ตำนานรักที่มีจุดเริ่มต้นมาจากอุบัติเหตุนั้น บางคนคิดว่าคงมีแต่ในละครเท่านั้น! วันนี้ Celeb Online ขอต้อนรับวันวาเลนไทน์ด้วยเรื่องราวความรักที่เกิดจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ที่ทำให้ “หนุ่มโก้-ม.ล.รังษิธร ภาณุพันธุ์” เกิดสปาร์กรักกับ “คุณหมอจิ๊บ-พญ.ชนิดา เวโรจน์” คุณหมอวัยใส จนกลายเป็นเรื่องราวความรักที่มั่นคงชนิดที่เรียกได้ว่าเป็น “รักแท้” ของทั้งสองคน…
ผ่านพ้นไปหมาดๆ สำหรับพิธีฉลองมงคลสมรสระหว่าง “ม.ล.รังษิธร ภาณุพันธุ์” และ “พญ.ชนิดา เวโรจน์” ณ โรงแรมสวิสโซเทล นายเลิศปาร์ค เมื่อปลายเดือน วันเสาร์ที่ 25 มกราคม 2557 ที่ผ่านมา หลังจากที่ผ่านพิธีการมาหลายขั้นตอนวันนี้ทั้งคู่ก็เริ่มใช้ชีวิตคู่อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว
โดยเรื่องราวความรักของทั้งคู่ เริ่มจากที่หนุ่มโก้เรียนจบ Consumer Marketing จาก University of Liverpool ประเทศอังกฤษ และกำลังเริ่มต้นศึกษางานอยู่ที่บริษัทข้ามชาติอย่าง โคนาคะ (ประเทศไทย) ดันซิ่งรถไปเสยท้ายรถของคุณหมอเข้าอย่างจัง จนต้องลงมาเคลียร์เรื่องประกัน จากนั้นทั้งสองก็โทรศัพท์ติดต่อเรื่องเคลียร์ประกันกันอยู่นาน จนจูนกันติดหลายๆ เรื่อง...โอ้โห คล้ายกับละครยังไงยังงั้น!
อุบัติรักบนทางด่วน
จุดเริ่มต้นที่ทำให้ทั้งสองพบกันนั้น คุณโก้เล่าให้เราฟังราวกับเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานเพราะเขายังจำเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ดี
“วันนั้นผมเดินทางมาจากบางนา เพื่อรีบมาประชุมที่ถนนสาทร กำลังจะลงทางด่วนตรงเพลินจิต ปรากฏว่ามีรถคันข้างหน้าเบรกกะทันหัน ผมก็เลยชนท้ายเขา ตอนนั้นเครียดมากเพราะกลัวไปประชุมไม่ทัน ลงไปที่รถคู่กรณี (คุณหมอจิ๊บ) เพื่อสอบถาม จิ๊บก็แง้มกระจกนิดเดียว ตอนนั้นเห็นแค่หางคิ้วเท่านั้น ผมบอกว่า “ขอโทษนะครับที่ผมขับรถชน แต่ว่าผมรีบมากเลย ขอนัดเคลียร์วันหลังได้มั้ย?”
