xs
xsm
sm
md
lg

ธีรชนม์ บวรอัศวกุล เจ้าสัวรุ่นใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ธีรชนม์ บวรอัศวกุลกรรมการบริหาร โครงการ ฟู้ด วิลล่า บริษัท บีที กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น จำกัด
 
คำว่าฝันให้ไกลแล้วไปให้ถึง ยังคงใช้ได้อยู่เสมอ โดยเฉพาะ กับคนที่มุ่งมั่นต้องการจะประสบความสำเร็จในชีวิต ไม่เว้นแม้แต่ แน็ก-ธีรชนม์ บวรอัศวกุล ที่มีความฝันตั้งแต่เด็กว่า อยากประสบความสำเร็จด้วยตัวเอง ดังนั้น เขาจึงเรียนรู้ทุกความสำเร็จจากคนรอบข้าง ผ่านสายตา แล้วปล่อยให้ปัญญาเป็นผู้วินิจฉัย เมื่อกลั่นกรองจนมั่นใจแล้วจึงลงมือทำทันที งานทุกชิ้นของเขานอกจากจะทำให้ความคิดค่อยเติบโตแล้ว ยังสร้างผลกำไรได้อย่างมากมายอีกด้วย

 
ธีรชนม์ บวรอัศวกุล กรรมการบริหารโครงการ ฟู้ด วิลล่า บริษัท บีที กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นลูกชายคนเล็กของ คีรดิต กับ ขวัญเมือง บวรอัศวกุล แม้ชื่อของเขาจะไม่เป็นที่โด่งดังและโดดเด่นในสังคมเมืองไทย หากแต่ในแวดนักธุรกิจเมืองกวางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน แทบไม่มีใครไม่รู้จักเขา

หนุ่มตี๋ใบหน้าสดใสในท่วงท่าสบายๆ เริ่มต้นการสนทนาบอกเล่าเรื่องราวตัวเองว่า ตระกูลของเขาเริ่มต้นจากอากงและอาม่า ที่อพยพจากจีนแผ่นดินใหญ่ เข้ามาลงหลักปักฐานในเมืองไทย โดยยึดอาชีพค้าขายพอมีรายได้ส่งเสียลูกๆ ในรุ่นบิดาของเขาให้ได้เรียนหนังสือจนจบปริญญาตรี สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงดูทุกคนในครอบครัว ตามแบบวัฒนธรรมจีนได้อย่างสบายไม่ต้องลำบาก

“ตั้งแต่เกิดมาผมไม่ได้ลำบาก แต่ก็ไม่ได้สบายถึงขั้นใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือย พ่อสอนเสมอไม่ให้ลืมว่าพวกเราเป็นใครมาจากไหน จะนิ่งเฉยคอยขอเงินพ่อแม่ไม่ได้ พอโตพูดรู้เรื่อง พ่อก็สอนให้ลูกทุกคนหัดทำงาน หัดค้าขาย ผมเองไปซื้อผลไม้จากตลาด มาแบ่งใส่ถุงขายเป็นงานที่สนุก ได้เงินก้อนแรกก็นับทั้งวันเลยครับ”

เงินก้อนแรกที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรง แม้จะไม่มากนัก แต่ก็สร้างภาคภูมิใจได้เป็นอย่างดี จากวันแรกที่ได้เป็นพ่อค้าตัวจิ๋ว จนถึงวันที่เป็นพ่อค้าหนุ่มนักศึกษา เขาสามารถนำเงินมาซื้อของใช้ที่ตัวเองอยากได้และต่อยอดลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ได้อีกหลายต่อหลายธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม เส้นทางการเป็นนักธุรกิจของเขา เริ่มต้นอย่างจริงจังเมื่ออายุ 17 ปี โดยระหว่างเป็นนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ก็แอบนำเงินเก็บส่วนหนึ่ง มาลงทุนเปิดร้านอาหารเป็นของตนเอง ก่อนจะขยายไลน์มาทำธุรกิจขายส่งชิ้นส่วนอุตสาหกรรม ที่นำเข้าจากเยอรมนี จีน และไต้หวัน

 
สองธุรกิจที่ทำแม้จะแตกต่าง แต่ทำด้วยความรักและศรัทธา เน็กบอกว่าการขายอาหารเป็นสิ่งที่เขารัก เพราะเป็นอาชีพแรกที่ทำให้เขามีรายได้เข้ากระเป๋าตั้งแต่จำความได้ ส่วนงานขายชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นงานที่ทำบนพื้นฐานความถนัด “ตอนนั้นมีคนมาเสนอให้ผมหาชิ้นส่วนอุตสาหกรรมให้ พอดีผมได้รู้จักเพื่อนต่างชาติที่เขาทำงานด้านนี้ ก็เลยเปิดบิลให้ หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ขยายงานไปเรื่อยๆ แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจซบเซา บวกกับความวุ่นวายทางการเมือง ธุรกิจที่ทำจึงไม่ดีนัก ผมเลยเปลี่ยนมาขายน้ำมันเตา ให้กับโรงงานอุตสาหกรรมแทน ซึ่งได้ผลกำไรเป็นที่น่าพอใจ”

