xs
xsm
sm
md
lg

3 หนุ่มน้อยทายาทตระกูลดัง เก่งไม่ธรรมดา คุณสมบัติเพียบ!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


>> อิทธิวัฒน์ จิราธิวัฒน์ ฝันไกลหนุ่มน้อยนักเตะ

“น้องฟร้อง-อิทธิวัฒน์ จิราธิวัฒน์” ลูกชายคนกลางของ “คุณกิ๊ด-ธีระเกียรติ กับคุณนก-ภาณุมาศ จิราธิวัฒน์” หนุ่มน้อยหน้าใสวัย 12 ขวบคนนี้กำลังเตรียมขึ้นชั้น ม.1 หรือ year 7 ที่โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี่ (Shrewsbury International School) แม้ว่าจะเป็นลูกหลานในตระกูลใหญ่อย่าง “จิราธิวัฒน์” แต่เขาเติบโตขึ้นมาอย่างไร้การสปอยล์จากคุณพ่อคุณแม่ หากแต่ด้วยวัยเพียงเท่านั้นเขาก็สามารถไปดำเนินชีวิตในโลกกว้างด้วยตัวเองบ้างแล้วเหมือนกัน

กิจกรรมเด็กผู้ชาย
เป็นเด็กผู้ชายที่มีความถนัดในด้านของสมองซีกขวา เพราะวิชาโปรดของน้องฟร้องคือวิชาคณิตศาสตร์ เขาสามารถคิดคำนวณเลขได้อย่างรวดเร็ว และเคยทำคะแนนได้เกือบเต็มในวิชาคณิตศาสตร์ ขณะเดียวกันเขาก็ชอบการเล่นกีฬาด้วย โดยกีฬาที่เขาชอบเล่นส่วนใหญ่คือ ฟุตบอล เทนนิส และปิงปอง โดยมีกลุ่มเพื่อนสนิทที่ชักชวนกันไปทำกิจกรรม

กองเชียร์ปืนใหญ่
ตามประสาเด็กผู้ชายที่ชื่นชอบกีฬาฟุตบอล น้องฟร้องจึงมีทีมฟุตบอลในดวงใจ โดยทีมโปรดของเขาก็คือ “อาร์เซนอล” มีความสุขที่ได้ทั้งชมและเชียร์ทีมฟุตบอลทีมโปรด ส่วนนักกีฬาคนโปรดของเขาคือ ธีโอ วัลคอตต์ (Theo Walcott) นักฟุตบอลชาวอังกฤษลูกครึ่งจาเมกา เพราะน้องฟร้องชอบในความที่เขาวิ่งเร็วและที่น่าแปลกใจก็คือ นักกีฬาคนโปรดคนนี้เกิดวันเดียวกับน้องฟร้องคือวันที่ 16 มีนาคม เหมือนกัน

ตามรอยฟุตบอล
มีโอกาสไปท่องเที่ยวกับครอบครัวหลายครั้งแต่สถานที่ที่เขาติดใจมากที่สุด คือประเทศอังกฤษ เพราะมีทีมฟุตบอลที่เขาชอบ และการได้ไปเยือนยังสนามฟุตบอลถือเป็นที่สุดของความทรงจำ โดยเขาเล่าให้ฟังว่า เคยไปสนามฟุตบอลที่ประเทศอังกฤษ 2 ครั้ง ครั้งแรกไปกับพี่ป็อก (ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์) แล้วปีที่ 2 ก็ไปกับพี่เฟี๊ยต (ทัศน์นัย พัฒนโกศัย) และคุณปู่ (สุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์) นอกจากนั้นก็เป็นการไปเที่ยวตามแพลนของครอบครัว

ดำเนินรอยตามคุณพ่อ
แม้ว่าจะชื่นชอบในกีฬาฟุตบอล จนกระทั่งใฝ่ฝันว่าโตขึ้นอยากจะเป็นนักฟุตบอล แต่พอเริ่มโตขึ้นก็เริ่มเปลี่ยนใจ เนื่องจากเห็นว่าปัจจุบันนี้ทีนักกีฬาฟุตบอลเก่งๆ หลายคน โดยความฝันของเขาในตอนนี้คืออยากทำงานเหมือนคุณพ่อ (ธีระเกียรติ จิราธิวัฒน์) ที่เป็นนักธุรกิจ บริหารด้านโรงแรม เกิดจากการที่ไปนั่งเล่นที่ออฟฟิศคุณพ่อแล้วได้เห็นคุณพ่อทำงาน จึงคิดว่าเป็นงานที่น่าสนุกดี