จิ๊บก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสุภาพๆ ว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ดิชั้นเข้าใจค่ะ”
พอได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกว่าคนนี้ใจดีจัง ทั้งที่เราชนเขา เขาน่าจะโมโหด้วยซ้ำ! แล้วผมก็เดินกลับมาจะขึ้นรถ แต่เหมือนต่อมสุภาพบุรุษกำเริบ รู้สึกว่าเราทำอย่างนี้ไม่สุภาพบุรุษเลย เขาเองก็เป็นผู้หญิงตัวคนเดียว สุดท้ายก็เลยเดินกลับไป บอกว่าผมอยู่เคลียร์ดีกว่า จากนั้นก็เรียกประกันมาเคลียร์ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆ แต่ระหว่างนั้นผมมีโอกาสได้รู้จักเธอ ได้เรียนรู้นิสัยของคนคนหนึ่งในยามคับขัน ซึ่งเราพบว่าเธอเป็นคนที่อารมณ์ดี เปิดเผย ยิ้มแย้ม แจ่มใส ทั้งที่รถชนก็ไม่ได้อารมณ์เสีย
ถ้าถามว่ารักแรกปิ๊งเลยมั้ย? ก็ไม่ถึงขั้นนั้น แค่รู้สึกว่าเราอยากมีเพื่อนแบบนี้จังเลย พอดีตอนนั้นเพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่นด้วยมีขนมโตเกียวบานาน่าอยู่ในรถ เราก็เลยกระชับมิตรด้วยการให้ขนม (หัวเราะ)”
คู่รักปรับจูนชีวิต
หลังจากการกระชับมิตรในครั้งนั้น ทำให้มีการติดต่อกันอยู่เรื่อยๆ โดยทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นคุณโก้บอกกับเราว่าเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก รู้แต่เพียงว่ารู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้ รู้สึกดีที่ได้พูดคุย และยินดีที่จะปรับจูนชีวิตพื่อใช้ชีวิตกับใครสักคน
“หลังจากเหตุการณ์รถชน ผมก็มีโทรศัพท์ติดต่อบ้าง ส่งข้อความบ้าง ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ แล้วก็เริ่มขับรถไปหาเขาที่โรงพยาบาลวิชัยเวชอินเตอร์เนชั่นแนล พระราม 2 เพราะเขาเป็นหมออายุรกรรมที่นั่น แล้วก็ไปกินอาหารทะเลกัน ซึ่งพูดเลยว่าการจราจรก็ติดพอสมควร บางทีขับรถไปเป็นชั่วโมง ได้เจอ 40 นาทีก็กลับ แต่แค่นั้นก็โอเคแล้ว สักพักนึงเราก็สนิทเหมือนเป็นเพื่อนกัน เราต่างรู้สึกดีต่อกัน เริ่มมีความผูกพัน วันหนึ่งผมก็บอกเขาว่า เราน่าจะคบหาเป็นแฟนกันนะ เขาก็โอเค จำได้ว่าวันนั้นให้ของขวัญเขาชิ้นนึงด้วย”
เมื่อตกลงที่จะคบหาดูใจกันอย่างจริงจัง ก็ถึงเวลาที่ต่างคนต่างก็ปรับตัวในบางเรื่องเพื่อเข้าหากัน แต่ด้วยความที่มีไลฟ์สไตล์และความชอบหลายๆ อย่างใกล้กัน จึงไม่เป็นอุปสรรคสำหรับคู่รักเท่าไหร่
“เราชอบไปต่างจังหวัดกัน ชอบถ่ายรูป ชอบเที่ยวแบบธรรมชาติ เป็นประเภทที่นึกจะไปก็ไปเลย ด้วยความที่เขาเป็นหมอเวลาทำงานอาจจะไม่เหมือนคนทั่วไป ผมก็มีการปรับจูนชีวิตประจำวันบ้าง บางทีเขานอนเกือบเช้า ผมก็ยังรอคุยโทรศัพท์กับเขา อาจจะง่วงไปทำงานบ้าง แต่ก็เต็มใจที่จะจูนเข้าหากัน (หัวเราะ)
