ไม่เห็นมีมือที่สองมือที่สาม
มีแต่มือพวกสามานย์สันดานชั่ว
ร่วมมือกัน ทำลายขวัญ ประชิดตัว
หมายปลิดชีพ มุ่งเด็ดหัว อย่างมัวเมา
ทนกล้ำกลืนฝืนน้ำตา ฝืนกลืนเลือด
ที่ดาลเดือด อยู่ภายใน ดั่งไฟเผา
ที่จุดเสียด แน่นในใจ ให้บรรเทา
ข่มความแค้น ปลอบใจเจ้า ให้ปราณี
ยิ่งอดทน ยิ่งอัดอั้น ตีบคอหอย
อยากปลดปล่อย คลายความแค้น ที่ล้นปรี่
หากกูยังอดทนได้ ยังโชคดี
หากมากไปกว่านี้ เห็นดีกัน
ART EYE VIEW---บทกวีอันมีแรงบันดาลใจจากมวลมหาความโกรธ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับมวลมหาประชาชน นับตั้งแต่วันเริ่มต้น Shutdown กรุงเทพ 13 มกราคม 2557 เป็นต้นมา ถูกเขียนขึ้นบทแล้วบทเล่า พร้อมด้วยภาพวาดที่มีสัญลักษณ์เป็นภาพธงชาติ
คือสิ่งที่ อรรณพ ศรีสัจจา หรือ เป้ สีน้ำ นักดนตรี กวี นักเขียน และคนทำงานศิลปะ ใช้เป็นสิ่งแทนหัวใจเขาที่ยังร่วมเคลื่อนไหว ไปพร้อมๆผู้คนนับแสนนับล้านบนท้องถนน ณ ขณะนี้
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้กระโดดขึ้นเวที เพื่อร่วมให้ความบันเทิงแก่ผู้ชุมนุม(ผู้ต้องการขับไล่รัฐบาลรักษาการ นางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และขจัดระบอบทักษิน) ผ่านเสียงดนตรี ดังเช่นศิลปินอีกจำนวนมาก มาแล้วหลายครั้ง
ซึ่งเจ้าตัวได้บอกถึงเหตุผลที่ตัดสินใจไปขึ้นเวที อย่างตรงไปตรงมาว่า
“ทนอยูได้ยังไง ถ้าไม่ไปวันนี้ก็ไม่รู้จะไปวันไหนแล้ว ถ้าเรารักประเทศ ต้องไป ถือเป็นสำนึกพลเมืองไทยเลยล่ะ”
และยากที่จะสาธยายได้หมด หากจะถามเขาว่า มีเรื่องใดบ้างภายใต้การบริหารของรัฐบาลรักษาการที่เขาไม่พอใจ
“ทุกเรื่องเลยแหล่ะ รวมถึงทุกเรื่องที่ไอ้คนชื่อทักษิณมันทำไว้ ไม่ว่าเรื่องใดๆ”
ระบอบที่ทำลายทุกสิ่ง
นอกจากไปทำหน้าที่ให้ความบันเทิง ไปแสดงตัวเพื่อให้ผู้ชุมนุมรู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้โดดเดี่ยว ทุกครั้งที่ไป เป้ก็มักจะใช้โอกาสพูดคุยปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมไปด้วย เนื่องจากเห็นว่ามีหลายโครงการที่หากยังดำเนินต่อไปภายใต้รัฐบาลนี้ ธรรมชาติมีแต่จะถูกย่ำยี
“ในขณะที่บ้านเมืองไม่ปกติ ไม่ค่อยมีใครพูดเรื่องสิ่งแวดล้อม ทุกวันนี้มันจะมีพวกนักการเมืองที่ฉวยโอกาสทำลายสิ่งแวดล้อมอยู่มาก ไม่ต้องไปดูที่ไหนไกล แถวบ้านผมเนี่ย มีการตัดต้นไม้ต้นใหญ่ๆริมทางหลวง เป็นว่าเล่น
