xs
xsm
sm
md
lg

Star Influencer โสภิตนภา ชุ่มภาณี ในวันที่เธอเป็นมากกว่า “ซุป’ตาร์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


>>หากลองให้หลับตานึกภาพดาราสาวที่มีคาแรกเตอร์ ผมซอยสั้น รับกับใบหน้าเก๋ๆ เชื่อเลยว่าคนแรกๆ ที่คุณนึกถึงจะต้องเป็นใบหน้าของ “โสภิตนภา ชุ่มภาณี” นางเอกภาพยนตร์ไทย “กุมภาพันธ์” ภาพยนตร์ในยุคปฏิวัติคาแรกเตอร์ของนางเอกที่ไม่จำเป็นต้องผมยาว จนพาให้สาวๆ หลายคนไปหั่นผมสั้น กลายเป็นสาวทะมัดทะแมงตามแบบของเธอ

เป็นเวลา 10 กว่าปีแล้วที่ “เจี๊ยบ โสภิตนภา” สาวทะมัดทะแมงคนนั้น ได้เป็นส่วนหนึ่งของวงการบันเทิงจนเป็นที่รู้จักรักใคร่ของคนทั่วไป และในวันนี้เธอไม่ได้เป็นแค่ “ซุป’ตาร์” ที่ออกมาแสดงละครเพียงแค่ฉาบฉวยเท่านั้น แต่เธอยังก้าวไปอีกก้าวด้วยการเป็นผู้จัดละคร เพราะเธอบอกว่า วงการบันเทิงกลายเป็นชีวิตของเธอไปแล้ว

เซเลบริตี้ดาราไฮโซ!
แม้ว่าในระยะแรกๆ ที่เรารู้จัก “โสภิตนภา ทัพพะรังสี” เธอเป็นสาวสังคม เวิร์กกิ้งวูแมนไฟแรง จนเริ่มเข้ามาทำงานในวงการบันเทิง มีผลงานให้เห็นอยู่ตลอด แต่คนก็ยังติดภาพความเป็นดาราไฮโซของเธออยู่ ซึ่งตรงนั้นเธอคิดว่าต้องขอบคุณที่คนคิดอย่างนั้น
“คนก็ยังติดว่าเราเป็นเซเลบริตี้ ไม่เป็นไรนะ เมื่อก่อนเราเรียนจบกลับมาทำงาน ไปงานบ้าง คนก็มองว่าเราเป็นไฮโซ แต่ไม่เป็นเพราะคนไฮโซคนนี้ ก็เป็นคนหนึ่งที่ทำงานหนัก เจี๊ยบพูดเสมอว่า “เจี๊ยบโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวที่ดี ที่บรรพบุรุษเราทำสิ่งที่ดีไว้” พอคนได้เห็นนามสกุลเราก็อาจจะคิดว่าเราไฮโซ แม้ว่าปัจจุบันเจี๊ยบก็แต่งงานเปลี่ยนนามสกุลแล้ว แต่ครอบครัวก็คือครอบครัวอยู่ดี ไม่ว่าจะกี่ปี เราก็ยังมีครอบครัวที่ดีนั้นอยู่ก็เลยทำให้เรามีไอเดนติตี้นั้นติดมา

สำหรับเจี๊ยบการอยู่ในวงการบันเทิงกลายเป็นชีวิตไปแล้ว ตั้งแต่เรียนจบกลับมา ได้ทำงานนิดๆ หน่อยๆ แล้วเริ่มเข้าสู่วงการบันเทิง ผ่านช่วงเวลาของการทำงาน แต่งงาน มีลูก ซึ่งทั้งหมดก็เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เราทำงานอยู่ในวงการบันเทิง งานต่างๆ ก็จะหมุนรอบกับชีวิตของเราด้วย ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาเจี๊ยบอาจจะไม่ได้เป็นนักแสดงอย่างเดียว เพราะก็ยังมีธุรกิจอื่นๆ ที่ทำ ทั้งการเป็นที่ปรึกษาบริษัทนำเข้าแบรนด์เนม ทำร้านอาหารญี่ปุ่นมูเกนได ที่ทองหล่อ”

