By Lady Manager

ว่ากันว่า เทรนด์การฉีดไขมันบริเวณก้น ให้เด้งดึ๋งกำลังฮิตมากในแวดวงไอดอลสาวเกาหลีอย่างเกิร์ลแบนด์ตัวแม่ Girl's generation, Girls Day และ F(x)
ปาร์คโซจิน จาก Girls Day หรือ เจสสิกา จาก Girl's Generation คือไอดอลสาวที่สื่อแดนกิมจิเชื่อว่าฉีดชัวร์!
ทว่าทำไมพวกเธอต่างก็มีรอยจุดสีดำที่ต้นขา อ๊ะ! ไฝก็ไม่ใช่ แถมเกิดขึ้นในบริเวณใกล้กับก้นในแบบเดียวกัน ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นรอยที่เกิดจากการฉีดไขมัน หรือฉีดซิลิโคนเพื่อยกกระชับก้นให้เด้ง เพื่อเหมาะแก่การใส่กระโปรง กางเกงสั้นๆ เพื่อให้เห็นแก้มก้น และเหมาะในการถ่ายเจาะ
อ่าน ไอดอลเกาหลีแห่ฉีดก้นเติมความ "เด้ง-เต่ง-ตึง"

เราลองมาฟัง นพ.พุฒิพงศ์ ภูมิสุวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามและชะลอวัย ผู้ก่อตั้งศูนย์นวัตกรรมความงามกรุงเทพ AIC (Aesthetic Innovation Center) พ่วงด้วย ผู้อำนวยการต่างประเทศ เอเชียแฟซิฟิก สมาคมแพทย์เกาหลีเพื่อความงาม และศัลยกรรมความงาม วิเคราะห์กันค่ะ ว่าจุดดำบริเวณก้นมันคืออะไรกัน
"ผมก็เชื่อว่าเขาทำนะ แต่ไม่น่าจะทำให้เห็นรอย เพราะเขาต้องรู้อยู่แล้ว นี่ก็ตั้งใจถ่ายให้เห็น" คุณหมอผู้คร่ำหวอดในแวดวงความงามเกาหลีกล่าวหลังจากเห็นรูปเหล่าสาวไอดอล
"ตำแหน่งฉีดมันมีหลายจุด ผมก็งงกับภาพนะ ผมว่าไม่น่าใช่รอยเข็ม เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ปกติทำแล้วจะมาออกงานให้เห็นขนาดนี้ สมมติมีรอยจริง คอนซีลเลอร์ บีบีครีมเกาหลีดีๆ ก็เยอะ กลบได้นี่ ไม่มีรอยให้เห็นหรอก ไม่น่าจะเป็นรอยเข็ม
เพราะเกาหลีเนียนมากเรื่องพวกนี้ เวลาออกสื่อ ออกงานแต่ละครั้งเขาจะเนียนมาก เขาดูละเอียดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเลย เขาไม่พลาดหรอก" คุณหมอย้ำว่าไม่น่าจะใช่รอยเข็มจากการฉีดไขมันเพื่อให้บั้นท้ายงอนงาม เพราะเกาหลีไม่หลุดแน่นอน พร้อมให้ความรู้ถึงวิธีการเสริมบั้นท้าย ว่ามีวิธีใดบ้าง
“แน่นอน เวลาก้นแบนใส่อะไรก็ไม่สวย หากใส่กางเกงรัดรูปแล้วมีก้นเด้งขึ้นมา จะยิ่งดูเซ็กซี่ รับกับสะโพก เอว” คุณหมอกล่าว และอธิบายถึงเทคนิคต่างๆ ในการเสริมบั้นท้าย 5 วิธีหลักทั้งข้อดีข้อเสีย ดังนี้
1) ผ่าตัดเสริมวัสดุ