อยากพูดให้ทุกคนได้ตระหนักเรื่องสิ่งแวดล้อมว่า นอกจากไอ้ระบบนี้มันจะทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว มันยังทำลายสิ่งแวดล้อมของเราอีกด้วยมากมาย พวกนี้ไม่เห็นคุณค่าของสิ่งแวดล้อม มันทำลายทุกอย่าง”
ต้นกล้าศิลปะ
หลายปีมาแล้วที่เป้ซึ่งมีพื้นเพเป็นชาว อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ไปปักหลักใช้ชีวิตและสอนศิลปะ อยู่ที่ริมแม่น้ำนครชัยศรี และก่อตั้งโรงเรียนขึ้นในชื่อ โรงเรียนธรรมชาติ บ้านริมน้ำ ต.บางระกำ อ.บางเลน จ.นครปฐม
นอกจากโรงเรียนแห่งนี้จะถ่ายทอดวิชาศิลปะให้กับนักเรียนผู้ไปเยี่ยมเยือนทุกเพศทุกวัย ยังพยายามปลูกฝังเรื่องการใช้ชีวิตอย่างกลมกลืนกับธรรมชาติและร่วมรักษาสิ่งแวดล้อม
และสองปีที่ผ่านมานี้ยังได้ทำ “โครงการต้นกล้าศิลปะ” เพื่อปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อมผ่านกระบวนการทางศิลปะ รวมไปถึงปลูกฝังให้มีจิตสำนึกรักประเทศชาติ รักสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งนอกจากจะจัดให้มีกิจกรรมเกิดขึ้นที่โรงเรียน ยังตระเวณไปตามต่างจังหวัดด้วย
“ถือเป็นค่ายที่เด็กๆทุกคนจะได้มาปฏิญาณตนที่จะร่วมด้วยช่วยกันรักษาสิ่งแวลด้อม แต่ในเบื้องต้นเราสอนให้เขารู้เรื่องศิลปะก่อน วาดรูปได้ ร้องเพลงเป็น ไปจนถึงรักธรรมชาติ รักสิ่งแวดล้อม ถ้าใครมีคุณสมบัติครบ ก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นต้นกล้าศิลปะรักสิ่งแวดล้อม ได้รับผ้าพันคอ และประกาศนียบัตร เพื่อเป็นสิ่งยืนยันว่าเขาได้มาร่วมกิจกรรม”
แทนความซึ้งใจและสะเทือนใจ
ขณะที่การสร้างสรรค์ผลงานของเขาในฐานะนักดนตรี กวี นักเขียน และคนทำงานศิลปะยังคงดำเนินควบคู่กันมาโดยตลอด เพียงแต่ช่วงเวลานี้ เมื่อเจ้าตัวหันมามีอารมณ์ร่วมกับการเมืองภายในประเทศมากขึ้น
ภาพวาดสีน้ำที่เคยมีเนื้อหาเกี่ยวกับวิถีชีวิตริมน้ำ และป่าเขาลำเนาไพร จึงเปลี่ยนมามีเนื้อหาเกี่ยวกับมวลมหาประชน ที่กำลังเคลื่อนไหว ตลอดจนภาพอันเกิดจากแรงบันดาลใจที่ร่วมรู้สึกรู้สาไปกับการสูญเสีย โดยภาพส่วนใหญ่มีธงชาติ อันเป็นสัญลักษณ์ที่ชินตาในช่วงเวลานี้ ปรากฎอยู่ในภาพ
“ มันเป็นไปเอง เมื่อเรามาอินเรื่องการเมือง และติดตามข่าวสารต่างๆ เราก็เอาธงชาตินี่แหล่ะ มาเป็นสัญลักษณ์เล่าเรื่องไป (แม้ขณะให้สัมภาษณ์อยู่ก็ยังวาดภาพมวลมหาประชาชนไปด้วย)”
อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าภาพวาดชุดนี้ของเขางอกเงยมาพร้อมๆกับวันที่ ลุงกำนัน - สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ประกาศ Shutdown กรุงเทพ
“ก่อนหน้านั้นก็เริ่มเขียนบ้างแล้วล่ะ แต่มันไม่ค่อยชัด พอมีการ Shutdown ก็เลยเอากับเขาหน่อย”
เมื่อวาดเสร็จเจ้าตัวก็ทยอยโพสต์ให้ชมผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค
“คือเราอารมณ์เสีย เราโกรธ แต่ว่าในงานศิลปะ เราไม่ได้แสดงความโกรธเท่าไหร่ เราแสดงความซึ้งใจ จากการที่ได้เห็นประชาชนออกมาเคลื่อนไหว และความเศร้าเสียใจจากการที่รับรู้เรื่องการสูญเสียมากกว่า เช่น น้ำตาของลูกที่หยดลงไปบนศพของพ่อ หรือหัวใจของแม่ที่แตกสลาย เมื่อทราบข่าวว่าพ่อของลูกตาย”
ความโกรธเป็นธรรมชาติ ของคนเกลียดทักษิณ
ภาพวาดเน้นให้ความสุนทรียทางสายตาแก่ผู้ชม มากกว่าทดแทนการก่นด่า
“คนด่ามีเยอะแล้วไง พลังที่มีพลังที่สุด มันไม่ใช่พลังด่า เพราะพลังด่ามันเป็นการให้ข้อมูล แต่ว่าพลังแห่งสุนทรีย ที่เรานำเสนอ มันเป็นสิ่งเชิงลึกที่จะเข้าไปกระตุ้นจิตสำนึกลึกๆได้ว่า ถ้าเสื้อแดง หรือว่าใครก็ตามที่มันมีลูก มันได้ชมภาพของเราหรืออ่านบทกวีของเรา มันก็จะสะเทือนใจเหมือนกันล่ะ”
แต่เป้ก็ยอมรับว่า เนื้อหาบทกวีของเขาบอกให้รับรู้ได้ว่าผู้เขียนมีความโกรธอยู่อย่างท่วมท้น
“มันโกรธอยู่แล้ว ความโกรธเป็นธรรมชาติ ใครเกลียดทักษิณ ทุกคนโกรธหมดแหล่ะ เพียงแต่ว่าตอนนี้ ใครจะเลือกกลืนเลือดกลืนน้ำลาย ใครจะมีความอดทนได้มากกว่ากัน”
ภาพวาดชุดนี้ ที่จะคงนำเสนอต่อเนื่องไป ไม่มีกำหนด ถูกวาดขึ้นด้วยหลากหลายเทคนิคแล้วแต่ความรู้สึกของผู้วาดจะนำพา
“ครบทุกอย่างทั้งดินสอ ปากกา สีเทียน สีน้ำ สีอะคริลิค สีชอล์ค อะไรอยู่ใกล้มือ ใช้หมด ไม่ได้มั่ว แต่ว่าอันไหนที่มันตอบสนองสิ่งที่เราต้องการนำเสนอได้ก็ใช้
ผมเลียนแบบคุณชัย ราชวัตร ที่ต้องเขียนการ์ตูนการเมืองทุกวัน แม้เราจะไม่ได้มีเงื่อนไขกับใครว่าต้องเขียนทุกวัน แต่ถ้าวันไหนไม่มีอารมณ์เขียนไม่ออกก็ช่วยไม่ได้(หัวเราะ) แต่ถ้างวันไหนอารมณ์มันกระฉูดขึ้นมา วาดรูปและเขียนบทกวี มาก3- 4 บท แล้วมาโพสต์ให้ชมให้อ่าน ทุกคนก็อย่าเพิ่งเบื่อ
