xs
xsm
sm
md
lg

ประสบการณ์สร้างความแกร่ง “ดลิน (โสภณพนิช) ยังพิชิต”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ดลิน (โสภณพนิช) ยังพิชิต
แม้จะเป็นทายาทตระกูล “โสภณพนิช” เจ้าของอาณาจักรแบงก์กรุงเทพฯอันมั่งคั่ง แต่...ดิ๋น-ดลิน (โสภณพนิช) ยังพิชิต ลูกสาวคนเล็กของ คุณหญิงชดช้อย ก็พอใจเลือกทางเดินเล็กๆ ที่ตัวเองชอบ

กว่า 5 ปี ที่ยืนหยัดอยู่ในวงการเสื้อผ้าเกาะติดกระแสแฟชั่น ในวันนี้ ดิ๋น-ดลิน ก็เริ่มมั่นใจมากขึ้น ประสบการณ์ทางธุรกิจสอนให้เธอเรียนรู้ทั้งสุขและทุกข์ หลายครั้งที่ท้อแท้ แต่กำลังใจจากผู้เป็นแม่ทำให้เธอฮึดสู้ต่อไป โดยธอเลือกเก็บสิ่งที่พบเจอเป็นครู เรียนรู้ที่จะแก้ไขสิ่งผิดให้ถูก สิ่งถูกแล้วก็ทำให้ดียิ่งขึ้นไป จากวันนั้นถึงวันนี้ ต่อให้คลื่นลมทางธุรกิจจะพัดแรงแค่ไหน ก็ไม่ทำให้เธอหวั่นไหวได้อีกแล้ว

 
ดิ๋น-ดลิน ลูกสาวคนเล็กของ นพ. จอน ยังพิชิต และ คุณหญิงชดช้อย โสภณพนิช บอกเล่าเรื่องราวชีวิตให้ฟังว่า หลังเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ด้านค้าปลีกจากบริษัทใหญ่ ทั้งเรื่องการติดต่อประสานงาน และการตลาดแล้ว รู้สึกสนุกและชื่นชอบเรื่องการค้ามาก ประมาณปี 2552 เธอจึงควักกระเป๋าลงขันกับเพื่อน เปิดร้าน Adjective นำเข้ากางเกงยีนส์แบรนด์ดังจากหลายประเทศ มาขายที่เซ็นทรัลเวิลด์

สาวหน้าเก๋คนนี้ยังให้เหตุผลที่เลือกนำเข้ากางเกงยีนส์ เพราะเธอเป็นคนชอบใส่กางเกงยีนส์ ทำให้มีความคุ้นเคยกับยีนส์ดังหลายยี่ห้อ การเลือกแบรนด์ที่จะขายในร้านจึงเป็นหน้าที่ของเธอ เริ่มจากความนิยมส่วนตัวและของหุ้นส่วน โดยตอนนี้มีขายมากกว่า 10 แบรนด์แล้ว เช่น Vanishing Elephant Supreme Being, One Tea Spoon, Wildfox, Denham, Blank , 5preview, Nudie, Edwin, Ksubi, Siwy แต่ละแบรนด์มีที่มาต่างกัน ทั้งจากสหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ ออสเตรเลีย สวีเดน เป็นหลัก
 
นอกจากนี้ Adjective ยังมีเสื้อผ้าประเภทเรดี้ทูแวร์แบบเท่ๆ ซึ่งลูกค้าที่ชื่นชอบสามารถนำไปมิกซ์แอนด์แมตช์ได้ตามสไตล์ตนเองอีกด้วย

 
แม้เพิ่งก้าวเข้าสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจได้เพียงไม่นาน Adjective ก็ประสบความสำเร็จอย่างง่ายดาย เพราะสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ตรงความต้องการ แต่ปัญหาก็มีมาให้ “ดิ๋น” ต้องแก้ไขอยู่ทุกวันเช่นกัน

ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบฉันใด ธุรกิจของดิ๋นก็เช่นกัน แม้ทุกวันจะเจอเรื่อง “ท้าทาย” ตลอดอยู่แล้ว แต่เหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2553 ถึงขั้นมีการเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์ แม้ร้านจะไม่โดนเผาไปด้วย แต่ก็ต้องปิดกิจการนานถึง 6 เดือน ครั้งนั้นดิ๋นแทบจะถอดใจเลิกกิจการไปเลย

