xs
xsm
sm
md
lg

กาแฟคอลลาเจน เป๊ะเด้งสลิมได้จริง? หรือแค่ยาถ่าย?!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

By Lady Manager

นิยมดื่มกันเหลือเกิน กาแฟสำเร็จรูปที่อวดอ้างสรรพคุณเพื่อสุขภาพ ช่วยควบคุมน้ำหนัก บางยี่ห้อออกตัวแรงอัดโฆษณาจากอ้วนเฉอะแฉะมาผอมเพรียวเฉิดฉาย บางแบรนด์ลงทุนจ้างซุปตาร์มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เรียกว่าแข่งขันช่วงชิงตลาดกันอย่างหนักหน่วง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งงัดเอาสารประกอบมาสร้างจุดขาย ไม่ว่าจะผสมกลูต้าไธโอนบ้าง วิตามินซีบ้าง ที่น่าสังเกต หลายเจ้าชูธงคอลลาเจนเป็นหลัก กับอีกนานาสารพัดส่วนประกอบที่ดูดีช่วยเผาผลาญ กากใยเยอะ ไขมันน้อย คอเลสเตอรอลต่ำ ฯลฯ


“คนเห็นส่วนประกอบแล้ว ตอกตะปูติดฝาโลงเลย” นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผอ.สถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ กล่าวทันทีที่เห็นรายชื่อส่วนประกอบบนซองกาแฟลดความอ้วนที่เรานำติดตัวไป เพื่อสัมภาษณ์

“กาแฟลดน้ำหนักระบาดหนักกว่าพวกขายตรงอีก ยิ่งตอนหลังโฆษณาว่ามีคอลลาเจนด้วย”

ทำไมต้องเป็น “กาแฟ” เพื่อลดน้ำหนัก

ทำไมไม่เป็นน้ำส้มสำเร็จรูปคุมน้ำหนัก

“กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่ทำให้ปัสสาวะบ่อย ดังนั้นทำให้รู้สึกว่าน้ำหนักลดลง ตัวเบาขึ้น พวกขายตรงหรือบริษัทยักษ์ใหญ่จึงใช้กาแฟเป็นผลิตภัณฑ์ลดความอ้วน เพราะรีดน้ำ”

และบางคนจิบกาแฟแล้วสักพักวิ่งปรู๊ดเข้าห้องน้ำ คุณหมอกฤษดา กล่าวอีกว่า

“กาแฟเป็นยาระบายอ่อนๆ ด้วย ผู้คนจึงเข้าใจผิด กินแล้วกระตุ้นถ่าย ก็นึกว่าได้ลดความอ้วน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณได้ลดน้ำหนักนะครับ เพราะนั่นคือ ของเสีย ขณะเดียวกันบางคนกินกาแฟแล้วท้องผูก มีสองขั้ว เพราะฉะนั้นคนที่กินกาแฟต้องคอยสังเกตว่า กินไปแล้วท้องผูก หรือถ่ายมากกว่ากัน ต้องสังเกตและปรับด้วยเราตัวเอง”

ทุกยี่ห้อเน้นขายตัวช่วยเผาผลาญ ทว่าเสี่ยงมะเร็ง
ขอบคุณ ภาพจาก http://www.oryor.com
มานั่งไล่เรียงอ่านส่วนประกอบบนฉลากกับคุณหมอ พบว่าทุกแบรนด์อ้างอิง ‘แอลคาร์เนทีน (L-Carnitine)’

“แอลคาร์เนทีน เป็นตัวช่วยเผาผลาญจริง แต่มีงานวิจัยล่าสุดบอกว่าอาจมีความเสี่ยงทำให้เกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้” แล้วคุณหมอก็พูดถึง ‘โครเมียมคีเลต (Chromium Chelate)’ ซึ่งถูกอ้างอิงรองลงมา

“มันเป็นแร่ธาตุตัวหนึ่ง จริงๆ มันดีนะครับ แต่ร่างกายเราต้องการน้อยมากๆ

โครเมียมคีเลตช่วยในการเผาผลาญ แต่ไม่มีงานวิจัยไหนบอกว่ามันเผาผลาญจนสามารถช่วยลดน้ำหนักได้”