สเต็ปใหม่วงการบันเทิง
กว่า 10 ปีที่เธอโลดแล่นแสดงหลากหลายบทบาทให้เราได้เห็น แต่ตอนนี้เราอาจจะเห็นเธอน้อยลง เพราะเธอกำลังผันตัวเองไปอยู่เบื้องหลัง ด้วยการเป็น “ผู้จัดละคร” หน้าใหม่ทางช่อง One HD ถือเป็นอีกก้าวของงานในวงการบันเทิงที่เธอกำลังสนุกกับงานนี้เต็มที่

“ทางพี่บอย (ถกลเกียรติ วีรวรรณ) ชวนว่าไหนๆ ก็แสดงละครอยู่แล้ว งั้นก็มาเป็นผู้จัดด้วยดีไหม เพราะตอนนั้นพี่บอยจะเปิดช่องใหม่ในช่องดิจิตอล คือช่อง One HD ซึ่งเป็นช่องละครอยู่แล้ว ทางช่องก็อยากจะหาผู้จัดจำนวนมาก ก็เลยคิดว่าเราน่าจะลองทำดู ตอนแรกคิดว่าจะเล่นละครไปด้วย แต่อีกใจก็คิดว่าเราทำอะไรก็อยากที่จะมุ่งมั่นทำให้ดี ก็เลยหยุดงานละครตั้งเดือนสิงหาคม 2556 มาทำงานผู้จัด

เริ่มจากเรื่อง “เจ้าพายุ” แล้วก็มาทำอีกเรื่องคือ “ฝันเฟื่อง” ซึ่งเป็นละครที่เจี๊ยบเคยเล่นกับติ๊ก-เจษฎาภรณ์ เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว นำแสดงโดย จุ๋ย-วรัทยา, ดีเจพุฒ, แกงส้ม เดอะสตาร์ และโม มนชนก หลังจากเสร็จไปสองเรื่อง ก็เริ่มหยุดไม่ได้ เนื่องจากเรามีทีมงานที่ต้องดูแล ก็คิดว่าถ้าอย่างนั้นน่าจะทำอีกเรื่องจึงทำเรื่อง “จัดรัก” นำแสดงโดย บี้ สุกฤษฎิ์, หนูนา หนึ่งธิดา และแป้ง อรจิรา สรุปว่าในรอบ 1 ปี ทำไป 3 เรื่องแล้ว

งานทั้งสองอย่าง ไม่ได้เหนื่อยน้อยไปกว่ากัน เพียงแต่งานผู้จัดมีความกดดันมากกว่า เจี๊ยบมีความรู้สึกว่างานในวงการบันเทิงเป็นอาชีพที่สนุก เพราะเรามีความคุ้นเคย อยู่ตรงนี้มา 10 กว่าปี อยู่กับละคร อยู่กับกองถ่าย และการที่เราได้ลองมาทำอะไรที่ยากขึ้นกว่าเดิมก็เป็นเรื่องที่ดีทำให้เรามีประสบการณ์มากขึ้น”

ทำงานได้เพราะพี่เลี้ยงดี
ในระยะเวลาเพียง 1 ปี แต่ผู้จัดหน้าใหม่คนนี้สามารถสร้างผลงานละครได้ถึง 3 เรื่อง แต่เธอก็ยังไม่ขอรับคำว่า “เก่ง” เพราะถ้าเทียบกันแล้วงานผู้จัดละครเธอยังอยู่ในระดับอนุบาลที่เพิ่งหัดเข้าไปเรียนรู้เท่านั้น เพราะยังต้องยกหูหา “คุณบอย-ถกลเกียรติ วีรวรรณ” ตลอดเวลา

