By Lady Manager
ปัญหาหนึ่งที่มากับกาลเวลา สร้างความหนักอกหนักใจแก่ผู้หญิงซึ่งอายุล่วงเลยผ่าน 40 ปีขึ้นไป ก็คือ หนังตาหย่อนคล้อย อันเกิดจากการสูญเสียคอลลาเจนและอิลาสติน
นอกจากหางตาตกชัดเจนแล้ว เปลือกตาก็หนาอูมบวมตุ่ย กลายเป็นแก่โทรมเกินวัย ถึงยิ้มแย้มแจ่มใส ก็ไม่สดใส กลับดูเศร้าอมทุกข์ ราวกับกำลังแบกโลกทั้งใบ
“หนังตาหย่อนคล้อย เป็นไปตามวัย คนที่เริ่มอายุมากขึ้น ชั้นหนังตามันจะเริ่มลงมา กลายเป็นตีนกา” แพทย์หญิง อาศยา สืบสุข Plastic & Reconstructive Surgery ศัลยแพทย์ประจำ เดอมาสเตอร์ (Dermaster) สถาบันความงามและสุขภาพชั้นนำ กล่าวขณะให้คำปรึกษากับเรา
“ถ้าปล่อยให้ตกไปเรื่อยๆ ก็อาจบังตาดำได้”
เราไม่ยอมรอให้หนังตาห้อยตกลงมาปิดลูกตาดำหรอกค่ะ และแม้ปาเข้าไป 46 ปีแล้วแต่ยังรักสวยรักงาม ทุกวันนี้แค่เห็นตาตัวเองเวลาเซลฟี่ ก็กลับเก็กซิม ยิ่งเวลาเขียนอายไลนเนอร์ ยิ่งชีช้ำหนัก เขียนไม่ได้เล้ย เส้นหางตาไม่สามารถยาวต่อเนื่อง ด้วยชั้นตาที่ซ่อนหลบใน ปลายตาก็ย้อยเยอะ ไม่อาจตวัดหางตาให้เฉี่ยวตามแฟชั่นฮิตได้
จึงขอนัดผ่าตัดกับคุณหมออาศนา แสนใจดี มีฝีมือเลยค่ะ
ก่อนขึ้นเขียง
จริงๆ แล้ว มีหลายเทคนิคในการผ่าตัดศัลยกรรมแก้ปัญหาหนังตาตก บางกรณีอาจผ่าตัดยกคิ้วด้วย แต่สำหรับเรา คุณหมอบอกไม่ควร
“ถ้ายกคิ้ว มันจะขึ้นไปทั้งยวงเลย แต่ไม่ใช่วิธีนี้ เพราะพี่เป็นคนคิ้วสูงอยู่แล้ว สูงกว่าหนังตาเยอะ ระยะคิ้วกับตากว้าง ถ้ายกคิ้ว เดี๋ยวคิ้วจะยิ่งสูง”
คุณหมอยืนยันว่าทำแค่ตาพอ พอทำตาปั๊บ คิ้วจะลงมาใกล้ตามากขึ้นกว่าก่อน คุณหมอจะตัดหนังตาส่วนเกินออก ให้ส่วนที่หย่อนออกไป เพื่อเปิดหนังตาขึ้นมา
“กรณีที่คนไข้ทำมาแล้วหลายๆ ครั้ง และหลับตาไม่สนิท หมอจะไม่ทำให้ เพราะแสดงว่าถูกตัดหนังตาเยอะเกินไปในครั้งก่อน”
หลังจากปรึกษาและตกลงใจผ่าตัดกับคุณหมออาศยา เจ้าหน้าที่เดอมาสเตอร์จะทำการนัดวันผ่าตัด ทว่าก่อนถึ
งวันขึ้นเขียง ต้องมาเจาะเลือดตรวจสุขภาพให้เรียบร้อยชัวร์ป๊าบก่อน เพื่อเช็คว่าคนที่จะเข้ารับการผ่าตัดมีโรคประจำตัวอะไรร้ายแรงหรือไม่ และเคยได้รับยาอะไรมาก่อนหรือไม่