จานโปรดของเด็ก
ส่วนเรื่องความเข้มงวดจากการเลี้ยงดูของคุณพ่อคุณแม่นั้น ก็เข้มไม่ใช่เล่น เพราะน้องฟร้องมักจะถูกดุในเรื่องของการไม่ค่อยทานอาหาร แต่ถ้าเป็นจานโปรดที่เป็นข้าวผัดกุนเชียง ฝีมือแม่บ้านของที่บ้านแล้วจัดการเรียบแทบจะหมดจาน! นอกจากนั้นก็เป็นขนมหวานและฟาสต์ฟูดของชอบของเด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นสปาเกตตี พิซซ่า และช็อกโกแลต

ประสบการณ์นักเรียนซัมเมอร์
ช่วงวัย 11 ปี คุณแม่และคุณพ่อตัดใจเพื่อให้ลูกได้เรียนรู้การใช้ชีวิต ด้วยการส่งน้องฟร้องไปเรียนซัมเมอร์ที่ประเทศอังกฤษเป็นเวลา 1 เดือน ซึ่งช่วงนั้นเขาต้องฝึกการดูแลตัวเองหลายๆ อย่าง โดยมีคุณแม่คอยออนไลน์สอนเรื่องให้รู้จักรับผิดชอบตัวของตัวเอง ฝึกเรื่องความรอบคอบ ดูแลความสะอาดของห้องของตัวเอง ซึ่งเขาบอกว่าเป็นการใช้ชีวิตที่สนุกดี

ฝึกสมอง เติมความเป็นคนช่างสังเกต
อีกหนึ่งกิจกรรมยามว่างของเด็กชายก็คือการอ่านหนังสือการ์ตูน โดยการ์ตูนที่เขาชอบมากที่สุดก็คือเรื่องนินจานารุโตะ เป็นหนังสือการ์ตูนเกี่ยวกับเรื่องการทำภารกิจช่วยเมือง และโคนัน การ์ตูนแนวนักสืบที่ช่วยเสริมสร้างจินตนาการและความเป็นคนช่างสังเกต

>> ตาธาร มาร์ หนุ่มน้อยนักยิงธนู

หนุ่มน้อยสุดหล่อคนนี้ ผู้มีชื่อจริงและชื่อเล่นพ้องเสียงกันอย่างแสนเก๋ว่า “ตาตั้น-ตาธาร มาร์” เป็นแก้วตาดวงใจลูกชายคนเดียวของคอมเมนเตเตอร์ฝีปากกล้าแห่งรายการเดอะสตาร์ “เพชร มาร์” ด้วยวัยเพียง 16 ปี แต่กลับมาร่างสูงโปร่งสมกับการเป็นหนุ่มนักกีฬาตัวจริง

หนุ่มน้อยนักกีฬา
ขณะที่หนุ่มๆ ทั่วไปมักเลือกเล่นฟุตบอล บาสเกตบอล แต่ตาตั้นขอแหวกแนวเลือกสนุกเพลิดเพลินกับธนู โดยหลังจากที่คุณพ่อเพชรพาไปสัมผัสกับกีฬาชนิดนี้เมื่อ 5 ปีก่อน เขาก็ติดใจในกีฬาชนิดนี้ จากลองยิงธนูในแบบดั้งเดิม มาจนถึงการยิงธนู Recurve หรือธนูโค้งกลับ ซึ่งเป็นแบบธนูมาตรฐานที่แข่งขันกันในระดับสากล

“ฝึกซ้อมเกือบทุกวันครับ ไม่เดินทางมาฝึกที่สนามยิงธนู ก็ซ้อมอยู่ที่บ้าน มีเป้าซ้อม ต้องฝึกให้อยู่ตัวครับ เตรียมตัวไปแข่งทัวร์นาเมนต์ Princess Cup ในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ ยิ่งช่วงนี้ปิดเทอมอยู่เลยมีเวลาซ้อมมากหน่อย”

เสน่ห์ของกีฬายิงธนู
หลงเสน่ห์กีฬายิงธนู เพราะมันคือการต่อสู้กับตัวเอง เป็นการฝึกสมาธิ ฝึกจิตใจ กีฬาชนิดนี้ต้องใจนิ่ง ยิ่งถ้าตอนแข่งนะ ถ้าใจไม่นิ่ง ต่อให้ซ้อมมาดีแค่ไหน ก็พังครับ เจอความกดดันในการแข่งขันเข้าไป จิตใจไม่แข็งแกร่ง แพ้ร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ

นักเรียนคนเก่ง
นักเรียนสายศิลป์-คำนวณ ของโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ที่กำลังจะขึ้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 คนนี้ บอกว่า “ชอบเรียนภาษาอังกฤษ ศิลปะ พละ ครับ ผลการเรียนก็พอโอเคครับ แต่ยังไม่ค่อยพอใจเท่าไร ตอนนี้เกรดเฉลี่ยอยู่ราวๆ 3.2-3.3 ตั้งใจว่าอยากให้เฉลี่ยรวมตอนจบสวยๆ สัก 3.5 เหลือเวลาอีก 4 เทอม ก็ต้องฮึดหนักหน่อยครับ”

กิจกรรมสุดโปรด
“ตั้นชอบถ่ายภาพครับ เริ่มจากถ่ายคลิปวิดีโอเล่นกับเพื่อนๆ แล้วก็ติดใจ ก็เลยฝึกถ่าย หาความรู้ เก็บเกี่ยวประสบการณ์มาเรื่อยๆ ตั้งใจว่าอยากทำพวกโปรเจกต์หนังสั้นแบบจริงจังสักครั้งครับ ตอนนี้อยู่ในช่วงฝึกฝีมือ ก็ได้รับตำแหน่งเป็นตากล้องของรุ่นที่โรงเรียน คอยถ่ายภาพ ถ่ายคลิป แล้วก็ตัดต่อประเภทวาระพิเศษอย่างวันงานคริสต์มาส หรืองานกีฬาสี ผมชอบตระเวนเดินทางไปเรื่อยๆ ถ่ายพวกแลนด์สเกปสวยๆ เก็บไว้ แล้วตอนนี้กำลังฝึกถ่ายพอร์เทรตครับ อย่างไปดูประกวดเดอะสตาร์ ก็พยายามเก็บภาพผู้เข้าแข่งขันไปด้วย แต่ถ่ายยากมากเลยครับ คงต้องฝึกอีกเยอะ”

วาดฝันสู่อนาคต
จากความรักในการถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ พัฒนาไปสู่การอยากทำภาพยนตร์ ตาตั้นจึงตั้งใจมุ่งมั่นอยากเข้าเรียนต่อ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย “ก็พยายามทำเกรดให้ดีๆ แล้วก็ศึกษาเพิ่มเติมเรื่องการถ่ายภาพให้มากๆ มีทั้งคำแนะนำจากคุณพ่อ เวลาเขาเห็นผลงานเราก็จะช่วยวิจารณ์ในเรื่องการเลือกใช้เลนส์ โฟกัส การจัดวางองค์ประกอบรูป ไปจนถึงการแต่งภาพ แล้วมีปัญหาอะไรผมก็ใช้วิธีปรึกษาอากู๋ (google) เอาครับ แล้วถ้าเป็นไปได้อยากไปเรียนต่อเฉพาะทางที่ นิวยอร์ก ฟิล์ม สคูล อยากไปเก็บเกี่ยวความรู้ เทคนิคต่างๆ จะได้กลับมาช่วยต่อยอดพัฒนาวงการภาพยนตร์ไทยด้วยครับ”

>> พลพิช์วรรธ ณ สงขลา การร้องเพลงคือชีวิตจิตใจ

เมื่อ 2 ปีก่อน เราคงคุ้นหน้าคุ้นตากับหนุ่มน้อยเสียงดีหน้าตาน่ารัก จากรายการ The Trainer รายการประกวดร้องเพลงเด็ก อย่าง “พล-พลพิช์วรรธ ณ สงขลา” บุตรชายของ “ดร.เอกพล ณ สงขลา” Chief People Officer บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด ปัจจุบันน้องพลเรียนอยู่ที่ Harrow International School เกรด 10 เด็กหนุ่มวัย 14 ปี ที่เพียบพร้อมไปด้วยความสามารถในด้านต่างๆ โดยเฉพาะการร้องเพลง ซึ่งเป็นสิ่งที่เขายังคงชื่นชอบไม่เคยเปลี่ยนแปลง

อัปเดตชีวิตในโรงเรียน
“ที่โรงเรียนค่อนข้างมีอะไรหลายอย่างให้เด็กทำ ไม่ว่าจะเป็น ดนตรี กีฬา การแสดง ผมพยายามที่จะทำให้ครบทุกอย่าง จะได้รู้ว่าเราชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เช่น เป็นนักกีฬา เวลาแข่งกีฬาสีหรือร้องเพลงเป็นตัวแทนโรงเรียน ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เราชอบอยู่แล้ว ได้ทำสิ่งที่ชอบด้วยแล้วก็ได้ลองสิ่งใหม่ๆ ด้วย ทำให้เราแอกทีฟอยู่ตลอดเวลาครับ”

