xs
xsm
sm
md
lg

ปาวา นาคาศัย ปักธงเป็นนักการเมืองตามรอยพ่อแม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เบอร์ดี้-ปาวา นาคาศัย
 
หากการได้เป็นนักการเมืองของไทยแล้ว มีคนยกย่องสรรเสริญเยินยอ เชื่อว่าเด็กรุ่นใหม่ทายาทนักเมืองรุ่นเก๋า หลายต่อหลายคนก็คงเดินเข้าสภาเป็นว่าเล่นแล้ว แต่ในวันที่บ้านเมืองผ่านวิกฤติการณ์กู้ชาติมา เข้าสู่ช่วงปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ทายาทนักเมืองหลายคนล้วนแต่ส่ายหน้า ไม่มีใครคิดอยากเป็นนักการเมืองอีกเลย จะมีก็เพียงแต่ เบอร์ดี้-ปาวา นาคาสัย ที่ย้ำชัดเจนมาตลอด นับตั้งแต่วัยเยาว์จนถึงวันนี้ เธอก็ยังยืนยันคำเดิมที่ว่า จะเดินตามรอยพ่อ-แม่เป็นนักเมืองที่ดีในอนาคต

 
ภายในร้านกาแฟเล็กๆ ย่านกลางเมือง เบอร์ดี้-ปาวา นาคาศัย สาวน้อยร่างบอบบางใบหน้าสดใสเปื้อนรอยยิ้มตลอดเวลา ยืนรอต้อนรับเราด้วยความเป็นกันเอง โดยในอดีตเธอคนนี้เคยใช้ชื่อ “ณิชาบูล” แต่เมื่อถูกพระที่ทางครอบครัวเคารพนับถือทักทายว่า ไม่ถูกโฉลก พ่อกับแม่ของเธอจึงเปลี่ยนใหม่เป็น “ปาวา” ซึ่งแปลว่า “สตรีผู้ยิ่งใหญ่” แทนชื่อเดิม ซึ่งเธอบอกว่า การปลี่ยนชื่อครั้งนั้นก็เพื่อความถูกต้อง และเพื่อความสบายใจของผู้ใหญ่

หลังจากทักทายกันพอหอมปากหอมคอ เบอร์ดี้-ปาวา ชี้ชวนให้ดูหนังสือกองโตของเธอ พร้อมบอกด้วยเสียงสดใสว่า วิทยานิพนธ์ของเธอเพิ่งเสร็จเรียบร้อย หลังจากใช้เวลาทุ่มเททำอย่างหนักมาตลอด 1 ปีที่ผ่านมา

เธอเริ่มต้นเล่าเรื่องราวชีวิต ที่เกิดเป็นลูกสาวนักการเมืองดัง อย่าง อนุชา นาคาศัย อดีต ส.ส.หลายสมัย กับ พรทิวา นาคาศัย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ว่า เพราะแม้จะเติบโตมาจากการเลี้ยงดูของพ่อแม่เป็นอย่างดี แต่ความที่ทั้งพ่อและแม่ของเธอเป็นนักการเมืองชื่อดัง ทำให้ต้องลงพื้นที่ดูแลปัญหาประชาชนอยู่ตลอด หลายครั้งที่เธอต้องอยู่บ้านเพียงลำพังกับน้องชาย แต่ทั้งสองก็ไม่รู้สึกขาดหรือโหยหา เพราะถึงพ่อแม่จะไม่มีเวลาให้ลูกๆ แต่พ่อแม่ก็ให้ความอบอุ่นมาตลอด

 
ชีวิตการเป็นลูกนักการเมือง ไม่ได้ปูด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่หลายคนคิด แม้พ่อแม่จะมีฐานะพอที่จะให้ความสุขเธอและน้องชายได้เป็นอย่างดี แต่ในวัยเด็ก หลายครั้งที่เธอต้องเสียน้ำตาด้วยความผิดหวังและเสียใจ เมื่อถูกเพื่อนล้อ หรือเยาะเย้ย เวลาสื่อมวลชนออกข่าวเชิงลบเกี่ยวกับพ่อและแม่ของเธอ