คนที่มีโรคเบาหวานมีโอกาสที่แผลจะติดเชื้อ หรือโอกาสที่แผลจะหาย ยากมากกว่าคนปกติ ทำให้ต้องควบคุมน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์อย่างน้อย 3 เดือนก่อนผ่าตัด ถึงจะได้ผลการรักษาที่ดี ส่วนคนที่เป็นความดันโลหิตสูง มีสิทธิ์เลือดไหลเยอะ ทำให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างยากลำบาก เกิดแผลบวมช้ำนาน ต้องควบคุมความดันให้ดีก่อนผ่าตัด
โดยทั่วไปทานอาหารทานยาได้ตามปกติ ยกเว้นยากลุ่มที่ต้องงดก่อนผ่าตัด คือ กลุ่มยาสลายลิ่มเลือด หรือยาที่ทำให้เลือดหยุดช้า รวมถึงยาบำรุงบางชนิด เช่น วิตามินอี แปะก๊วย โสม น้ำมันปลา ซึ่งจะมีผลทำให้เลือดแข็งตัวช้าลง หรือทำให้เลือดใส โดยจะต้องหยุดกินประมาณ 1- 2 สัปดาห์ก่อนวันผ่าตัด
วันขึ้นเขียง
ยอมรับค่ะว่า ตื่นเต้นและนอนไม่เต็มอิ่มก่อนวันผ่าตัด เจ้าหน้าที่นัด 11 โมงเช้า เปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวอย่างมากครึ่งชั่วโมงควรได้ผ่า แต่ความดันโลหิตของเราดั๊นขึ้นสูงกว่าปกติซะงั้น ด้วยความตื่นเต้นและกังวล แหม่ ก็ทิ้งช่วงขึ้นเขียงศัลยกรรมความงามมานานนับ 20 ปี จึงอดกลัวไม่ได้นิ
พยาบาลให้เรานอนพักสักพัก เพื่อรอให้นิ่งๆ จิตใจสงบ เราก็พยายามหายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ เหมือนทำสมาธิ ซึ่งได้ผลค่ะ พอพยาบาลมาวัดอีกครั้ง ความดันก็ลดลง เข็นเข้าห้องผ่าตัดได้เลย
คุณหมอเริ่มฉีดยาชา ทำการเปิดแผล เลาะเข้าไปใต้กล้ามเนื้อ เพื่อตัดแต่งแผ่นไขมันบริเวณนั้นให้บางลงตามความเหมาะสม ซึ่งแน่นอน คุณหมอจะประเมินว่ามีเนื้อเยื่อส่วนใดที่เกินบ้าง และจำเป็นต้องเอาออก เรามีหนังตาค่อนข้างหนาเยอะ คุณหมอจึงแล่เนื้อและเลาะไขมันบริเวณนั้นออก แล้วเย็บปิดแผล โดยคุณหมอจะทำทีละข้าง ทำเสร็จขอดูผิวหนังที่ถูกแล่ ไขมันที่ถูกเลาะ อยากกรี๊ดลั่นห้องผ่าตัดเดอมาสเตอร์ โอ้ว ทำไมเยอะขนาดนี้!?!
เฉือนเสร็จ
คุณหมออาศนาใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ศัลย์เสร็จ เราถูกเข็นออกมานอนพักฟื้นสักพัก ก่อนลุกขึ้นมาส่องกระจกดูหน้าตัวเอง โอ้ว ศพปะเนี้ย!!!