“ดูเหมือนเราทำละครมาหลายเรื่อง แต่ถ้าเทียบแล้ว เจี๊ยบยังเป็นเด็กอนุบาลอยู่นะ เราเคยแสดงละครมาประมาณ 14-15 เรื่อง แล้วเพิ่งมาเป็นผู้จัด ถ้าเทียบกันแล้วกับงานตรงนี้เจี๊ยบยังเป็นเพียงเด็กอนุบาล ซึ่งยังมีอะไรให้เราต้องเรียนรู้อีกเยอะมาก การเป็นผู้จัดก็คือคนแก้ปัญหาให้กอง แล้วปัญหาก็มีทุกอย่างตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ ฝนตก รถติด รถกับข้าวไม่มาก็เป็นปัญหาแล้ว แต่เราต้องแก้ไขและพยายามประคับประคองให้กองเดินหน้าถ่ายงานได้ ถามว่าแก้ได้มั้ย? บางทียังต้องโทร.ขอความช่วยเหลือจากคนโน้นคนนี้อยู่เลย

เจี๊ยบโชคดีที่มีเอ็กแซ็กท์ และมีพี่บอย ถกลเกียรติ ช่วยดูแลและให้การช่วยเหลือตลอด ตอนนี้ยังห่างไกลจากคำว่า “เก่ง” ขอยกความดีให้ทุกๆ คนที่ให้การช่วยเหลือเจี๊ยบจะดีกว่า ขอบคุณทุกคนจริงๆ ค่ะ”

งานบันเทิงควบคู่ครอบครัว
โสภิตนภาเป็นดาราอีกคนที่นอกเหนือจากชีวิตการทำงานในวงการบันเทิงของเธอ เธอยังมีสามีและครอบครัวต้องดูแลอีก จะว่าไปแล้วแค่งานถ่ายละครก็ค่อนข้างจะทำให้ตารางชีวิตแน่นอยู่แล้ว แล้วอย่างนี้การที่ต้องให้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำงานจะมีอุปสรรคกับชีวิตครอบครัวไหม?

“สามีเคยทำงานกับพี่บอยมาก่อน เขาก็พอจะเข้าใจเรื่องการทำงานของกองถ่าย ฉะนั้นไม่เป็นปัญหา เจี๊ยบเข้าวงการได้ 2 ปีก็มีลูก ทุกอย่างลงตัวมาก ลูกก็เกิดมาโดยรู้ว่าแม่ต้องไปกองถ่าย เขาก็จะไปหาที่กองถ่ายเป็นเรื่องปกติ ลูกก็อยู่กับเจี๊ยบเยอะ ไม่รู้สึกว่าห่างเลย เราเป็นคนที่รักลูกมาก ไม่ว่าเขาทำกิจกรรมอะไรเราก็ไปหมด เพราะเราสามารถแบ่งเวลาได้ ตอนนี้เป็นผู้จัดเรายิ่งแฮปปี้มาก เพราะเราบริหารเวลาได้หมด”

แม้ว่าจะยุ่งวุ่นอยู่กับงานละครและงานธุรกิจต่างๆ แต่เธอเองก็ไม่ลืมที่จะเอาใจใส่ครอบครัวและสามี (เบียร์-ธิตินันท์ ชุ่มภาณี) และที่ดูจะเอาใจใส่มากเป็นพิเศษก็คือลูกชายคนเดียวของครอบครัว "น้องเบเน่-เด็กชายอภินันท์ ชุ่มภาณี" วัย 8 ขวบ ซึ่งเธอยังเล่าให้เราฟังถึงการเลี้ยงดูน้องเบเน่ด้วยความอบอุ่น ไม่ขาดตกบกพร่อง เห็นได้จากภาพครอบครัวน่ารักๆ ที่ทั้งสามคนร่วมกันทำด้วยกันเป็นประจำ

“เจี๊ยบกับพี่เบียร์เลี้ยงลูกกันเอง เมื่อก่อนไปส่งเขาไปโรงเรียน แต่เดี๋ยวนี้เขาโตแล้ว ส่งแค่หน้าโรงเรียนเขาก็เดินเข้าไปเอง หรือบางวันแค่ตื่นมาจุ๊บๆ กอดๆ คุณพ่อเขาก็ไปส่ง ตอนเย็นทานข้าวเสร็จเราก็อยู่กัน 3 คน พ่อ แม่ ลูก พี่เบียร์น่ารักมาก เขาสามารถทำทุกอย่างให้ลูกได้ เวลาลูกไม่สบายก็ดูแล ป้อนยา วันอาทิตย์ก็จะไปตีกอล์ฟกัน