อนาคตอยากเป็นอะไร
“จริงๆ แล้วผมอยากเป็นนักร้องครับ เพราะเป็นสิ่งที่เราชอบมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วก็ยังชอบอยู่ มันกลายเป็นสิ่งที่ผมถนัดไปเลยครับ ถึงแม้ตอนนี้ผมจะเสร็จสิ้นการประกวดไปแล้วผมก็ยังคงฝึกร้องเพลงอยู่ การร้องเพลงเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ก็สนับสนุนมาตลอด แต่ถ้าสถานการณ์ไม่พาไปจริงๆ ผมก็อยากเป็นนักธุรกิจครับ คือผมมีเพื่อนที่คุณพ่อคุณแม่ทำธุรกิจแล้วประสบความสำเร็จมาเยอะแล้ว ผมก็เลยอยากประสบความสำเร็จแบบนั้นบ้างครับ”

เทคนิคการเรียน
“ผมชอบทำกิจกรรมครับจนบางครั้งผลการเรียนก็เลยไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าไร หลังๆ มาเริ่มแบ่งเวลาได้ลงตัว เวลาเรียนให้ห้องก็ตั้งใจเรียนก็จะหาหนังสือหรือข้อสอบเก่ามาอ่านเสริม และลองทำข้อสอบเก่าๆ ที่ผ่านมาดู จะได้จับทางข้อสอบได้ วิธีนี้ก็ช่วยได้เหมือนกันครับ ตอนนี้ผลการเรียนของผมมี B โผล่มาแค่ 2 ตัวเองครับนอกนั้น A หมด”

กิจกรรมยามว่าง
“งานอดิเรกหรือกิจกรรมยามว่างของผมจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากการร้องเพลง แล้วก็ดูฟุตบอลไม่ก็ไปเตะฟุตบอลกับเพื่อนๆ แต่อีกกิจกรรมที่ผมชอบทำเป็นประจำเมื่อมีเวลาคือเข้าวัดครับ เพราะทำมาตั้งแต่อายุ 3 ขวบ คุณพ่อคุณแม่พาเข้าวัดตั้งแต่เด็กๆ ครับ วัดที่ไปบ่อยชื่อวัดป่าน้อยอยู่ในจังหวัดอุบลราชธานี เป็นจังหวัดที่ผมผูกพันมาก เป็นวัดที่มีพระแก้วอยู่ 6 องค์ ซึ่งองค์หนึ่งที่ผมรู้จักชื่อคือ พระแก้วบุษราคัม ซึ่งมีความสวยงามมากครับ ช่วงปิดเทอมทุกครั้งผมก็จะไปอยู่ที่วัด10 วันเต็มๆ

มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนอายุ 7 ขวบ ที่วัดเหมือนไม่ค่อยมีคนดูแล เราเลยซื้อพานแล้วก็ทำพานดอกไม้ไปถวายพระแก้ว หลังจากนั้นก็มีคนดูแลมากขึ้นปัจจุบันนี้ที่วัดพัฒนาขึ้น สวยงามมาก มีคนรู้จักมากขึ้น ผมตั้งใจว่าอยากจะช่วยงานวัดนี้ต่อไปจนผมแก่เลยครับ ดังนั้นของสะสมของผมส่วนใหญ่ก็จะเป็นตั๋วชมฟุตบอล ผ้าพันคอที่มีลายเซนต์นักฟุตบอลทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แล้วก็เป็นพระพุทธรูปนี่ละครับ ผมมีเยอะมากเรียกว่าเป็นห้องพระเลยก็ว่าได้ (หัวเราะ) ประมาณ 40% เป็นของคุณย่า ผมก็จะชอบบูชาทีละองค์ครับ”

คุณพ่อคุณแม่สอนการใช้ชีวิตอย่างไร
“คุณพ่อคุณแม่ผมท่านจะให้ผมมีความคิดเป็นของตัวเอง ผมอยากทำอะไรท่านก็จะสนับสนุนครับ แต่ถ้าผลการเรียนตกท่านก็จะคอยเตือน และสอนให้แบ่งเวลาให้ดีครับ ผมก็ต้องขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ที่ให้ทำในสิ่งที่เราชอบ แล้วเราก็จะเต็มที่กับมัน ต้องขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ครับที่ทำให้ความฝันของผมเป็นจริง ผมคิดว่าคนเราเมื่อได้ทำในสิ่งที่เราใฝ่ฝันหรือต้องการทำแล้ว อย่าลืมหันกลับมามองครอบครัวซึ่งเป็นคนที่เลี้ยงดูเรามาตั้งแต่เด็กจนโตและสนับสนุนเรามาตลอด เราควรตอบแทนบุญคุณของคุณพ่อคุณแม่ และอย่าลืมตอบแทนบุญคุณแผ่นดินเกิดของเราด้วยการเป็นคนดีด้วยครับ” :: Text by FLASH
กำลังโหลดความคิดเห็น