และเมื่อจบปริญญาตรีจากลาดกระบัง เน็กก็ทำงานเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่บริษัท ยูบี ฮาเวิลด์ ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ ก่อนจะบินไปเรียนต่อด้านการบริหารและจัดการตลาดที่ Sun Yat-Sen University Guang Zhou Chaina เพื่อเติมความรู้ทางธุรกิจที่จำเป็น ก่อนจะกลับมาช่วยธุรกิจตัวเองและของครอบครัว

เน็กบอกว่า เขาเลือกไปกวางโจว เพราะอยากได้ภาษาจีน และศรัทธาคนจีนที่ขยันทำมาหากิน เมื่อไปถึงที่นั่นก็นับเป็นโชคดี ที่ได้เพื่อนที่เป็นนักธุรกิจหลากหลายวงการ ทำให้เขามีมุมมองการค้ากว้างขึ้น “ผมไม่หวังทำธุรกิจใหญ่ๆ เหมือนคนอื่น อยากทำอะไรที่พอดี ไม่ใหญ่และไม่เล็กเกินไป พอดีที่บ้านมีที่ดินย่านพุทธมณฑลสาย 1 เป็นที่ว่าง 18 ไร่ เลยขอพ่อทำตลาดสด ผสมผสานความเป็นคอมมูนิตี มอลล์ ปรับภาพลักษณ์ของตลาดสดแบบเดิมให้ทันสมัย ใช้ชื่อโครงการ “ฟู้ด วิลล่า ราชพฤกษ์”

 
เน็กในวันนี้อายุเพียง 27 ปีเท่านั้น คนในวัยเดียวกับเขา อาจจะทำงานนั่งกินเงินเดือน แต่เขากลับจับโปรเจกต์ใหญ่อย่าง “ฟู้ด วิลล่า ราชพฤกษ์” ซึ่งนับเป็นงานใหญ่งานแรกในชีวิตของเน็ก ด้วยเงินลงทุนกว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากน้ำพักน้ำแรงที่เขาเก็บมาตั้งแต่เริ่มทำงาน แม้จะยังไม่สำเร็จเป็นรูปร่างดี แต่เขาก็เชื่อว่าจะเป็นตลาดที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งย่านฝั่งธนบุรี

เน็กบอกว่า ทุกวันนี้เขาทุ่มเทเวลาและความรู้ที่มีให้กับโครงการนี้ ตั้งแต่ดูแลงานก่อสร้างให้ออกมาตามที่ใจฝัน รวมถึงการวิ่งหาร้านค้าเข้ามาอยู่ในโครงการ “ผมอยากให้คนที่เข้ามาใน ฟู้ด วิลล่า ไม่ต้องผิดหวัง เข้ามาสามารถหาอาหารได้ทุกอย่างที่ต้องการ คือมีทั้งอาหารสำหรับนำไปปรุงเอง และอาหารสำเร็จรูป รวมถึงอาหารพร้อมรับประทาน

ในยามหลังจากทุ่มเททำงานอย่างหนัก ทั้งธุรกิจส่วนตัวและของครอบครัวแล้ว “เน็ก” เลือกที่จะพักผ่อนด้วยการเดินทางไปดำน้ำลึก เป็นการผ่อนคลายความเหนื่อยล้าของตัวเอง “ทุกครั้งที่ได้ลงไปใต้น้ำ ผมจะรู้สึกปลดปล่อย มันเหมือนได้อยู่อีกโลกหนึ่ง โลกที่มีแต่ความเงียบสงบ ไม่มีใครพูดคุยด้วย ได้เห็น ได้สัมผัสความสวยงามของชีวิตใต้น้ำทำให้คลายเครียด”

หนุ่มเน็กยังพูดถึงเป้าหมายในอนาคตของเขาว่า อยากพัฒนาธุรกิจตลาดสดให้เป็นตลาดที่ทุกคนพูดถึง และอยู่คู่กับคนใต้ตราบนานเท่านาน และเมื่อทุกอย่างเข้าที่แล้ว สิ่งที่ต้องทำให้ได้หลังจากนั้นก็คือ การจัดตั้งมูลนิธิช่วยเหลือผู้ยากไร้และให้การศึกษาเด็กด้อยโอกาส

“เรื่องการจัดตั้งมูลนิธิ เป็นสิ่งที่ต้องทำให้ได้ ผมเริ่มมีความคิดอยากช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และตอบแทนสังคม ซึ่งผมเชื่อว่าปัญหาใหญ่และสำคัญที่ต้องเร่งช่วยเหลือคือ เรื่องการศึกษา ตอนนี้ยังมีเด็กไทยมากมาย ต้องการการสนับสนุนในเรื่องนี้ ผมเชื่อว่า หากเขาได้รับการศึกษาที่ดีแล้ว เขาจะสามารถนำความรู้ที่ได้มาพัฒนาสังคมไทยให้ดีต่อไปได้” หนุ่มเน็กกล่าวทิ้งท้าย
กำลังโหลดความคิดเห็น