>>กว่า 2 ทศวรรษที่สาวไทยได้รู้จักกับผู้หญิงชาวฝรั่งเศสที่ชื่อว่า ELLE (แอล) ซึ่งปีนี้นิตยสารแอลประเทศไทยถือโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปีที่กุมบัลลังก์นิตยสารขายดีอันดับ 1 และด้วยเหตุนี้เองที่นิตยสารหัวนอกนามนี้งัดกลยุทธ์ทุกวิถีทางให้ดีไซเนอร์ และแบรนด์หัวไทยได้ปล่อยของและแจ้งเกิดกัน
ก่อนหน้านี้เราคงได้รู้จักกับน้องๆ นักศึกษาที่เข้าร่วมการแข่งขันในรายการ Elle 20 ภารกิจปิดเล่ม ที่เฟ้นหาเด็กรุ่นใหม่ให้เป็นส่วนหนึ่งของทีมงานนิตยสาร Elle Girls ซึ่งเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาด้วยปกผลงานของผู้ชนะ ต่อด้วย ELLE 20th Celebration : Fashion Tribute Collection เป็นการร่วมงานกับ 21 ดีไซเนอร์ไทยที่มีชื่อเสียงมาร่วมออกแบบเสื้อผ้าคอลเลกชันพิเศษอันได้แรงบันดาลใจมาจากห้องเสื้อระพี ที่ก่อตั้งโดยอาจารย์ลำยงค์ บุณยรัตพันธุ์ บุคคลผู้เป็นตำนาน และเปรียบเสมือนผู้จุดประกายวงการแฟชั่นของไทย
มาถึงอีเวนต์แฟชั่นที่ทุกคนต่างให้การจับตามองกับ Elle Fashion Week ที่ถือได้ว่าเป็นเวทีแจ้งเกิดดีไซเนอร์หน้าใหม่ให้คนได้รู้จัก โดยปีนี้ทางแอลจัดเต็มด้วย 13 โชว์ จาก 13 แบรนด์ดังอันได้แก่ 27 Friday, ASV By Asava, Curated By EK Thongprasert, Hook's By Prapakas, Kwankao, Milin, Patinya, Senada, The Only Son, Tipa, Tutti, Vatanika, Vatit Itthi โดยแต่ละโชว์ปล่อยไอเดียกันสุดพลัง โดยคอลเลกชันฤดูหนาวนี้เหล่าดีไซเนอร์ได้รังสรรค์แรงบันดาลใจสุดชิกที่ทำเอาสาวหลายคนกรีดร้องเมื่อเห็นนางแบบสูงชะรูดใส่ชุดเดินเฉิดเจิดบนรันเวย์
เริ่มที่แบรนด์ 27 Fridays ที่ได้แรงบันดาลใจจากความประทับใจบนท้องถนนที่เกิดขึ้นระหว่างความต่างของสองสังคมอันได้แก่ ชั่วโมงเร่งด่วนบนท้องถนนของกรุงเทพฯ ในเขตก่อสร้างที่คนงานกำลังเริ่มเข้าทำงาน เป็นเวลาเดียวกับหนุ่มสาวออฟฟิศที่แต่งตัวสะอาด เรียบโก้ ต่างกันสิ้นเชิงกับเหล่าคนงานก่อสร้างที่อยู่ในชุดแบบฉบับพร้อมกล่องเครื่องมือ ผ้าปิดหน้า หวกนิรภัยกลางแดดอันร้อนระอุของมหานครนี้ จึงเกิดเป็นคอลเลกชันที่ชื่อว่า Love at First Site ที่เสื้อผ้ามีส่วนผสมของความเป็นสตรีตกับออฟฟิศเซอร์ ลงตัวด้วยเอกลักษณ์ของแบรนด์และคอลเลกชัน