เขาเองก็เป็นเด็กที่มีความฉลาด เรียนรู้สมวัย ชอบศิลปะและกีฬา ซึ่งกีฬาเป็นส่วนหนึ่งของพื้นฐานชีวิตนะ ถ้าเขามีกีฬาอยู่ในชีวิตก็จะทำให้เขามีระเบียบ วินัย รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ส่วนเรื่องอื่นๆ เจี๊ยบก็สอนให้เขามีสัมมาคารวะ ให้ความเกรงใจ และฝึกให้มีน้ำใจกับคนอื่น คิดว่าถ้าเราให้พื้นฐานที่ดีกับเขาแล้วชีวิตเขาก็น่าจะได้พบเจอเรื่องดีๆ”

เรียกพลังเพื่อลุยงาน
ครั้งหนึ่งการใช้ชีวิตของซุป’ตาร์คนนี้ก็เคยเป็น “ปาร์ตี้เกิร์ล” คนหนึ่ง แต่ด้วยภาระหน้าที่ความรับผิดชอบที่มากขึ้นและอายุที่มากตามจึงต้องเฟดตัวเองออกจากเรื่องของปาร์ตี้ แต่ก็ต้องหาวิธีที่จะทำให้พลังงานในตัวไม่เสื่อมถอยไปตามอายุ และสิ่งนั้นก็คือการดูแลตัวเองให้ดี!

“ถ้าเราทำงานเยอะ นอนดึก ไม่ได้กินอาหารที่มีประโยชน์ ไม่ออกกำลังกาย คงจะโทรมมาก (ลากเสียงยาว) ซึ่งเจี๊ยบเป็นคนที่ทนเห็นตัวเองโทรมไม่ได้ วิธีหรือทางออกก็คือ “การออกกำลังกาย” เพราะทำให้ร่างกายของเราสดชื่น กระฉับกระเฉง พร้อมที่จะทำงานหนัก

การที่เราทำงานหลายๆ อย่างบางทีก็เครียดนะ เราต้องระบายออก ชอบออกกำลังกายให้เหงื่อออกเยอะๆ และสิ่งที่ได้อีกอย่างจากการออกกำลังกายคือ สมาธิ เพราะเราจะจดจ่ออยู่ที่การออกกำลังกาย ทำให้เรามีสมาธิอยู่กับตัวเอง หลุดออกไปจากทุกอย่าง แค่วันละ 1 ชั่วโมงของวัน สามารถทำให้เราสดชื่น พร้อมที่จะทำงาน ดูแลลูก ดูแลสามี แต่ถ้าไม่ออกกำลังกายหรือดูแลตัวเองเลย ความเครียดก็จะไม่หายไป เจี๊ยบทำอย่างนี้มา 2 ปีแล้ว ทำให้เราสดชื่นจริงๆ มีพลังที่จะทำทุกอย่าง ลองดูค่ะ”

เปิดเส้นทางธุรกิจใหม่ Bride by Worra
เธอบอกกับเราเองว่าเธอเป็นคนประเภท “ไฮเปอร์” ไม่ชอบอยู่เฉย ตอนนี้จึงได้ฤกษ์จับธุรกิจใหม่ด้านเวดดิ้ง โดยร่วมมือกับ นุ่น-วรนุช ภิรมย์ภักดี เปิดร้านให้เช่าและขายชุดเจ้าสาวในนาม “Bride by Worra” รวมไปถึงให้คำแนะนำเรื่องการจัดงานแต่งงานได้อีกด้วย