“เป็นเรื่องธรรมดาของเด็กๆ นะคะ สมัยก่อนพอมีข่าวอะไรออกมานิด ถ้าเกี่ยวกับคุณพ่อคุณแม่ เบอร์ดี้ก็ถูกมองแล้ว ถ้าเป็นข่าวดีก็มีคนมาแสดงความยินดี แต่ถ้าเป็นข่าวเชิงลบเพื่อนๆ ก็ทั้งล้อ ทั้งต่อว่า ตอนนั้นยังเด็กเถียงไม่เป็นก็ร้องไห้ กลับบ้านถามคุณพ่อคุณแม่ ทำไมเป็นแบบนี้ ท่านก็อธิบายและชี้ให้เห็นว่า ทำงานต้องมีทั้งถูกและผิด ทั้งที่ถูกใจและไม่ถูกใจ ท่านก็สอนให้อดทน ไม่ให้ร้องไห้ค่ะ ใช้เวลานานเหมือนกัน แต่พอโตขึ้นมาหน่อยก็เริ่มเข้าใจและชินมากขึ้น”

นอกจากต้องท่องคำว่า “อดทนและอดทน” แล้ว เวลาทุกนาทีของนักการเมืองโดยเฉพาะ นักการเมืองท้องถิ่น จะต้องมีไว้ให้กับประชาชน ที่เลือกเขาเข้ามาเป็นตัวแทนบริหารประเทศอีกด้วย

เบอร์ดี้บอกว่า ช่วงไหนที่พ่ออนุชาและแม่พรทิวาว่างจากงานการเมือง ก็จะให้เวลากับลูกๆ อย่างเต็มที่ แต่วันไหนมีงานเยอะต้องลงพื้นที่ หรือประชุมสภา ทั้ง 2 คนก็ต้องกลับบ้านดึก คืนไหนรอไหวเธอก็จะรอจนกว่าพ่อ-แม่จะกลับ แต่ถ้าคืนไหนรอไม่ไหวก็หลับไปก่อน เวลามีเรื่องสำคัญที่อยากได้คำปรึกษา พวกเธอจะใช้วิธีโทรศัพท์ไปถามทันที

“เราไม่ค่อยได้อยู่ใกล้ชิดมากนัก เวลามีปัญหาเบอร์ดี้กับน้องจะใช้วิธีโทรศัพท์หาคุณพ่อ ท่านก็จะสอนจะแนะนำทุกอย่าง พอระยะหลังเริ่มโตก็มีไลน์ให้ใช้ เราก็เปลี่ยนมาติดต่อทางไลน์ ทำให้รู้สึกเหมือนครอบครัวเราอยู่ใกล้ชิดกันตลอดเวลา อย่างตอนเอนทรานซ์ เป็นช่วงที่คุณพ่อคุณแม่ต้องลงพื้นที่หาเสียง เบอร์ดี้ต้องสมัครสอบ ก็ให้ท่านช่วยดูว่าคณะที่เราเลือกเป็นอย่างไร? พอสอบติดก็โทร.บอกท่าน ถ่ายรูปโชว์ผลสอบส่งไป คุยกันแบบนี้ตลอด ไม่รู้สึกเลยว่าขาดความอบอุ่น เพราะรู้ว่าท่านทำงานและเบอร์ดี้เองก็มีเพื่อน ติดเพื่อนเลยไม่เหงาค่ะ”

ปาวาบอกว่า ทั้งพ่อและแม่จะเลี้ยงลูกแบบให้คิดเอง ลงมือทำเอง รวมทั้งไม่เคยบังคับให้ลูกต้องลงเล่นการเมือง แต่สาวน้อยหน้าใสคนนี้กลับประกาศชัดเจนว่า อยากเป็นนักการเมืองเหมือนกับพ่อ-แม่