“แรกๆ ก็รู้สึกเครียดนะคะ คือจะเลิกแต่คุณแม่ก็ให้กำลังใจ บอกว่าเลิกได้อย่างไรทำมาถึงขนาดนี้แล้ว ปัญหาก็ไม่ใช่มีแค่เราที่กระทบ คนอื่นๆ ก็เจอเหมือนกัน ดิ๋นกับเพื่อนก็เลยวิ่งหาที่ใหม่ โชคดีได้ที่ ดิ เอ็มโพเรียม ในส่วนของพลาซ่า ก็แจ้งข่าวให้ลูกค้าประจำทราบ ปรากฏว่าวันเปิดก็มีลูกค้าตามไปซื้อมากมาย ก็มีกำลังใจสู้ต่อไป พอสถานการณ์คลี่คลายห้างเปิดก็กลับมาเปิดที่เดิม ที่ร้านไม่ไหม้แต่เสียหายต้องซ่อมแซมนิดหน่อย”

 
นอกจากปัญหาเหนือการควบคุมแล้ว ปัญหาที่พบมากที่สุดคือ ปัญหาเรื่อง “คน” เพราะแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ทำให้แก้ปัญหาได้ยากที่สุด เธอจำเป็นต้องปรับจูนความคิดให้เข้าใจกัน เอาใจเขามาใส่ใจเรา

“ดิ๋นต้องพยายามยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้ ต้องเข้าใจปัญหา เข้าใจระบบความคิดของแต่ละคนและค่อยแก้ไข ยอมรับว่าสมัยที่เป็นลูกจ้าง นอกจากงานที่ทำแล้ว ดิ๋นไม่ต้องรับผิดชอบอะไร พอมาทำเอง เราต้องรับผิดชอบทุกอย่าง และต้องแก้ไขให้ได้เพราะต้องดูแลลูกน้อง ถ้าไม่เข้มแข็งแล้วเราจะดูแลลูกน้องได้อย่างไร ตรงนี้ถือเป็นการเรียนรู้และทำให้เราโตขึ้น ตอนนี้เวลามีอะไรมากระทบ ก็บอกตัวเองว่า ไม่เป็นไร เราจัดการได้”

ทุกวันนี้เธอจึงมีความสุขกับงาน เข้าร้านตรวจสินค้า ดูแลพนักงานและลูกค้าได้ทุกวัน โดยไม่รู้สึกเหนื่อย เพราะเวลาในการทำงานสามารถยืดหยุ่นได้

ในวันว่าง สาวน้อยคนนี้ชอบที่จะไปชอปปิงของวินเทจ ที่สวนจตุจักร และสวนรถไฟ แต่ถ้ามีเวลาว่างมากพอ ก็จะไปท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยประเทศที่ชื่นชอบมากที่สุดคือ ญี่ปุ่น และอังกฤษ

“ดิ๋นชอบเดินถนน ไม่ชอบเดินห้าง เพราะเวลาเดินได้ชมวิว ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ เวลาไปอังกฤษ หรือญี่ปุ่น ดิ๋นจะชอบเสื้อผ้าของ Local Designer เพราะสวยงามและแปลกตา แต่ตอนนี้งานเยอะ และติดปัญหาเรื่องสุขภาพไม่ค่อยดีมีอาการปวดหลัง เนื่องจากหมอนรองกระดูกเคลื่อน ต้องทำกายภาพบำบัด 2 เดือน เลยไม่ค่อยได้เดินทาง เวลาส่วนใหญ่ตอนนี้จะหมดไปกับการออกกำลังกายมากกว่าค่ะ”

 
ก่อนจากกัน “ดิ๋น” ยังฝากบอกถึงนักธุรกิจรุ่นน้อง ที่เพิ่งเริ่มเส้นทางสายลงทุนว่า ทำอะไรก็แล้วแต่หากมีความมุ่งมั่น ตั้งใจ และอดทน ก็สามารถฝ่าฟันอุปสรรคไปได้อย่างแน่นอน “สิ่งสำคัญที่คุณแม่สอนและย้ำดิ๋นมาตลอดคือ การทำงานจะต้องทำด้วยความซื่อสัตย์และสุจริตต่อลูกค้าเสมอ”

กำลังโหลดความคิดเห็น