ASV by ASAVA ของคุณหมู-พลพัฒน์ อัศวะประภา ที่ปีนี้ถูกเลือกให้เป็นโชว์เปิดงาน นำเสนอตัวตน คาแรกเตอร์แบบสาว ASV ที่มีจิตวิญญาณความขบถ โดยแรงบันดาลใจสำหรับคอลเลกชันนี้เกิดจากการเดินทางของสาวอเมริกันสู่กรุงปารีส สองเมืองที่มีความเหมือนและแตกต่างกัน โดยเลือกใช้ผ้าที่สั่งทอขึ้นเป็นพิเศษ เช่น ผ้าแจ็กการ์ด (Jacquard) ทอลายม้าลาย ที่มาในคู่สีฟ้าพาสเทล และชมพูพาสเทล รวมไปถึงผ้าพิมพ์ชีฟอง (Printed Chiffon) ที่มาในลวดลายริ้ว (Stripes) สีแดง ขาว และน้ำเงิน นำเสนอแนวคิดออกมาเป็นโชว์สุดประทับใจ
Curated By EK Thomgprasert จากความโศกเศร้ากับการจากไปอย่างกะทันหันของคุณแม่ กับพิธีการไว้อาลัยให้กับคนที่สูญเสียคนรักไปในสมัย Victorian ผสมแรงบันดาลใจจาก Damiean Hirt’s ผู้ถ่ายทอดผลงานศิลปะ “The Immortal” ในปี 1997 ถึง 2005 จึงเป็นคอนเซ็ปต์สำหรับคอลเลกชันฤดูหนาว 2014 ที่ชื่อว่า “Sleeping Beauty” นำเสนอความงามนิรันดร์ ซึ่งถูกแบ่งเป็น 3 รูปแบบอันได้แก่ Freeze Body, Freeze Memory และ Freeze Moment ด้วยเทคนิค นวัตกรรม และการทดลอง ในแบบฉบับของ เอก ทองประเสริฐ
Hook's By Prapakas โครงสร้างแบบยูนิฟอร์มของชุดนักเรียนญี่ปุ่น บวกกับแรงบันดาลใจจาก Saki Asamiya นักฆ่าเด็กผู้หญิงในโรงเรียนญี่ปุ่น ที่ผสมกลิ่นอายความเป็นพังก์ (Punk) ด้วยเทคนิค Drape ตามความถนัดของดีไซเนอร์ จึงเกิดเป็นคอลเลกชันสุดมันส์จาก Hook's By Prapakas
Kwankao ความพิถีพิถันในเสื้อผ้า และเครื่องประดับ แรงบันดาลใจจากคณะละครสัตว์ (Circus) ด้วยมุมมองการนำเสนอในรูปแบบใหม่ กับคอลเลกชันล่าสุด Autumn Winter 2014 ที่ขวัญข้าวเผยความลับของโรงละครสัตว์ ผ่านรายละเอียดทางเสื้อผ้าและเครื่องประดับ
Milin ที่มาพร้อมการเล่นเทคนิคกับแมตทีเรียล อาทิ ผ้าเงิน และทองมาทอพิเศษแทรกดิ้นด้วยเทคนิคการคิวตี้งเพื่อเพิ่มวอลุ่มให้กับเสื้อผ้า พร้อมสีสันสุดแซบ และซิลูเอตในแบบฉบับของมิลิน
Patinya “Open the closed heart” ด้วยคอนเซ็ปต์การเปิดใจใหัรับสิ่งใหม่ นำเสนอการเปิดรับโอกาสใหม่ เพื่อนใหม่ เปิดใจไปกับการที่ต้องเดินทางไปในที่ต่างๆ เพียงลำพัง สู่คอลเลกชันเพื่อผู้หญิงในทศวรรษนี้ ด้วยเทคนิคการตัดเย็บที่ประณีตตามแบบฉบับของแบรนด์
Senada โครงเสื้อสีหวานในยุค 60's-70's ในคอนเซ็ปต์ Cattle and My Love ถูกนำเสนอด้วยการใช้เท็กซ์เจอร์จากผ้านุ่มบางเบากับผ้าขนสัตว์และผ้าโครงแข็ง สอดแทรกงานดีเทลตามแบบฉบับของ Senada