“ธุรกิจใหม่ตรงนี้หุ้นกัน 2 คน เริ่มมาจากคุณนุ่น วรนุช มีร้านหมวกที่ชื่อว่า Worra อยู่แล้ว แล้วเราทำงานในวงการก็เห็นเสื้อผ้าสวยๆ งามๆ มากมาย เราคิดว่าความฝันของผู้หญิงก็คือการได้สวมใส่ชุดแต่งงานที่สวยงาม ก็เลยคุยกันว่างั้นเราเปิดร้านเช่าชุดแต่งงานกันดีกว่า ประกอบกับเราเดินทางบ่อยได้ไปเห็นอะไรหลายๆ อย่าง ได้เห็นชุดสวยๆ เราก็ซื้อเก็บกันมา

โดย Bride by Worra มีบริการให้เช่าและให้ซื้อชุดแต่งงาน บอกได้เลยว่าชุดที่ร้านเราสวยงามมาก ข้อดีคือมี 1 ชุดเท่านั้น หมดแล้วหมดเลย ไม่ต้องกลัวว่าใครจะเหมือน เราไปหาจากที่ต่างๆ ทุกที่ที่เราเดินทางไป ทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ก็มีหมวกและอุปกรณ์ต่างๆ เกี่ยวกับเจ้าสาว เรายังมีแพกเกจที่เราสามารถจัดให้ได้ในราคาพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นช่างภาพ ช่างแต่งหน้า ช่างทำผม ครบวงจรในราคาพิเศษ

เป็นธุรกิจที่เพิ่งทำใหม่สุดๆ เลย ร้านเพิ่งเปิดมาได้สักเดือนเดียวเท่านั้น ตอนแรกคิดกันว่าจะทำสนุกๆ สัก 3 เดือน แต่ไปๆ มาๆ ลูกค้ามาเยอะมาก และทุกคนก็ชอบชุดจากร้านของเรา ตอนแรกที่บอกว่าเป็นของเจี๊ยบกับนุ่น คนคิดว่าต้องแพงแน่เลย! แต่พอมาเจอจริง ทุกคนรู้สึกว่าเป็นแพกเกจที่สามารถเช่าได้ในราคาที่ดี ไม่ได้แพงไปกว่าที่อื่นเลย เป็นราคาที่ทุกคนจับต้องได้ คนไทยที่อยู่ต่างประเทศมาซื้อชุดที่เมืองไทยกลับไปแต่งงานที่ต่างประเทศก็มี

ธุรกิจเวดดิ้งเป็นธุรกิจใหม่ที่เจี๊ยบกับนุ่นเพิ่งเข้ามา ต้องบอกว่าเป็นธุรกิจที่ชอบมาก เราเคยอยู่แต่วงการบันเทิงเป็นการค้าขายในอีกรูปแบบหนึ่ง แต่ธุรกิจตรงนี้มันคือธุรกิจที่เกี่ยวกับความรัก คนที่เข้ามาดูชุดแต่งงานเขามีความสุข เข้ามาแบบอิ่มเอม ดีใจที่กำลังจะได้เป็นเจ้าสาว เราได้มีส่วนรับรู้ความสุขของเขา ได้ฟังเรื่องราวของเขา เราก็มีความสุขไปด้วย เป็นธุรกิจที่แปลกดี ทำไปทำมาก็เริ่มชอบ

เมื่อผลตอบรับดีอย่างนี้เราอาจจะต้องเตรียมการทำให้จริงจังมากขึ้น ที่จริงตอนนี้เราใช้ช่องทางการโปรโมตร้านเพียงแค่ทางอินสตาแกรมอย่างเดียว ตอนนี้ทั้งเจี๊ยบและนุ่นกำลังเอนจอยกับงานตรงนี้มาก คาดว่าน่าจะทำกันต่อไป”

โซเชียลมีเดียสื่อรักแฟนคลับ
อยู่ในวงการบันเทิงมาเป็น 10 กว่าปีขนาดนี้ แน่นอนว่าต้องมีแฟนคลับที่คอยติดตามเป็นติ่งของสาวผมสั้น หน้าหวานคนนี้ ซึ่งเธอเองก็เป็นซุป’ตาร์ที่ไม่ถือตัวและยินดีที่จะสื่อสารกับแฟนคลับทุกคน