จิ๊บเป็นคนลุยๆ ใช้ชีวิตติดดินสุดๆ ก็ได้ ในขณะเดียวกันก็มีรสนิยม แต่ในเรื่องอนามัยก็ต้องยกให้เขานิดหนึ่งเพราะเขาก็เป็นคุณหมออ่ะนะ อย่างไรก็ดีเรายังมีไลฟ์สไตล์เหมือนกัน ใช้ชีวิตด้วยกันได้ และจุดที่ประทับใจเขาอีกอย่างคือเขาเป็นคนที่ดูแลครอบครัวเขาดีมาก”
นอกจากการปรับจูนชีวิตเข้าหากันแล้ว ทั้งคู่ยังช่วยกันทำกิจการเล็กๆ ด้วยการเปิดคลินิกชื่อ “Athena” เป็นสถาบันความงาม โดยมีหนุ่มโก้เข้าไปช่วยเรื่องการตลาด ซึ่งก็ส่อแววว่าจะไปได้สวยซะด้วย
“เราหุ้นกับเพื่อนๆ เปิดคลินิก ชื่อ “Athena” อยู่ตึกไลฟ์เซ็นเตอร์ สาทร โดยมีจิ๊บเป็นหมอใหญ่ ซึ่งลูกค้าติดเขามากเพราะเขาเป็นคนมือเบา หนุ่มสาวสมัยนี้ใส่ใจเรื่องความสวยความงามมากขึ้น คลินิกจึงโตสวนกระแสตลาด ส่วนผมก็คอยแชร์ไอเดียเรื่องมาร์เกตติ้งให้เขาเพราะเราก็ทำงานด้านนี้อยู่แล้ว”
รำลึกถึงความอบอุ่นสู่จุดเริ่มต้นครอบครัวใหม่
จากการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน นำไปสู่การคิดอยากจะใช้ชีวิตร่วมกัน และสำหรับผู้ชายที่มีความรักให้ผู้หญิงคนหนึ่งอย่างเต็มเปี่ยมนั้น เขาได้วางแผนการเริ่มต้นชีวิตคู่ของเขาอย่างอบอุ่นและเป็นขั้นเป็นตอน เขาเล่าให้เราฟัง
ตั้งแต่สเต็ปแรกที่คุณโก้จะขอคุณจิ๊บแต่งงาน!!
“ผมคิดเป็นสเต็ปไว้แล้วว่าจะขอเขาแต่งงานที่ไหน ตอนไหน...วันหนึ่งเรามีโอกาสไปฮ่องกง ฮ่องกงอาจเป็นประเทศที่ไม่ได้โรแมนติกมากมาย แต่ผมมีความหลังกับประเทศนี้ คุณพ่อคุณแม่ผมพบรักกันที่นี่ แต่งงานกันที่นี่และใช้ชีวิตทำงานกันที่ฮ่องกง ผมเองก็เกิดและโตขึ้นที่ฮ่องกง จำบรรยากาศที่อบอุ่นตอนคุณพ่อคุณแม่เลี้ยงผมมา จำบรรยากาศตอนไปทานข้าวตามที่ต่างๆ ตอนวิ่งเล่นบนสะพานได้ เป็นบรรยากาศของครอบครัวที่อบอุ่น
พอวันหนึ่งได้พาแฟนไป เราก็เที่ยวกันเหมือนนักท่องเที่ยวตามปกติ แต่ตอนนั้นผมพกแหวนไว้ในเป้ตลอด จนกระทั่งได้ขึ้นไปที่วิกตอเรียพีก เราก็เดินเล่น ดูวิวกัน แล้วผมก็เริ่มพูดกับจิ๊บว่า “รู้มั้ยที่นี่เป็นที่ที่ครอบครัวพ่อแม่ผมเริ่มต้นขึ้น เป็นที่ที่ให้ผมเติบโตขึ้น วันนี้ผมได้เจอจิ๊บ ได้อยู่ต่อหน้าจิ๊บ ผมเห็นภาพเหล่านั้นในอดีต ผมอยากให้เรามีก้าวต่อไป มีความเป็นครอบครัว เหมือนที่พ่อแม่ผมออกสตาร์ทที่นี่ ผมพร้อมแล้วที่จะเดินไปกับจิ๊บ โดยให้สถานที่แห่งนี้เป็นสักขีพยาน” แล้วก็บอกรักเขา ขอเขาแต่งาน...เขาไม่ร้องไห้นะ แต่ผมร้องไห้ซะเอง ใส่แหวนไปร้องไห้ไป (หัวเราะ)“