เขียนไปเรื่อยๆ ช่วงนี้มีเวลามากก็เขียนๆซะ ไม่รู้สิ เราไม่ได้สัญญากับใครก็ทำไป แต่ถ้ามันหมดแรงบันดาลใจก็เลิก”
ใจยังเคลื่อนไหวไปกับผู้ชุมนุมบนท้องถนน
เป้บอกด้วยว่ายินดีเสมอ หากว่าผลงานชุดนี้จะถูกนำไปใช้ประโยชน์เพื่อมวลมหาประชาชนไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
“ไม่ได้คิดไปถึงขนาดว่าต้องนำงานชิ้นจริงไปจัดแสดง เพียงแต่คิดว่าถ้ามันมีประโยชน์ หรือถ้ามีคนอยากดู ก็ยินดีร่วมด้วยนะ หรือว่าใครจะเอาไปประมูลเพื่อหารายได้สมทบทุนกับลุงกำนันก็ได้ อะไรอย่างนี้ แล้วแต่จะมีเหตุการณ์ขอความช่วยเหลือเข้ามา เรายินดี ทุกเรื่อง”
ด้วยติดภารกิจหลายอย่าง ทำให้เขาไม่สามารถไปร่วมเดินบนท้องถนนกับมวลมหาประชาชนได้ ระหว่างที่การ Shutdown กรุงเทพ ยังไม่สิ้นสุด ชัยชนะยังไม่เกิดขึ้นกับมวลมหาประชาชนอย่างแท้จริง เป้บอกว่าสิ่งที่เขาเป็นห่วงและกลัวมากที่สุด ณ ขณะนี้คือ กลัวว่าความสูญเสียในชีวิตจะเกิดขึ้นอีก
“เราเป็นห่วงเรื่องความรุนแรง ก็รู้อยู่แล้วว่าคนพวกนี้อะไรมันก็ทำได้ เราไม่อยากให้มีใครตาย บอกตรงๆ เราไม่อยากให้มีคนตาย แต่ไอ้พวกนี้แม่งมันทำอะไรก็ได้ นึกออกไหม เรากลัวคนตายมากที่สุดเลย”
และฝากให้กำลังใจมวลมหาประชาชนว่า แม้ตนจะไม่ได้ออกไปเคลื่อนไหวกับผู้ชุมนุมบนท้องถนน ทว่าใจนั้นเคลื่อนไหวไปด้วยทุกขณะ
“อยากให้รู้ว่า ไม่ว่าเราจะไปหรือไม่ไปขึ้นเวทีหรือไม่ เราส่งแรงใจไปให้ และติดตามข่าวสารทุกวัน หมายความว่าใจเราเคลื่อนไหวไปกับพวกเขาบนท้องถนน เพียงแต่เรามีภาระกิจของเรา ที่เราไปเดินกับพวกเขาด้วยไม่ได้ ก็เลยหาวิธีอื่นที่จะสร้างความเคลื่อนไหวเชิงบวก ให้พวกเขารับทราบว่า เราลุ้นเอาใจช่วยอยู่ทุกวัน
เหมือนนักกีฬาเราไปแข่งบอลโลก แล้วเราเชียร์อยู่หน้าจอ อะไรแบบนี้ ส่งกำลังใจให้ตลอดเวลาเลยด้วยซ้ำไป อาบน้ำก็ยังนึกถึงผู้ชุมนุม อย่างนั้นเลย ส่วนไอ้พวกที่ยิง มันก็ไม่รู้จะยิงอะไรกันนักหนา”
กำลังใจ ขอมอบให้ ไทยทุกท่าน
ที่ยึดมั่น รู้คุณชาติ ศาสนา
ขออวยชัย ให้ไทยได้ ธงชัยมา
เป็นกำลังใจให้ …. มวลมหาประชาชน
ส่งข่าวสารงานศิลปะร่วมสมัย มาได้ที่ ข่าว ART EYE VIEW ของ www.astvmanager.com และ ART EYE VIEW เซกชัน Lite ในหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ Email: thinksea@hotmail.com
และคลิกเป็น แฟนเพจ ได้ที่ http://www.facebook.com/arteyeviewnews