xs
xsm
sm
md
lg

เพราะ "เซ็กซ์" ! ประวัติศาสตร์เปลี่ยน วัฒนธรรมใหม่เกิด/Dr.DEN Sexociety

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ Sexociety โดย Dr.DEN

มีหลายเหตุการณ์ที่บ่งสะท้อน ว่า เซ็กซ์สร้างประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ยกตัวอย่างมาให้ดูกันครับ

ตัดหัวพระนาง ยุติระบอบกษัตริย์

เรื่องราวของความอื้อฉาว เซ็กซ์ และงานปาร์ตี้อันฟุ้งเฟ้อที่เกิดขึ้นรอบตัว พระนางมารี อังตัวเน็ต นั้นทำให้แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นว่าตัวจริงของพระนางเป็นใคร และทำอะไรไว้จริงๆ กันแน่

ข่าวลือของยุคนั้นกล่าวว่าพระนางเป็นโรคตัณหาจัด (NYMPHOMANIAC) ซึ่งนำพาประเทศฝรั่งเศสไปสู่การล้มละลายทางเศรษฐกิจด้วยการผลาญเงินในท้องพระคลังเพื่อบำเรอความฟุ้งเฟ้อของพระนางเอง

ข่าวลือบอกว่าราชินีมารีมีชู้รักหลายคน และปรนเปรอตัวเองไปในความหรูหราในขณะที่ประชาชนฝรั่งเศสส่วนใหญ่อดอยาก
มีเอกสารที่แสดงภาพวาดของพระนางขณะกำลังมีปฏิสัมพันธ์ทางเพศกับข้าราชบริพารเกือบทุกคนที่ใกล้ชิดกับพระนาง (นอกเหนือจากพระสวามี)

บางทีในกรณีนี้ที่กล่าวกันว่าเป็นเซ็กซ์ที่เปลี่ยนทิศทางของประวัติศาสตร์นั้น อาจไม่ใช่ข้อเท็จจริง แต่เป็นเพียงนัยยะก็ได้

อย่างไรก็ตาม บรรดาชาวนาฝรั่งเศสเริ่มเบื่อหน่ายกษัตริย์ ราชินีและราชวงศ์ของพวกเขา และต้องการการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างยิ่ง

ดังนั้นพระนางมารี อังตัวเน็ตผู้อื้อฉาวและพระเจ้าหลุยส์ที่16 พระสวามีของพระนางก็ถูกจับกุมและถูกส่งเข้าหลักประหารโดยกิโยติน ขณะที่ใบมีดหล่นลงมา ประเทศฝรั่งเศสก็เดินหน้าเข้าสู่ยุคของอนาธิปไตยและความไม่สงบยิ่งกว่าเดิม

การแสวงหายาปลุกเซ็กซ์

ยาดองกระดูกเสือ ซุปหูฉลาม ลึงค์กวางดอง อัณฑะจามรี อัณฑะไก่ (อือม์ อัณฑะสัตว์อะไรก็ใช้ได้ทั้งนั้น) ดีหมี นอแรด ไข่เต่าและม้าน้ำแห้ง...หงี่กันรึยังล่ะ?

เอเชียโด่งดังในเรื่องการลักลอบค้าสัตว์ป่า ลูกค้าจ่ายเงินก้อนโตสำหรับการคุกคามสัตว์ป่าอันเป็นเหตุให้พวกมันใกล้สูญพันธุ์ ถ้าพวกเขาคิดว่ามันจะช่วยเสริมพลังเซ็กซ์ให้แก่ชีวิตรักของพวกเขา

แต่ในไม่กี่ปีมานี้ก็เป็นที่หวังกันว่าการอุบัติขึ้นของยาเสริมสมรรถภาพทางเพศอันมีประสิทธิภาพ จะช่วยลดความต้องการอวัยวะสัตว์ที่เชื่อกันว่าเป็นยาโป๊วดังกล่าว ยาเม็ดปลุกกำหนัดเหล่านี้มีราคาถูกกว่า ถูกกฎหมาย และคุณไม่ต้องฆ่าสัตว์ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เพื่อเพิ่มพูนชีวิตรักอันหวานฉ่ำให้แก่ภรรยาหรือสามีของคุณ

อย่างไรก็ตาม การล่าสัตว์ป่าเพื่อนำมาทำเป็นยาโป๊วก็ยังดำรงอยู่ในบางประเทศของเอเชีย ทุกวัฒนธรรมมีตำราพื้นบ้านในการเยียวยารักษาโรคด้วยกันทั้งนั้น

หลายคนเชื่อว่าหอยนางรมมีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมสำหรับการเริงรักบนเตียง ช็อคโกแล็ต อาโวคาโด ลูกฟิก(มะเดื่อฝรั่ง) หัวผักกาดแดง อัลมอนด์ กล้วยหอม ไข่คาเวียร์ เห็ดทรัฟเฟิล กาแฟ ใบกะเพรา หอยเป๋าฮื้อ และอื่นๆ อีกมากมายที่เชื่อกันว่าเป็นไวอากร้าโบราณ ที่ไม่ต้องแปรรูป