4 พิธีแห่งความรัก
เมื่อตกลงที่จะใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว ก็ถึงพิธีสำคัญที่จะตราตรึงอยู่ในใจคู่รักคู่นี้ โดยทั้งสองต้องผ่านพิธีสำคัญถึง 4 พิธีด้วยกัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 11 เดือนตุลาคม 2556 ที่จัดงานหมั้นเล็กๆ กับญาติเพื่อนฝูง จากนั้นวันที่ 11 เดือนพฤศจิกายนก็เป็นวันสำคัญที่ทั้งสองจะจดจำไปนานแสนนาน นั่นคือการเข้ารับน้ำสังข์พระราชทานจาก พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ
“วันนั้นเป็นวันที่เราปลาบปลื้มมาก เราเป็นคู่แรกที่จะทำพิธี พระองค์ทรงเป็นกันเองมาก ขับรถมาเอง ลงจากรถ เดินเข้ามาก็บอกให้เริ่มพิธีได้เลย ซึ่งท่านได้ประทานคำสอนเรื่องการครองเรือนไว้เยอะ ท่านสอนว่าต้องรักกัน ต้องเข้าใจกัน มีอะไรต้องให้อภัยกัน และต้องดูแลกันไปตลอด ทั้งผมและจิ๊บจำคำสอนเหล่านั้นขึ้นใจเลย รู้สึกว่าโชคดีมากที่ได้เข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิด”
หลังจากงานพิธีการทุกอย่างเริ่มอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ตั้งแต่พิธีหมั้น พิธีรับประทานน้ำสังข์ จนมาถึงวันแห่งการเฉลิมฉลองพิธีมงคลสมรส ซึ่งต้องทำถึง 2 พิธี เนื่องจากคุณหมอจิ๊บนับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก จึงต้องมีการจัดงานในโบสถ์ ก่อนที่จะมีงานฉลองในช่วงเย็น
“ขั้นตอนการแต่งงานของเราทุกอย่างอยู่ภายใต้ขนบธรรมเนียนประเพณีไทย และเพิ่มเติมเข้ามาคือพิธีในโบสถ์ ซึ่งทางบ้านจิ๊บเป็นคาทอลิกที่ค่อนข้างเคร่ง เราจึงต้องจัดพิธีทางศาสนาคริสต์ด้วย งานนั้นจัดที่โบสถ์แถวลาดพร้าว 102 ซึ่งก็เป็นเป็นความฝันของผมตอนเด็กๆ นะ ที่เคยเห็นเจ้าชายวิลเลียมเข้าพิธีแต่งงานในโบสถ์ แล้วก็คิดว่าอยากแต่งงานในโบสถ์บ้าง ในที่สุดความฝันก็เป็นจริง (หัวเราะ)
โดยช่วงก่อนพิธีต้องไปเรียนรู้พิธีอันศักดิ์สิทธิ์ที่โบสถ์ ได้รู้อะไรที่ไม่เคยรู้มาก่อนในชีวิต พอถึงวันจริงก็โชคดีมากที่บาทหลวงมาทำพิธีให้เราถึง 5 องค์ การที่ทุกองค์จะว่างตรงกันนั้นยากมาก และตั้งแต่ก้าวแรกที่เริ่มพิธีรู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์ และเจ้าสาวของผมก็งดงามเหมือนเป็นเจ้าหญิงมากๆ ...ตอนกล่าวคำสาบานผมก็ร้องไห้เลย รู้สึกว่ามีความสุข รู้สึกว่ามีใครบางคนฟังคำสัญญาของเราอยู่ เป็นโมเมนต์ที่น่าประทับใจมาก
ส่วนวันฉลองมงคลสมรส ตอนแรกอยากจัดงานในวังเก่า แต่เนื่องจากความไม่สะดวกหลายๆ อย่างทำให้เราไม่สามารถเนรมิตได้ขนาดนั้น ก็เลยมาดูว่าสถานที่ที่คลาสสิกน่าจะเป็นที่ไหนจึงมาลงตัวที่โรงแรมนายเลิศปาร์ค”