และ ‘ส้มแขก’ ที่อีกยี่ห้อโปรโมทนัก โดยอวดปลื้มว่าเป็นสมุนไพรธรรมชาติด้วย

“มีความเชื่อว่า ‘ส้มแขก’ ช่วยลดความอ้วน แต่ไม่มีผลงานวิจัยใดบอกว่าส้มแขกสามารถลดความอ้วนได้อย่างน่าประทับใจ แต่เพราะมีความเชื่อกัน จึงนำเอามาเป็นกลยุทธ์ด้านการตลาด ทำให้รู้สึกว่าเป็นสมุนไพรลดความอ้วนนะ มันน่าลดความอ้วนได้ดี”

ไฟเบอร์->ไม่ครบ ไม่ช่วยอะไร ซูคราโลส->เสพติดความหวาน

นอกจากนี้บนฉลาก ยังเอ่ยอ้างส่วนประกอบแสนดูดีเริ่ดประเสริฐศรีอีก อาทิ เส้นใยอาหาร (Fiber) และซูคราโลส (Sucralose)

“คนไม่รู้ เห็นคำว่าใยอาหาร ก็เออนะ น่าจะช่วยลดความอ้วน” คุณหมอกฤษดารู้เข้าใจจุดอ่อนผู้บริโภค

“กาแฟลดความอ้วนมักใส่พวกมวลสารที่คิดว่าช่วยลดความอ้วนได้ ‘ใยอาหาร’ เป็นอีกหนึ่งที่เชื่อกันว่ามันน่าจะทำให้หนึ่ง-ระบาย ขับถ่าย, สอง-กากใยช่วยดึงรั้งไขมันที่เรากินจากอาหารเข้าไป เพราะมันเป็นอุปสรรค์ไม่ให้ไขมันซึมเข้าไปในร่างกาย, และสาม-เชื่อว่าใยอาหารทำให้เราอิ่มเร็วขึ้น แทนที่จะไปกินอาหารเพิ่ม ก็ได้ใยอาหารนี่แหล่ะ” ทว่าใยอาหารนี้ไม่ใช่ชนิดเดียวกับจากพืชผักผลไม้

“เพราะในพืชผักผลไม้มีใยอาหารครบ มีทั้งใยอาหารละลายน้ำได้, ละลายไขมันได้, และแบบไม่ละลายน้ำที่ช่วยให้เราอิ่มได้

ใยอาหารที่เค้าใส่ไปมันไม่เหมือนใยอาหารในพืชผักผลไม้ คือ มีจริงแต่ไม่ครบ และไม่ได้ปริมาณเหมือนในพืชผักผลไม้ พูดง่ายๆ ถ้าเค้าใส่ลงไปในกาแฟที่เป็นกาแฟซอง ถึงเป็นใยอาหารจริง ก็ย่อมไม่มีส่วนที่ไม่ละลายน้ำ

กาแฟใส่น้ำร้อน ก็ละลายทั้งถ้วย ดังนั้นต้องขาดตัวนี้แน่” คุณหมอบอกถ้าอยากได้เส้นใยอาหาร กินพืชผักผลไม้โดยตรงดีกว่า

“ซูคราโลส เป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาล กินพวกนี้ทำให้เราติดความหวาน มันไปเปิดสวิตช์ติดความหวานในตัวเรา และหิวบ่อยขึ้น อยากกินบ่อยถี่ครั้งขึ้น แคลอรี่สะสมรวมต่อวันก็สูงขึ้น แม้เค้าจะเคลมว่าแคลอรี่ต่ำก็ตาม

กาแฟเย็นหนึ่งแก้ว มี 400 แคลอรี่ เท่ากับข้าวมันไก่-ข้าวขาหมู หนึ่งจานเลยนะครับ”

