเอง แม้ว่าเราจะมีพี่เลี้ยงช่วยบ้าง เพราะเรา 2 คนทำงานทั้งคู่ แต่บางทีก็มีคุณย่า คุณยายมาคอยดูให้ด้วย โชคดีที่เอเต้ไม่ดื้อไม่ซน เลี้ยงง่าย ตั้งแต่เกิดแล้วไม่ค่อยงอแง ทานเก่ง ไม่ค่อยป่วย เป็นเด็กอารมณ์ดี”
เอมี่ :: “เป็นการสร้างครอบครัวที่สมูทมาก ตอนท้องก็ไม่แพ้ คลอดออกมาลูกก็แข็งแรง เลี้ยงง่าย ลูกอารมณ์ดีเราก็สบายใจ เวลาไปทำงานก็ไม่ต้องห่วงมาก”
ประสบการณ์ชีวิตพาให้ผ่านมรสุม
เรื่องธรรมดาอย่างหนึ่งของชีวิตครอบครัวก็คือเรื่องของความคิดเห็นที่อาจจะแตกต่างกันบ้าง แต่ขึ้นอยู่กับว่าใครจะสามารถเข้าใจกับปัญหาที่เผชิญอย่างไร ซึ่งประสบการณ์และวุฒิภาวะจะเป็นสิ่งที่ทำให้สามารถควบคุมสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น และจากประสบการณ์ในการใช้ชีวิตนั่นเองที่ทำให้ทั้งคู่สามารถผ่านมรสุมการเปลี่ยนแปลงต่างๆ รอบตัวมาได้ และกลายเป็นครอบครัวที่ลงตัว สมบูรณ์พร้อมในหลายๆ ด้าน
ตุ้ย :: “อาจเป็นเพราะเรามาอยู่ด้วยกันตอนอายุเยอะกันแล้วทั้งคู่ ผ่านอะไรมาหลายอย่าง ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาเยอะ รู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดี อะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ อะไรควรพูดอะไรไม่ควรพูด
มาใช้ชีวิตคู่กันก็ตอนอายุเกือบ 40 ปี มีแต่คิดว่าจะทำอย่างไรให้ดีที่สุด ยิ่งมีลูกแล้ว ยิ่งไม่อยากทำสิ่งที่เราต้องมาทะเลาะกันเลย เราไม่อยากให้ลูกมาเห็นเราทะเลาะกันเถียงกัน ทุกๆ วันเราต้องปรับตัวเข้าหากัน”
เอมี่ :: “เมื่อเราตัดสินใจแล้วว่าเราอยากจะอยู่กับคนนี้ เราก็จะรู้สึกแฮปปี้สุดๆ ฉะนั้น เรามาทำวันที่เหลือที่เราอยู่ด้วยกันให้ออกมาดีที่สุด ยิ่งเรามีลูกแล้วเราก็อยากทำอะไรให้อบอุ่น ให้ลูกได้รับความอบอุ่นเต็มที่ อยากให้เอเต้เป็นเด็กที่ไม่ขาดความรัก พ่อกับแม่ให้ความรักกับเขาเต็มที่ แต่ไม่ได้ตามใจนะคะ (หัวเราะ)”
ตุ้ย :: “ตอนนี้ความสนใจทุกอย่างอยู่ที่ลูกครับ เริ่มคิดแล้วว่าจะเรียนที่ไหน เราอยากเลี้ยงเขาให้เป็นเด็กที่มีคุณภาพ เราไม่ได้อยู่กับเขาไปตลอด เราต้องให้การศึกษาที่ดี ให้เขารู้จักใช้ชีวิตได้ด้วยตัวเอง พึ่งตัวเองได้ ถ้าเขามีความรับผิดชอบ พอโตถึงจุดจุดหนึ่งเขาจะได้รู้ว่าต้องรับผิดชอบเรื่องอะไรบ้าง”
บทสรุปในวันนี้ของทั้งสองคือ ตอนนี้ชีวิต “Happy มาก” และไม่รู้จะต้องแฮปปี้มากกว่านี้ไปทำไมเพราะทุกวันนี้ก็แฮปปี้มากพอแล้ว ลงตัวทั้งการงาน ครอบครัว คงไม่อยากได้อะไรมากกว่านี้ สิ่งที่โฟกัสอย่างเดียวกันก็คือ “ลูก” แก้วตาดวงใจของพ่อและแม่ :: Text by FLASH
แต่งหน้า : สริพร วรทคเณศ จาก IMFA : International Make up Fashion Academy
ทำผม : ณัฐวีณา เมธีธารา จาก IMFA : International Make up Fashion Academy
ช่างภาพ : กมลภัทร พงศ์สุวรรณ