“นอนหัวสูง ประคบเย็น กินยาปฏิชีวนะ 1 อาทิตย์ และกลับมาตัดไหม” คุณหมอเดินออกมาบอกด้วยความห่วงใย
ระหว่างช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่เรามีไหมเย็บที่ตา คุณหมอห้ามไม่ให้ล้างหน้า เพราะแผลไม่ควรโดนน้ำ เราจึงไม่ล้างหน้าเลย กินยาฆ่าเชื้อ นอนหมอนสูง และหมั่นประคบเย็น ตามคุณหมอแนะเพื่อลดอาการบาดเจ็บ และบวมให้เร็วที่สุด
กรณีของเรา ทั้งบวมทั้งช้ำมากกว่าคนปกติ เนื่องด้วยสภาพผิวหนังไร้คอลลาเจน และโรคประจำตัวอย่าง ความดันโลหิตสูง จึงทำให้ฟื้นตัวเข้าที่ช้า ซึ่งเราเข้าใจและยอมรับ
หลังตัดไหม และพัฒนาการ
ในวันตัดไหม เราได้มีโอกาสพบคุณหมออีกครั้ง
“ช่วงแรกก่อน 3 เดือนจะดูไม่ธรรมชาติ อาจดูหน้าดุ ผ่านไป 6 เดือน จะดูธรรมชาติมากขึ้น” คุณหมอเผยว่า ถ้าจะให้เข้าที่ดีจริงๆ ก็ต้องเป็นปี
“ที่เห็นนี่ถือว่าบวมอยู่ ไม่ต้องตกใจ ไปไหนก็ใส่แว่นกันแดดนะคะ”
ประโยชน์ของการใส่แว่นกันแดด นอกจากช่วยอำพรางไม่ให้ใครเห็นและผวาแล้ว ยังเพื่อกันลม กันแดด เนื่องจากหลังการผ่าตัด บริเวณหนังตาจะหนักและบวม ทำให้การเคลื่อนไหวของตา การกระพริบตาในการป้องกันฝุ่นละอองและแสงแดดจะช้ากว่าปกติ จึงควรใส่แว่นเพื่อป้องกันสายตาไว้
ผ่านไปแล้ว 3 เดือน หนังตาไม่ตุ่ยหางตาไม่ห้อยแบบเดิมแล้ว ซึ่งถือว่าตรงจุดประสงค์ของเราที่ต้องการแก้ปัญหานี้ เราไม่ต้องการถึงขนาดสวยปิ๊งเด้งเว่อร์ผิดธรรมชาติและวัยสังขารแท้จริง ที่สำคัญ ไม่ต้องการของแถมอย่าง ตาเหลือก ทำแล้วเปลือกตาสองข้างไม่เท่ากัน หรือเวลานอน ตาปิดไม่สนิท
“หมอจะไม่ทำมากไป เพราะถ้าตัดมากไป จะดูไม่ธรรมชาติ” คุณหมออาศนาคุยกับเราในวันนัดตามผล ซึ่งเดอมาสเตอร์คอยจัดให้นัด follow กับคุณหมอทุกเดือน
เราบอกคุณหมอว่า เราพอใจกับผลผ่าตัดที่ออกมา เพราะแก้ปัญหาให้เราตรงเป้าหมาย แต่ทว่าต่อไปหนังตาเราจะหย่อนอีกไหม
“ตามวัย ยังไงมันก็ตกอีก จะมีช่วยบ้างก็อย่ายิ้มเยอะ มันจะเร่งตีนกา แต่ไม่ต้องถึงกับเพ่งตาโตบ่อยๆ หรอกนะคะ”
ปัจจัยที่จะทำให้หนังตาตกได้เร็วคือ คนที่เคยประสบอุบัติเหตุบริเวณใบหน้ามาก่อน คนที่ใส่คอนแทคเลนส์เป็นประจำ เพราะการใส่คอนแทคเลนส์จะต้องมีการดึงหนังตาขึ้นเพื่อใส่ ก็จะทำให้หนังตาตกได้เร็วมากขึ้น
รวมทั้งคนที่ขยี้ตาบ่อยๆ แบบเรา ถ้าไม่อยากเข้าห้องผ่าตัดอัพตาอีก ก็ต้องห้ามนิ้ว บังคับใจ ไม่เกาไม่ขยี้บริเวณหนังตา ดราม่าน้อยๆ หน่อย อย่ายิ้มเว่อร์ สร้างทางให้ตีนกาแห่มาเป็นฝูง