The Only Son การอุทิศผลงานให้แก่ศิลปินชาวเยอรมันชื่อดังจากยุค 70's Joseph Beuys ด้วยวิญญาณและปรัชญาถูกนำมาเป็นแนวทางในการเลือกใช้วัสดุ สี เทคนิค สะท้อนถึงการวิพากษ์วิจารณ์บริบทของสังคมในปัจจุบัน ซึ่งปีนี้เป็นปีแรกของแบรนด์ The Only Son ที่ขึ้นโชว์กับทาง Elle โดยนำเสนอจุดเด่นของคอลเลกชันไล่เรียงไปตั้งแต่การใช้ผ้าดับเบิลเฟซ (Double Faced) สองสี และลายพิมพ์ประจำคอลเลกชัน, การอัดพลีต และเย็บปักผ้า ไปจนถึงเทคนิคการสร้างช่องนูน 3 มิติที่เลียนแบบช่องกระสุนของชุดเครื่องแบบทหารมาใช้บนโครงเสื้อที่พลิ้วไหวขึ้นในชุดผู้หญิง เป็นต้นว่าการหยิบผ้าขนสัตว์, หนังกระต่าย และแนวทางชุดเครื่องแบบทหารมาเป็นตัวเอกควบคู่กับเอกลักษณ์สำคัญของดิ โอนลี่ ซัน อย่างงานดีไซน์ที่ทันสมัยและสวมใส่ได้จริง
Tipa หญิงงามแห่งชนเผ่าแถบแอฟริกา ผสมผสานกับความสง่างามของ Grace Jones ในช่วงยุค 70s ถ่ายทอดผ่านเรื่องราวของเจ้าหญิงชนเผ่าในตำนานผู้อาศัยอยู่ในดินแดนที่รายล้อมไปด้วยพืชพรรณและสัตว์ป่า เสื้อผ้าคอลเลกชันนี้จึงเต็มไปด้วยความละเอียดลออของงานปักของขนนกและดอกไม้
Tutti ความหลงใหลในท่วงท่าที่อ่อนช้อย และเสน่ห์การเต้นบัลเลต์ ผสมกับความเป็นตัวตนของแบรนด์อย่าง Modern Romantic จึงเกิดเป็นคอลเลกชันที่มีความเป็น Stage Waer แต่สวมใส่ได้จริง นำเสนอด้วยสไตล์และบรรยากาศแบบบัลเลต์ อาทิ กระโปรงฟูบานแบบนักบัลเลต์ (Tutu)
Vatanika ที่จับมือกับ BMW สร้างความฮือฮาให้กับผู้ชมเมื่อดีไซเนอร์เดินออกจากรถสุดหรู จากทัศนคติความเป็นอยู่ และการใช้ชีวิตที่หรูหราสุดโต่งยากที่จะเลียนแบบของกลุ่มคนใน Café Society ยุค 1920 ที่เป็นการรวมตัวของราชวงศ์ชนชั้นสูงไปจนถึงศิลปิน นักเขียน หรือจิตรกรที่มีชื่อเสียง กับหลากหลายวัสดุที่ผสมรวมเป็นคอลเลกชันฤดูหนาว 2014
แบรนด์สุดท้ายกับ Vatit Itthi กับแรงบันดาลใจในการได้ไปเที่ยวทางตอนใต้ของฝรั่งเศสที่เป็นกลิ่นอายในคอลเลกชัน กับการตัดเย็บด้วยเทคนิคใหม่ที่จะทำให้คอลเลกชันนี้ได้เห็นพื้นผิวที่คมชัดมากขึ้นในภาพเงาโดยมีรายละเอียดการเย็บและปักร้อยด้วยมือ
ถือว่าจบไปอย่างสวยงามกับโชว์ทั้ง 13 โชว์ดังกล่าวมาข้างต้น วงการแฟชั่นไทยก็ยังคงต้องการได้รับความสนับสนุนจากทั้งภาครัฐ และภาคธุรกิจอื่นๆ และสำคัญที่สุด จากคนไทยด้วยกันที่ถือว่าเป็นนิมิตหมายอันดีที่ตอนนี้เหล่าแฟชั่นนิสต้าเมืองไทยหันมาสนใจ และใช้แบรนด์ที่ถูกคิดค้นด้วยฝีมือคนไทย และถือเป็นการเปิดซีซันฤดูหนาวอย่างเป็นทางการสำหรับแฟชั่นไทย หากใครพลาดการชมโชว์แบบสดๆ ก็สามารถติดตามได้ทาง Youtube Chanel ของนิตยสารแอลประเทศไทย http://www.youtube.com/user/ELLEThailand :: Text by FLASH
