ถึงแม้จะสิ้นพระชนม์ถึง 91 ปีแล้ว แต่ด้วยพระกรุณาธิคุณอันอเนกอนันต์ที่ทรงมีต่อแผ่นดินไทย ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัย พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หรือพระนามที่ลูกศิษย์ลูกหาคุ้นเคยคือ “กรมหลวงชุมพร” ก็ยังคงจารึกอยู่ในห้วงความทรงจำของชาวไทยทุกคนอยู่เสมอ
เนื่องในวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ 19 พฤษภาคมของทุกปี มูลนิธิราชสกุล “อาภากร” ภายใต้การนำของ ม.ร.ว.จิยากร (อาภากร) เสสะเวช ในฐานะประธานมูลนิธิ จึงชักชวนลูกหลานเหลนของกรมหลวงชุมพร มายังสุสานหลวงวัดราชบพิธฯ เพื่อร่วมรำลึกในพระกรุณาธิคุณฯ ขององค์ต้นราชสกุล โดยมี กองทัพเรือ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่เทิดทูนกรมหลวงชุมพร ในฐานะ “บิดาแห่งกองทัพเรือไทย” ร่วมเป็นเจ้าภาพในพิธีถวายเพลพระ
ณ วิหารน้อย ภายในสุสานหลวงฯ อันเป็นสถานที่ประดิษฐานพระอัฐิของกรมหลวงชุมพรฯ และสมาชิกของราชสกุลอาภากร ในเช้าวันนี้ดูอบอุ่นกว่าทุกวัน เพราะบรรดาลูกหลานเหลนของราชสกุลอาภากร อาทิ ป้าใหญ่-อาภา กฤดากร, กอบกุล อาภากร ณ อยุธยา, องค์อร อาภากร ณ อยุธยา, พัฒนวดี กรรณสูต, ดาลัด กรรณสูต ฯลฯ ต่างพร้อมใจกันมาร่วมกันทำบุญและสักการะพระอัฐิขององค์ต้นราชสกุล ด้วยความภักดีกันตั้งแต่เช้าตรู่ นอกจากนี้ ยังมีผู้แทนของกองทัพเรือ อาทิ พล.ร.อ.จักรชัย ภู่เจริญยศ รอง ผบ.ทร., พล.ร.อ.ทวีวุฒิ พงศ์พิพัฒน์ และ พล.ร.ท.ประพฤติพร อักษรมัต มาร่วมงานด้วยความสำนึกในพระกรุณาธิคุณด้วย
ป้าใหญ่-อาภา วัย 80 ปี ธิดาของ ม.จ.หญิงจารุพัตรา อาภากร พระธิดาใน พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ ซึ่งป้าใหญ่มีศักดิ์เป็นหลานตาของกรมหลวงชุมพรฯ ถึงแม้ว่าในชีวิตประจำวันจะต้องมีภารกิจช่วยลูกสาว ม.ล. ลักษสุภา กฤดากร ดูแลกิจการโรงแรมบ้านลักษสุภา หัวหิน จ.ประจวบฯ อยู่ก็ตาม แต่เมื่อถึงวันสำคัญ อย่างวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของเสด็จตา ป้าใหญ่จะต้องเดินทางขึ้นมากรุงเทพฯ ทุกครั้ง เพื่อมาร่วมพิธีสำคัญในฐานะสมาชิกราชสกุล “อาภากร”
ป้าใหญ่เล่าถึงความผูกพันที่มีต่อเสด็จตาว่า แม้ว่าป้าใหญ่จะเกิดไม่ทันยุคของเสด็จตา แต่ท่านแม่ (ม.จ.หญิง จารุพัตรา) เคยเล่าอภินิหารของเสด็จตาก่อนสิ้นพระชนม์ให้ฟังว่า ก่อนที่เสด็จตาจะสิ้นพระชนม์ เจ้าจอมมารดาโหมด พระมารดาของเสด็จตา ได้นั่งเรือเพื่อที่จะไปรับเสด็จตาที่ป่วยหนัก ณ หาดทรายรี จ.ชุมพร แต่ทันทีที่เรือเทียบยังท่าหาดทรายรี เจ้าจอมมารดาโหมดยังไม่ทันได้ขึ้นจากเรือ ก็เห็นแสงไฟสีแดงดวงโตลอยขึ้นจากหาดทรายรี อันเป็นที่ประทับของเสด็จตา แล้วแสงไฟสีแดงดวงโตก็ลอยพาดผ่านผิวน้ำขึ้นไปยังท้องฟ้า เจ้าจอมมารดาโหมดถึงขั้นตกพระทัยและร้องออกมาว่า “ลูกชายฉันเสียแล้ว” และก็เป็นดังที่เจ้าจอมมารดาโหมดอุทานออกมา วันนั้นเสด็จตาก็สิ้นพระชนม์ที่หาดทรายรี
แม้ว่าเสด็จในกรมฯ จะสิ้นพระชนม์มาถึง 91 ปีแล้วก็ตาม แต่ป้าใหญ่ในฐานะสายเลือดรุ่นที่ 2 ของกรมหลวงชุมพรฯ ยังคงสำนึกในคุณงามความดี ที่เสด็จในกรมฯทรงมีต่อประเทศชาติ ทั้งเรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบัน และการให้ความช่วยเหลือกับประชาชนผู้เดือดร้อน อย่างไม่แบ่งชนชั้นวรรณะ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว ให้ป้าใหญ่และลูกหลานทุกคนในราชสกุล “อาภากร” มีความภูมิใจและเจริญรอยตามองค์ต้นราชสกุล
“ถ้าเราสามารถทำประโยชน์อะไรกับประเทศชาติได้ ป้าก็จะทำทุกอย่าง ทั้งเรื่องการช่วยเหลือกิจการสาธารณกุศลต่างๆ และอีกสิ่งหนึ่งที่ลูกหลานทุกคนในอาภากรยึดปฏิบัติเสมอมาคือ การจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นศูนย์รวมจิตใจสูงสุดของคนไทยทุกคน” หญิงวัย 80 บอกถึงความมุ่งมั่น
บรรยากาศภายในงาน มิเพียงแค่อบอุ่นและหนาตาไปด้วยสมาชิกราชสกุลอาภากร และผู้แทนจากกองทัพเรือเท่านั้น แต่ตลอดทั้งงานยังมีการบรรเลงเพลงพระนิพนธ์ของกรมหลวงชุมพรฯ โดยคณะวงดุริยางค์กองทัพเรือ สร้างบรรยากาศให้เช้าวันจันทร์เต็มไปด้วยความสุขสดใส และความสำนึกในพระกรุณาของ “เสด็จในกรมฯ” ผู้ทรงเป็นที่รักของคนไทยทั้งประเทศ..
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net