ทั้งนี้หากใครสนใจผ่าตัดศัลยกรรมความงามไม่ว่าปัญหาใด ต้องศึกษาหาข้อมูลให้แน่ชัดรอบคอบ การทำศัลยกรรมต้องทำโดยศัลยแพทย์เฉพาะทางผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เลือกสถานที่และห้องปฏิบัติการที่ปลอดเชื้อมาตรฐานสากลก่อนการตัดสินใจ
ทีมเลดี้ถ่ายคลิป ลำดับขั้นตอนการผ่าตัดกันชัดๆ เพื่อให้ท่านผู้อ่านเห็นของจริงกันจะๆ
ขอบคุณ เดอมาสเตอร์ www.dermaster-thailand.com
* ช่วยคลิก Like ด้วยนะคะ เพื่อเป็นแฟนเพจ Lady Manager รับข่าวสารแซ่บๆ ของผู้หญิงในแวดวงสุขภาพความงาม แฟชั่น และความสัมพันธ์ (**)
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
ปัญหาหนึ่งที่มากับกาลเวลา สร้างความหนักอกหนักใจแก่ผู้หญิงซึ่งอายุล่วงเลยผ่าน 40 ปีขึ้นไป ก็คือ หนังตาหย่อนคล้อย อันเกิดจากการสูญเสียคอลลาเจนและอิลาสติน
นอกจากหางตาตกชัดเจนแล้ว เปลือกตาก็หนาอูมบวมตุ่ย กลายเป็นแก่โทรมเกินวัย ถึงยิ้มแย้มแจ่มใส ก็ไม่สดใส กลับดูเศร้าอมทุกข์ ราวกับกำลังแบกโลกทั้งใบ
“หนังตาหย่อนคล้อย เป็นไปตามวัย คนที่เริ่มอายุมากขึ้น ชั้นหนังตามันจะเริ่มลงมา กลายเป็นตีนกา” แพทย์หญิง อาศยา สืบสุข Plastic & Reconstructive Surgery ศัลยแพทย์ประจำ เดอมาสเตอร์ (Dermaster) สถาบันความงามและสุขภาพชั้นนำ กล่าวขณะให้คำปรึกษากับเรา
“ถ้าปล่อยให้ตกไปเรื่อยๆ ก็อาจบังตาดำได้”
เราไม่ยอมรอให้หนังตาห้อยตกลงมาปิดลูกตาดำหรอกค่ะ และแม้ปาเข้าไป 46 ปีแล้วแต่ยังรักสวยรักงาม ทุกวันนี้แค่เห็นตาตัวเองเวลาเซลฟี่ ก็กลับเก็กซิม ยิ่งเวลาเขียนอายไลนเนอร์ ยิ่งชีช้ำหนัก เขียนไม่ได้เล้ย เส้นหางตาไม่สามารถยาวต่อเนื่อง ด้วยชั้นตาที่ซ่อนหลบใน ปลายตาก็ย้อยเยอะ ไม่อาจตวัดหางตาให้เฉี่ยวตามแฟชั่นฮิตได้
จึงขอนัดผ่าตัดกับคุณหมออาศนา แสนใจดี มีฝีมือเลยค่ะ
ก่อนขึ้นเขียง
จริงๆ แล้ว มีหลายเทคนิคในการผ่าตัดศัลยกรรมแก้ปัญหาหนังตาตก บางกรณีอาจผ่าตัดยกคิ้วด้วย แต่สำหรับเรา คุณหมอบอกไม่ควร
“ถ้ายกคิ้ว มันจะขึ้นไปทั้งยวงเลย แต่ไม่ใช่วิธีนี้ เพราะพี่เป็นคนคิ้วสูงอยู่แล้ว สูงกว่าหนังตาเยอะ ระยะคิ้วกับตากว้าง ถ้ายกคิ้ว เดี๋ยวคิ้วจะยิ่งสูง”
คุณหมอยืนยันว่าทำแค่ตาพอ พอทำตาปั๊บ คิ้วจะลงมาใกล้ตามากขึ้นกว่าก่อน คุณหมอจะตัดหนังตาส่วนเกินออก ให้ส่วนที่หย่อนออกไป เพื่อเปิดหนังตาขึ้นมา
“กรณีที่คนไข้ทำมาแล้วหลายๆ ครั้ง และหลับตาไม่สนิท หมอจะไม่ทำให้ เพราะแสดงว่าถูกตัดหนังตาเยอะเกินไปในครั้งก่อน”