“รู้สึกอยากเป็นนักการเมือง อย่าง คุณพ่อคุณแม่มาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ อยากลองลงสมัครรับเลือกตั้งซัก 1-2 สมัย เพราะเห็นคุณพ่อคุณแม่ทุ่มเททำงานก็รู้ว่าเป็นงานที่เหนื่อย ต้องรับผิดชอบสูง และอีกอย่างคือ การทำงานการเมืองรู้สึกท้าทาย ได้ช่วยเหลือเป็นปากเป็นเสียงแทนพี่น้องที่เขาลำบาก ก็อยากทำค่ะ แต่คงรอเรียนจบปริญญาโทก่อน คือประมาณอีก 2-3 ปีข้างหน้า”

 
ปัจจุบัน “เบอร์ดี้” ใกล้จบการศึกษาที่คณะเศรษฐศาสตร์ หลักสูตรภาษาอังกฤษ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และวางแผนจะศึกษาต่อปริญญาโท สถาบันเดียวกัน ก่อนจะวางแผนทำงานตามความฝัน ทางด้านการเมือง เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ และเดินทางไปศึกษาต่อปริญญาเอกที่ประเทศอังกฤษ

เบอร์ดี้ยังเล่าถึงประสบการณ์ทางการเมืองของเธอว่า ยังไม่เคยช่วยงานอย่างจริงจัง แต่เคยตามพ่อแม่ไปหาเสียง ซึ่งตรงนี้เป็นเหตุผลสำคัญที่เธอต้องเลือกเรียนเศรษฐศาสตร์

“คุณแม่บอกตลอดว่า ถ้าอยากเป็นนักการเมืองต้องขยัน ต้องรู้เรื่องเศรษฐกิจ ตอนนี้ก็เรียนเต็มที่ค่ะ ส่วนภาคปฏิบัติเรื่องทำงานหลังจากนี้ หากมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ คงไปเป็นผู้ช่วยคุณพ่อ-คุณแม่อย่างจริงจังมากขึ้น ส่วนเรื่องลงพื้นที่ไม่มีปัญหาค่ะ เพราะชอบอยู่แล้ว ได้เจอลุง-ป้า-น้า-อาในพื้นที่ทีไร จะมีความสุขมาก เวลาได้ฟังเขาเล่าสารทุกข์สุขดิบแล้ว รู้สึกมีพลัง อยากทำงาน อยากแก้ไขปัญหาให้พวกเขา”

 
คำพูดคำจาที่ฉะฉานชัดเจนตรงไปตรงมา บวกกับรอยยิ้มบนใบหน้า ทำให้เรามองเธออย่างไม่รู้เบื่อ และอดถามไม่ได้ว่า ทำไม่ไม่สนใจงานในวงการบันเทิง เบอร์ดี้ยอมรับว่า ที่ผ่านมาก็มีคนติดต่อไปเดินแบบ-ถ่ายแบบเหมือนกัน แต่เธอไม่ถนัด อีกทั้งผู้ใหญ่ในครอบครัวก็ไม่ปลื้มมากนัก จึงคิดว่ารับทำเป็นงานอดิเรกเรียนรู้เป็นประสบการณ์ก็พอแล้ว

เมื่อถามถึงฝันอันสูงสุด หากได้ลงเล่นการเมืองสมใจแล้ว สาวน้อยเบอร์ดี้บอกว่า ก็คงเป็นนักการเมืองตัวเล็กๆ ภายใต้รัฐธรรมนูญของไทย ไม่เคยฝันไกลถึงขั้นอยากเป็นนายกรัฐมนตรี แต่จะยึดมั่นทำงานช่วยเหลือประชาชนให้ได้มากที่สุด และดีที่สุดเหมือนอย่างที่พ่อและแม่เคยทำไว้ก็เพียงพอแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น