งานฉลองมงคลสมรสนี้เอง ถือเป็นงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่งานแรกประเดิมปีใหม่เลยก็ว่าได้ เพราะมีแขกเหรื่อมาร่วมงานแสดงความยินดีกับบ่าวสาวอย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็นหม่อมเจ้ามงคลเฉลิม ยุคล ที่เป็นประธานในงาน, คุณณรงค์ เลิศกิตสิริ ผู้ที่ให้โอกาสคุณโก้ได้มีการเติบโต ทำงานกับบริษัทข้ามชาติ, หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร, หม่อมเจ้าหญิงประภาพันธุ์ ภาณุพันธุ์, หม่อมเจ้าหญิงพันธุ์วโรภาส ภาณุพันธุ์, หม่อมเจ้าหญิงอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์, คุณวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ นอกจากนี้ อีกหลายตระกูลก็มาเป็นเกียรติในงานแต่งงานครั้งนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวชุมพล ครอบครัวฉัตรกุล จนกลายเป็นงานแต่งงานที่อบอุ่นทั้งญาติผู้ใหญ่และเพื่อนฝูงของทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาว
ภายในงานฉลองมงคลสมรสนี้เองยังมีไฮไลต์ที่สร้างความประทับใจให้กับเจ้าบ่าว-เจ้าสาวและแขกที่มาร่วมงานอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการได้นักไวโอลินมือหนึ่งของประเทศไทย มาบรรเลงเพลงเปิดพิธีให้บ่าวสาว และเซอร์ไพรส์เล็กๆ จากเจ้าบ่าวที่ทำให้เจ้าสาวน้ำตารินกลางเวที!!
“ผมเป็นเพื่อนกับ “เป้-ทวีเวท ศรีณรงค์” แห่งวง VieTrio ผมโทร.บอกเขาว่าจะแต่งงาน เขาดีใจมากและยินดีช่วยงานผมเต็มที่ โดยวันงานเขาโซโล่เพลง Canon สร้างบรรยากาศตอนบ่าวสาวเดินขึ้นเวที ชนิดที่สะกดทุกคนได้ และส่งบ่าวสาวขึ้นเวทีอย่างสง่างาม พอขึ้นไปบนเวทีก็มีสุดยอดพิธีกรของเมืองไทยคือ “จูน-สาวิตรี โรจนพฤกษ์” และ “พีเค-ปิยะวัฒน์ เข็มเพชร” มาเป็นพิธีกรร่วมกัน ทำให้บรรยากาศงานคืนนั้นพิเศษมาก พูดคุย สนุกสนาน เป็นกันเอง
แล้วผมก็เตรียมเซอร์ไพรส์เล็กๆ ให้เจ้าสาวคือ ผมร้องท่อนนึงของเพลง รักแท้เหนือกาลเวลา คือ “ต่อให้นานเพียงใด รักแท้ก็ยังคงเป็นรักแท้ ไม่มีวันจะแปรหรือน้อยลงไปตามเวลา” นั่นคือประโยคที่ผมสัญญากับจิ๊บว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความรักที่ผมมีต่อเขาได้ เรียกได้ว่าเป็นงานที่ผมและจิ๊บประทับใจมากๆ และคิดว่าคนที่มาร่วมงานก็คงประทับใจเช่นกัน”
นี่ถือเป็นเรื่องราวความรักของคนสองคนที่เรานำมาฝากให้เข้ากับบรรยากาศวาเลนไทน์ที่อบอวลไปด้วยความรัก เพราะความรักทำให้โลกนี้สดใสขึ้นเยอะเลย :: Text by FLASH