หลังจากปรึกษาและตกลงใจผ่าตัดกับคุณหมออาศยา เจ้าหน้าที่เดอมาสเตอร์จะทำการนัดวันผ่าตัด ทว่าก่อนถึ
งวันขึ้นเขียง ต้องมาเจาะเลือดตรวจสุขภาพให้เรียบร้อยชัวร์ป๊าบก่อน เพื่อเช็คว่าคนที่จะเข้ารับการผ่าตัดมีโรคประจำตัวอะไรร้ายแรงหรือไม่ และเคยได้รับยาอะไรมาก่อนหรือไม่
คนที่มีโรคเบาหวานมีโอกาสที่แผลจะติดเชื้อ หรือโอกาสที่แผลจะหาย ยากมากกว่าคนปกติ ทำให้ต้องควบคุมน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์อย่างน้อย 3 เดือนก่อนผ่าตัด ถึงจะได้ผลการรักษาที่ดี ส่วนคนที่เป็นความดันโลหิตสูง มีสิทธิ์เลือดไหลเยอะ ทำให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างยากลำบาก เกิดแผลบวมช้ำนาน ต้องควบคุมความดันให้ดีก่อนผ่าตัด
โดยทั่วไปทานอาหารทานยาได้ตามปกติ ยกเว้นยากลุ่มที่ต้องงดก่อนผ่าตัด คือ กลุ่มยาสลายลิ่มเลือด หรือยาที่ทำให้เลือดหยุดช้า รวมถึงยาบำรุงบางชนิด เช่น วิตามินอี แปะก๊วย โสม น้ำมันปลา ซึ่งจะมีผลทำให้เลือดแข็งตัวช้าลง หรือทำให้เลือดใส โดยจะต้องหยุดกินประมาณ 1- 2 สัปดาห์ก่อนวันผ่าตัด
วันขึ้นเขียง
ยอมรับค่ะว่า ตื่นเต้นและนอนไม่เต็มอิ่มก่อนวันผ่าตัด เจ้าหน้าที่นัด 11 โมงเช้า เปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวอย่างมากครึ่งชั่วโมงควรได้ผ่า แต่ความดันโลหิตของเราดั๊นขึ้นสูงกว่าปกติซะงั้น ด้วยความตื่นเต้นและกังวล แหม่ ก็ทิ้งช่วงขึ้นเขียงศัลยกรรมความงามมานานนับ 20 ปี จึงอดกลัวไม่ได้นิ
พยาบาลให้เรานอนพักสักพัก เพื่อรอให้นิ่งๆ จิตใจสงบ เราก็พยายามหายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ เหมือนทำสมาธิ ซึ่งได้ผลค่ะ พอพยาบาลมาวัดอีกครั้ง ความดันก็ลดลง เข็นเข้าห้องผ่าตัดได้เลย
คุณหมอเริ่มฉีดยาชา ทำการเปิดแผล เลาะเข้าไปใต้กล้ามเนื้อ เพื่อตัดแต่งแผ่นไขมันบริเวณนั้นให้บางลงตามความเหมาะสม ซึ่งแน่นอน คุณหมอจะประเมินว่ามีเนื้อเยื่อส่วนใดที่เกินบ้าง และจำเป็นต้องเอาออก เรามีหนังตาค่อนข้างหนาเยอะ คุณหมอจึงแล่เนื้อและเลาะไขมันบริเวณนั้นออก แล้วเย็บปิดแผล โดยคุณหมอจะทำทีละข้าง ทำเสร็จขอดูผิวหนังที่ถูกแล่ ไขมันที่ถูกเลาะ อยากกรี๊ดลั่นห้องผ่าตัดเดอมาสเตอร์ โอ้ว ทำไมเยอะขนาดนี้!?!
เฉือนเสร็จ
คุณหมออาศนาใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ศัลย์เสร็จ เราถูกเข็นออกมานอนพักฟื้นสักพัก ก่อนลุกขึ้นมาส่องกระจกดูหน้าตัวเอง โอ้ว ศพปะเนี้ย!!!
