xs
xsm
sm
md
lg

"คาร์เดเชี่ยน” เข้าซื้อกิจการ Temperly แบรนด์โปรดของดัชเชส

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คิม คาร์เดเชี่ยน
อลิซ เทมเพอร์ลีย์ เจ้าของแบรนด์แฟชั่น Temperly แบรนด์แฟชั่นที่ สาว ๆ ของครอบครัว มิดเดิลตัน ทั้ง พิพพา และ ดัชเชส เป็นแฟนประจำ รวมทั้งยังออกแบบเครื่องแต่งกายให้กับ ดัชเชสเป็นกรณีพิเศษอีกหลายครั้ง กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ เพราะขาดทุนสะสมมาถึง 3 ปีเป็นจำนวนเงินมหาศาล จนในที่สุดมีรายงานว่าดีไซเนอร์สาว กำลังติดต่อ ขายแบรนด์นี้ให้กับเซเลบริตี้ชื่อดังจากอเมริกาอย่าง คาร์ดาเชียน ซึ่งจะทำให้สาวๆ สามารถแต่งตัวแบบ ดัชเชสได้ต่อไป

เดลี่ เมล์ เปิดเผยว่า อลิซ บินเจรจาธุรกิจแบบลับๆ กับเหล่าสมาชิก คาร์ดาเชียนที่ลอสแองเจอลีส เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับการขายธุรกิจแฟชั่นที่เธอปลุกปั้นมา ด้วยสาเหตุเพราะเธอไม่อาจแบกภาระขาดทุนสะสมในช่วง 6 ปีหลังนี้ ซึ่งมียอดเพิ่มขึ้นเกือบ 600 ล้านบาท และขาดทุนต่อเนื่องติดต่อกันในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
อลิซ เทมเพอร์ลีย์ เจ้าของแบรนด์แฟชั่น Temperly
คำถามก็คือด้วยตัวเลขขาดทุนขนาดนี้ แต่ทำไมบ้านคาร์ดาเชียน ถึงสนใจที่จะทุ่มเงินคว้าแบรนด์แฟชั่นจากเกาะอังกฤษมาเป็นหนึ่งในกรรมสิทธิ์ของพวกเธอเอง เรื่องนี้ เดลี่ เมล์ วิเคราะห์ว่า แม้ผลการดำเนินงานจะขาดทุนอย่างน่าใจหาย แต่ทว่าภาพลักษณ์ของ Temperly นั้น ถือว่าติดตลาดไปแล้วแถมยังเป็นแบรนด์ในใจของ เซเลบริตี้ระดับ เอลิสต์หลายคน ไม่เพียงแค่ พิพพา และ ดัชเชส เท่านั้น แต่ทั้ง เอ็มม่า วัตสัน, เคียรา ไนท์ลีย์ หรือ สการ์เล็ต โจแฮนสัน ก็ล้วนแต่ สวมชุดของ Temperly แทบทั้งสิ้น

ดังนั้นนอกจากภาพลักษ์แล้ว สิ่งที่ คาร์ดาเชียน มองเห็นคือ จำนวนสาขาที่มีมากถึง 300 สาขา ใน 37 ประเทศทั่วโลก

สำหรับ อลิซ เทมเพอร์ลีย์ ดีไซเนอร์สาวเธอปลุกปั้นแบรนด์นี้มาด้วยตัวเองร่วมกับอดีตสามีตั้งแต่ปี 2002 และเพียงแค่ปีเดียวหลังจากที่เปิดกิจการมาเธอก็ได้รับเชิญให้ร่วมแสดงแฟชั่นโชว์ในลอนดอน แฟชั่นวีค' 2003 และนับตั้งแต่นั้น เสื้อผ้าจาก Temperly ก็กลายเป็นที่ชื่นชอบของ เซเลบและบรรดาสาวไฮโซบนเกาะอังกฤษเสมอมา

ซึ่งหลังจากเริ่มติดลมบนไปแล้ว อลิซก็เดินหน้าขยายธุรกิจแฟชั่นของตัวเอง เธอเปลี่ยนแปลงจากรูปแบบธุรกิจครอบครัวให้เป็นลักาณะของบริษัทร่วมทุน มีการแตกไลน์ขยายแบรนด์เพิ่มเป็นสองแบรนด์คือ Temperly และ Temperly London ไปพร้อมๆกับการเปิดสาขาในต่างประเทศ แต่เมื่อเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างหนักทั้งในยุโรป และอังกฤษเอง รวมทั้งมีแบรนด์แฟชั่นน้องใหม่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องทุกปี
แม้ Temperly ยังคงระดับชื่อเสียงไว้ได้ แต่เรื่องยอดขายก็ไม่สวยงามเหมือนเก่า เพราะตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา บริษัทเจอกับการขาดทุนมาเรื่อยๆ และตัวเลขขาดทุนก็เริ่มสูงขึ้นๆทุกปี จนทำให้ อลิซ ได้รับแรงกดดันจากเหล่าบรรดาผู้ถือหุ้นว่าเธอต้องตัดสินใจอะไรบางอย่างเพื่อ แก้ไขสถานการณ์ไม่ให้จมดิ่งลงไปกว่านี้


กำลังโหลดความคิดเห็น