“แฟนคลับของเจี๊ยบติดตามกันมาตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่อง “กุมภาพันธ์” ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ทุกคนยังรักกันอยู่ ติดตามผลงานของเราอยู่ นอกจากนี้ก็จะมีอีกกลุ่มที่เป็นแฟนคลับที่มาจากรายการ “วันดีๆ กับเจี๊ยบ+อ้อม” ซึ่งเจี๊ยบกับอ้อม ก็เป็นบัดดี้ ทำธุรกิจด้วยกัน สนิทกันมาก ซึ่งแฟนคลับเหล่านี้จะเป็นกลุ่มที่ไปไหนไปกัน เฮไหนเฮกัน อยู่กันมานานเหนียวแน่น เราเป็นเหมือนพี่สาว เขาจะสนับสนุนในทุกงานของเรา

เมื่อก่อนเวลาเราเล่นละครจะรู้ว่าฟีดแบ็กเป็นอย่างไร ก็คือมีแฟนละครเดินมาทักทาย แต่ปัจจุบันนี้เรามีโซเชียลมีเดีย เจี๊ยบก็ใช้โซเชียลมีเดียนี่แหละสื่อสารกับแฟนคลับ ทั้ง เฟซบุ๊ก และอินสตาแกรม แต่ส่วนใหญ่ชอบเล่นอินสตาแกรม อัปเดตข่าวสารว่าวันนี้ทำอะไรบ้าง เล่าเรื่องราวของเราให้แฟนคลับได้ทราบ ถ้าละครเราออนแอร์ เราโพสต์เรื่องละคร ก็จะมีคนเข้ามาคอมเมนต์แสดงความคิดเห็น ชอบ ไม่ชอบ ทำให้เราได้ปรับปรุงตัว ได้ใกล้ชิดกับคนที่ติดตามผลงานของเรา คุยกัน ดูแลกัน บางคนบอกว่าเราเป็นไอดอลเขา หรือบางคนอยากให้เราช่วยแนะนำสิ่งดีๆ กับเขา เราก็สามารถพูดคุยกับเขาได้ คนที่เขาติดตามเราเขาก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ได้พูดคุยกับดาราที่เขาชื่นชอบ เราเองก็ชื่นใจที่ได้กำลังใจ ได้คำขอบคุณ ได้ใกล้ชิดกัน เพราะงานของเราคือการแสดงเพื่อให้คนดูมีความสุข ฉะนั้น เมื่อเขาดูแล้วมีความสุข เขาบอกเรา เราก็ได้รับรู้ เราก็ดีใจ

โซเชียลมีเดียเป็นสิ่งที่ดีนะ ทำให้เราได้ใกล้ชิดกัน อะไรที่ไม่ดี เราก็ไม่เอามาพูด เรื่องของคนอื่นที่ไปในทางไม่ดีเราก็ไม่พูดถึง พูดแค่เรื่องของเรา เพื่อนฝูงเรา แฟนคลับเราก็พอ สำหรับเจี๊ยบอินสตาแกรมที่เล่นบ่อยที่สุดเจี๊ยบถือว่าเป็นที่ส่วนตัวที่เรามีให้คนที่รักเรา ซึ่งถ้าใช้ให้ถูกต้องก็เป็นเรื่องที่ดี พูดตามตรงการใช้โซเชียลมีเดียในการโพสต์แต่ละอย่าง เจี๊ยบมักจะโพสต์สิ่งที่อยากโพสต์ ไม่เน้นในเรื่องของรายได้ อย่าง SK II เป็นผลิตภัณฑ์ที่เจี๊ยบโพสต์ถึงค่อนข้างบ่อย เขาไม่เคยขอแต่เจี๊ยบทำให้ เพราะเห็นว่าดีจริงๆ เราอยากแชร์ให้คนอื่นได้รับรู้”