คอลลาเจนเปปไทด์ กลลวงเต่งตึงลดตุ้ยนุ้ย

“ไม่มีงานวิจัยไหนเลยบอกว่าคอลลาเจนช่วยลดความอ้วน ส่วนเรื่องช่วยให้ผิวเด้ง ขอบอกว่ายากมาก เนื่องจากกินคอลลาเจนเข้าไป สมมุติ 100 แต่จริงๆ แล้ว ดูดซึมเข้าผิวเท่าไร” คุณหมอกฤษดา อธิบายรายละเอียด

“มีคนหัวการตลาด เค้ารู้แล้วว่าคอลลาเจนดูดซึมยาก จึงเอาคอลลาเจนไปย่อย ที่ดาราขายกัน เรียกว่า ‘คอลลาเจนเปปไทด์’ โดยอ้างว่าเป็นคอลลาเจนตัวเล็กๆ ที่ดูดซึมง่ายๆ ย่อยมาให้แล้ว เหมือนเค้าเคี้ยวมาให้แล้ว อาจจะจริงเหมือนที่เค้าเคลม แต่ประเด็นคือ ถึงแม้จะย่อยแล้ว การดูดซึมจะได้ 100 สมราคาที่เราซื้อหรือไม่”

กว่าร่ายกายจะได้ดูดซึมคอลลาเจนให้เห็นผลสวยเด้งเต่งตึง คุณอาจเป็นโรคหัวใจ กระดูกบางพรุนก่อนค่ะ

ดื่มบ่อย ระวังใจสั่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันพุ่ง

ยังแนะนำบนฉลากอีกว่า ให้ชงดื่มวันละสองครั้งๆ ละซอง แต่ถ้าชอบดื่มเป็นกาแฟเย็น ให้ชงครั้งละสองซอง

“อันตรายจะเกิดกับคนที่กินบ่อย โดยหวังผลว่าจะลดความอ้วน” อันตรายที่คุณหมอพูดถึง มีรายละเอียดดังนี้ค่ะ

“ทำให้กระดูกบางในคนวัยทอง ทำให้ความดันขึ้นในรายที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง บางคนรู้สึกเลยดื่มแล้วรู้สึกเลยว่าบีบหัวใจ ไม่งั้นโรคหัวใจกินหมด ที่เค้าบอกให้กินวันละ 2-4 ซอง ไม่ควรไปเชื่อเค้า

มีงานวิจัยอันหนึ่งตีพิมพ์เมื่อ 2009 เกี่ยวกับชีวเคมีในร่างกายมนุษย์ ศึกษาในกาแฟคอลลาเจน ส่วนประกอบที่เคลมกันอย่างที่เราคุยกันน่ะครับ แล้วพบว่าต้องกินคอลลาเจนให้ได้ 0.2 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กก. เพื่อไม่ให้แก่เร็วจากแสงแดดที่มาทำลายผิว พูดง่ายๆ สมมุติคนที่มีน้ำหนัก 60 กก. ต้องกินกาแฟคอลลาเจนปริมาณ 55 แก้วต่อวัน

ซึ่งอาจตายเพราะพิษคาเฟอีนก่อนครับ เพราะคาเฟอีนทำให้หัวใจเต้นเร็วแรงจนวายได้นะครับ”

ท้ายสุด คุณหมอสรุปย้ำเตือนว่า

“ดื่มได้ครับ แต่ไม่ควรดื่มไปตลอด ไม่ควรดื่มในปริมาณมากไป ถ้าดื่มมากกว่าสองแก้วก็เยอะเกินครับ กาแฟพวกนี้ไม่ใช่ยิ่งดื่มเยอะ ยิ่งผอมเร็ว รีดน้ำหนักได้เร็ว แต่ยิ่งดื่มเยอะ ยิ่งอันตรายเยอะมากกว่า

ไม่มีกาแฟอันไหนที่ลดน้ำหนักได้ ถ้าเราไม่คุมอาหาร ไม่ออกกำลังกาย”

 

>>
อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ 
 http://www.celeb-online.net
 
กำลังโหลดความคิดเห็น