“นอนหัวสูง ประคบเย็น กินยาปฏิชีวนะ 1 อาทิตย์ และกลับมาตัดไหม” คุณหมอเดินออกมาบอกด้วยความห่วงใย
ระหว่างช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่เรามีไหมเย็บที่ตา คุณหมอห้ามไม่ให้ล้างหน้า เพราะแผลไม่ควรโดนน้ำ เราจึงไม่ล้างหน้าเลย กินยาฆ่าเชื้อ นอนหมอนสูง และหมั่นประคบเย็น ตามคุณหมอแนะเพื่อลดอาการบาดเจ็บ และบวมให้เร็วที่สุด
กรณีของเรา ทั้งบวมทั้งช้ำมากกว่าคนปกติ เนื่องด้วยสภาพผิวหนังไร้คอลลาเจน และโรคประจำตัวอย่าง ความดันโลหิตสูง จึงทำให้ฟื้นตัวเข้าที่ช้า ซึ่งเราเข้าใจและยอมรับ
หลังตัดไหม และพัฒนาการ
ในวันตัดไหม เราได้มีโอกาสพบคุณหมออีกครั้ง
“ช่วงแรกก่อน 3 เดือนจะดูไม่ธรรมชาติ อาจดูหน้าดุ ผ่านไป 6 เดือน จะดูธรรมชาติมากขึ้น” คุณหมอเผยว่า ถ้าจะให้เข้าที่ดีจริงๆ ก็ต้องเป็นปี
“ที่เห็นนี่ถือว่าบวมอยู่ ไม่ต้องตกใจ ไปไหนก็ใส่แว่นกันแดดนะคะ”
ประโยชน์ของการใส่แว่นกันแดด นอกจากช่วยอำพรางไม่ให้ใครเห็นและผวาแล้ว ยังเพื่อกันลม กันแดด เนื่องจากหลังการผ่าตัด บริเวณหนังตาจะหนักและบวม ทำให้การเคลื่อนไหวของตา การกระพริบตาในการป้องกันฝุ่นละอองและแสงแดดจะช้ากว่าปกติ จึงควรใส่แว่นเพื่อป้องกันสายตาไว้
ผ่านไปแล้ว 3 เดือน หนังตาไม่ตุ่ยหางตาไม่ห้อยแบบเดิมแล้ว ซึ่งถือว่าตรงจุดประสงค์ของเราที่ต้องการแก้ปัญหานี้ เราไม่ต้องการถึงขนาดสวยปิ๊งเด้งเว่อร์ผิดธรรมชาติและวัยสังขารแท้จริง ที่สำคัญ ไม่ต้องการของแถมอย่าง ตาเหลือก ทำแล้วเปลือกตาสองข้างไม่เท่ากัน หรือเวลานอน ตาปิดไม่สนิท
“หมอจะไม่ทำมากไป เพราะถ้าตัดมากไป จะดูไม่ธรรมชาติ” คุณหมออาศนาคุยกับเราในวันนัดตามผล ซึ่งเดอมาสเตอร์คอยจัดให้นัด follow กับคุณหมอทุกเดือน
เราบอกคุณหมอว่า เราพอใจกับผลผ่าตัดที่ออกมา เพราะแก้ปัญหาให้เราตรงเป้าหมาย แต่ทว่าต่อไปหนังตาเราจะหย่อนอีกไหม
“ตามวัย ยังไงมันก็ตกอีก จะมีช่วยบ้างก็อย่ายิ้มเยอะ มันจะเร่งตีนกา แต่ไม่ต้องถึงกับเพ่งตาโตบ่อยๆ หรอกนะคะ”
ปัจจัยที่จะทำให้หนังตาตกได้เร็วคือ คนที่เคยประสบอุบัติเหตุบริเวณใบหน้ามาก่อน คนที่ใส่คอนแทคเลนส์เป็นประจำ เพราะการใส่คอนแทคเลนส์จะต้องมีการดึงหนังตาขึ้นเพื่อใส่ ก็จะทำให้หนังตาตกได้เร็วมากขึ้น
รวมทั้งคนที่ขยี้ตาบ่อยๆ แบบเรา ถ้าไม่อยากเข้าห้องผ่าตัดอัพตาอีก ก็ต้องห้ามนิ้ว บังคับใจ ไม่เกาไม่ขยี้บริเวณหนังตา ดราม่าน้อยๆ หน่อย อย่ายิ้มเว่อร์ สร้างทางให้ตีนกาแห่มาเป็นฝูง
ทั้งนี้หากใครสนใจผ่าตัดศัลยกรรมความงามไม่ว่าปัญหาใด ต้องศึกษาหาข้อมูลให้แน่ชัดรอบคอบ การทำศัลยกรรมต้องทำโดยศัลยแพทย์เฉพาะทางผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เลือกสถานที่และห้องปฏิบัติการที่ปลอดเชื้อมาตรฐานสากลก่อนการตัดสินใจ
ทีมเลดี้ถ่ายคลิป ลำดับขั้นตอนการผ่าตัดกันชัดๆ เพื่อให้ท่านผู้อ่านเห็นของจริงกันจะๆ
ขอบคุณ เดอมาสเตอร์ www.dermaster-thailand.com
* ช่วยคลิก Like ด้วยนะคะ เพื่อเป็นแฟนเพจ Lady Manager รับข่าวสารแซ่บๆ ของผู้หญิงในแวดวงสุขภาพความงาม แฟชั่น และความสัมพันธ์ (**)
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