แม้ว่าความลงตัวหลายๆ อย่างในตอนนี้จะไม่ใช่บทสรุปทั้งหมดของชีวิตเธอ แต่สิ่งหนึ่งที่เธอค้นพบแล้วว่ามันคือแรงขับที่ทำให้เธอมีความสุขและเอนจอยกับการทำงานในทุกอย่างของเธอก็คือ “Passion” ความชอบ ความปรารถนาที่อยากจะทำในสิ่งนั้น และวันนี้เธอเองก็โชคดีที่ได้รับสิ่งเหล่านั้น ขอแค่มีสามีที่ดี มีลูกที่น่ารัก มีครอบครัวที่อบอุ่น ได้เดินออกจากบ้านไปทำงานที่รักทุกวัน แค่นี้ชีวิตก็แฮปปี้ที่สุดแล้ว

ซุป’ตาร์รุ่นพี่แนะรุ่นน้อง วิธีอยู่ในวงการบันเทิงนานๆ

ในฐานะของคนที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการบันเทิงตั้งแต่เป็นนางเอกมาจนเป็นผู้จัดละคร ใช้ชีวิตอยู่ในวงการมายานี้ 10 กว่าปี ได้พบเห็นเรื่องจริงเบื้องหลังวงการนี้มากมาย ทำให้เธอพอที่จะเข้าใจการทำงานในวงการนี้เป็นอย่างดี จึงได้ฝากคำแนะนำถึงรุ่นน้องที่อยากจะก้าวขึ้นมาเป็นซุป’ตาร์ หรือทำงานอยู่ในวงการนี้นานๆ พร้อมทั้งชื่นชมดารารุ่นน้องที่ทำงานกับเธออย่างจริงใจ

“สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องมีสัมมาคารวะ รู้เด็ก รู้ผู้ใหญ่ ไปมาลาไหว้ การกระทำแบบนี้ต้องทำกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็น รปภ. แม่บ้าน พี่คนตักกับข้าว ช่างแต่งหน้า ช่างทำผม ทุกๆ คนในสายอาชีพที่เกี่ยวกับชีวิตเรา ถือว่ามีบุญคุณกับเรา เพราะถ้าไม่มีช่างแต่งหน้าทำผมเราก็คงไม่สวย ถ้าไม่มีคนทำอาหารให้เราก็หิว ทุกคนต้องมีตรงนี้

นอกจากนี้ก็เป็นเรื่องของระเบียบวินัย ความรับผิดชอบ ความตรงต่อเวลาในการทำงาน โชคดีที่ตั้งแต่เป็นผู้จัดละครมา 3 เรื่อง ยังไม่เจอนักแสดงคนไหนที่มีปัญหาเลย เช่น บี้ สุกฤษฏิ์ คนอาจจะคิดว่าเขาเป็นซุป’ตาร์ คงต้องเรื่องเยอะ แต่พอได้ร่วมงานกับเขา เขาน่ารักมาก ตั้งใจทำงาน เห็นเขานั่งกินข้าวอยู่ พอกองบอก พร้อม! เขาหยุดกินทันที ลุกไปหน้ากล้อง ไม่มีอิดออด ไม่มีมานั่งเล่นโทรศัพท์เลย ทุกคนที่เจี๊ยบทำงานมาด้วยน่ารักมาก

อยากให้น้องๆ ทุกคนที่ได้เข้ามาในวงการบันเทิงคิดว่าเมื่อเราได้โอกาสตรงนี้แล้ว ควรตั้งใจทำให้ดีที่สุด”

“เจี๊ยบเป็นคนที่อยู่ด้วยคำว่า Passion ทุกสิ่งที่ทำคือสิ่งที่เจี๊ยบชอบและรัก มีครอบครัวที่อบอุ่น เจี๊ยบมีเพื่อนไม่เยอะนะ แต่เพื่อนของเจี๊ยบคือคนที่หันไปมองแล้วสามารถพึ่งพาและพูดคุยได้ ชีวิตก็แค่นี้ค่ะ” :: Text by FLASH


กำลังโหลดความคิดเห็น