ศิลปะแห่งความรักในราชสำนัก

กฎของความรักในราชสำนักของยุคกลางนั้นรวมถึงข้อที่ว่า “ความรักถูกหนุนเสริมโดยความหึงหวง” และ “การเปิดเผยความรักต่อสาธารณะมีโทษถึงตายในทุกกรณี” แนวความคิดนี้มีปรากฏให้เห็นทั่วไปในวรรณกรรมอังกฤษ

เราจะเห็นพระเอกของเรื่องต้องรอคอยให้ผู้หญิงในราชสำนักลอบหนีออกจากวังมาหา เรื่องราวเหล่านี้ลดศักดิ์ศรีของอัศวินลงมาเหลือแค่เด็กนักเรียนที่ได้แต่ฝันเฟื่องเรื่องผู้หญิงอย่างลมๆ แล้งๆ โดยไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับตัวเอง

ตัวอย่างชีวิตรักในราชสำนักที่โด่งดังที่สุดเกิดขึ้นระหว่าง กษัตริย์เฮนรีที่ 8 กับ แอนน์ โบลีน ซึ่งการเกี้ยวพาราสีของเฮนรีกับแอนน์พัฒนาไปเป็นความสัมพันธ์อันลึกซึ้ง

ทว่าพระเจ้าเฮนรีทรงอภิเษกสมรสแล้ว และพระองค์ได้แสดงความหึงหวงอย่างสุดฤทธิ์เมื่อมีชายอื่นมาหมั้นหมายกับแอนน์ (“ความหึงหวงหนุนเสริมความรัก”) และความรักของพระองค์ที่มีต่อแอนน์ก็จืดจางลงเมื่อเธอไม่สามารถผลิตทายาทเพศชายให้แก่พระองค์ได้ (“ความรักสั่นไหวได้เสมอ”)

และพระเจ้าเฮนรี ซึ่งเป็นสุภาพบุรุษแห่งราชสำนักพระองค์หนึ่งก็ทำตามกฎข้อ11 คือ อย่ารักผู้หญิงที่เจ้าจะไม่แต่งงานด้วยเป็นอันขาด

เราส่วนใหญ่รู้เรื่องนี้จากจุดนี้เป็นต้นไป เฮนรีแต่งงานกับแอนน์ โบลีน แม้ว่าการหย่าร้างเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่เฮนรีก็ประกาศว่าการอภิเษกสมรสของพระองค์กับพระนาง แคทเธอรีนเป็นโมฆะ พระองค์ตั้งนิกายเชิร์ชออฟอิงแลนด์แยกออกมาจากนิกายคาธอลิกเพื่ออยู่กินกับคนรักของพระองค์ได้อย่างไม่ผิดหลักศาสนา

แต่ในที่สุดรักใหม่ครั้งนี้ก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วราวสายลม และในไม่ช้า “ความบ้าฆ่าเมีย” ของเฮนรีก็เริ่มขึ้น ตามวิถีของความรักในราชสำนัก

การควบคุมอารมณ์เพศในศิลปะโรมัน

วาติกัน เป็นแฟนพันธุ์แท้ของศิลปะโรมันโบราณ ด้วยการสะสมรูปปั้นหลายร้อยชิ้นที่มีการปรับแต่งเล็กน้อย นั่นก็คือ การปกปิดองคชาตของรูปปั้นเหล่านั้น ภาพลักษณ์ทางเพศอันโจ่งแจ้งถูกพิจารณาว่าไม่เหมาะสมสำหรับการจัดแสดงในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นรูปปั้นแต่ละตัวจึงถูกปิดอวัยวะเพศไว้ด้วยใบมะเดื่ออย่างที่เราเคยเห็นกัน

ตามตำนานคนเมืองที่เล่าขานต่อๆ กันมาอย่างกว้างขวางว่า ทางสำนักวาติกันก้าวหน้าไปอีกหนึ่งก้าวโดยสกัดเอาลึงค์ของรูปปั้นทิ้งไปเลยจริงๆ

เรื่องเล่านี้ยังนำไปสู่การกล่าวอ้างว่าวาติกันมีห้องลับที่ชั้นใต้ดินในสำนักอันกว้างใหญ่ซับซ้อนของพวกเขาที่อุทิศสำหรับการเก็บรูปปั้นโบราณที่มีลึงค์แข็งตัวเหล่านี้โดยเฉพาะ (แอบเอาไว้เชยชมเพื่อมิให้ญาติโยมตำหนิได้ ว่างั้นเถอะ)

* ช่วยคลิก Like ด้วยนะคะ เพื่อเป็นแฟนเพจ Lady Manager รับข่าวสารแซ่บๆ ของผู้หญิงในแวดวงสุขภาพความงาม แฟชั่น และความสัมพันธ์ (**)

 

>>
อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ 
 http://www.celeb-online.net
 
กำลังโหลดความคิดเห็น