“เสริมด้วยแผ่นยาง แผ่นพลาสติก เขาเรียกว่า Alloplastic หรืออาจจะเป็นแผ่นซิลิโคน ทีนี้เวลาเราเสริมแบบนั้น สมัยก่อนจะทำแบบนั้น ง่ายๆ สิ่งที่เกิดขึ้นคือมันไม่ค่อยธรรมชาติ บางทีจะมีการกดทับ เทคนิคการผ่าตัดทำได้ยาก การผ่าตัดแบบนี้จึงไม่ได้รับความนิยม
ในอดีตเมื่อ 20 ปีที่ผ่านจะเสริมแบบนี้เยอะ แม้แต่ที่ใบหน้าก็ตาม แต่ที่หน้าเวลาเราต้องการจะให้โหนกแก้มสูงขึ้น หรือคาง หน้าผาก ส่วนใหญ่จะนิยมการผ่า และเสริม เจาะรู เย็บ เหมือนตอกตะปูเย็บเก็บไว้มากกว่า”
2) ฉีดไขมัน

“ปัญหาของการฉีดไขมันในอดีตคือ มันไม่ค่อยอยู่ตัว เวลาเราฉีดไขมันลงไป เซลล์ของมันจะเหลือน้อย เหลือกี่เปอร์เซ็นต์หลังจากฉีด ฉีด 100 โดยปกติ ถ้าเทคนิคไม่ดี อาจจะหายหมดเลย หรือเกือบหมด ถ้าเทคนิคดี ฝีมือหมอดีหน่อย นุ่มนวลหน่อย สามารถสกัดไขมันได้ดี อาจจะได้เซลล์ไขมันที่สูงขึ้นสัก 30 แต่มันต้องทำหลายรอบ
มีข้อจำกัดคือ ฉีดเยอะไม่ได้ คนผอมก็ไม่ได้ เพราะไม่มีไขมันต้องฉีดเยอะ คนผอมจึงทำไม่ได้ ถึงแม้จะมีไขมันแต่ก็นำมาฉีดเยอะไม่ได้ เพราะไขมันจะตายเยอะ ไขมันต้องมีเลือดไปเลี้ยงตรงกลาง ฉีดเข้าไปก้อนใหญ่ๆ ตรงกลางตายหมดแน่นอน มันต้องฉีดทีละน้อย ดังนั้น ต้องเจ็บตัวหลายที”
3) ร้อยไหมยกกระชับ

“อีกวิธีไม่ใช่การเสริม แต่ทำให้กระชับขึ้น ด้วยการใช้ไหมยกกระชับ แต่จะเป็นไหมเส้นใหญ่กว่าใบหน้า ก้นย้อยลงมาร้อยไหมให้ก้นเด้งกลมกลึงขึ้นมาได้ แต่ปริมาตรไม่ได้เพิ่มขึ้นนะ เช่นเดียวกับการทำกับหน้า
ในความเห็นผมส่วนตัว เกาหลีเขาทำกันเยอะนะ แต่เมืองไทยมีข้อจำกัด หนึ่ง-ราคาแพง สอง-ผลที่ได้มันสวยสู้วิธือื่นไม่ได้ ปริมาตรก็ไม่ได้ใหญ่ขึ้น อาจจะแค่ตึงขึ้นเฟิร์มขึ้น และสาม-เจ็บ”
4) ฟิลเลอร์

“เมื่อนวัตกรรมฟิลเลอร์ (Filler) เข้ามา จึงหันมาฉีดฟิลเลอร์กัน โดยเฉพาะคนญี่ปุ่น จะฉีดเติมเต็มด้วยสาร Hyaluronic Acid (HA) ทว่าจริงๆ แล้ว ฟิลเลอร์สำหรับฉีดสะโพก และก้นที่ approved ในเมืองไทยยังไม่มี ส่วนการเสริมหน้าอกนิยมการใช้ถุงซิลิโคนมากกว่า ปลอดภัย ถูกกว่า ดังนั้นเรื่องการเสริมก้นคนยังไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไปทำไม
ในต่างประเทศก็จะเป็นตัว HA ซึ่งในความเป็นจริง HA มันแพง สลายเร็ว และสะโพกต้องใช้เยอะ ใช้ 100-200 ซีซี ได้นิดเดียวเอง ปัญหาคือมีฟิลเลอร์พิเศษอยู่ตัวคือขนาดของมัน 10 ซีซี ถ้าในบ้านเราที่ใช้กันอยู่คือประมาณ 1-2 ซีซีต่อหลอด แต่ตัวนี้พิเศษหน่อย 10 ซีซี อย่างใช้ 100 ซีซี ก็ต้องใช้ 10 หลอด ก็ยังเปลือง
ในทางปฏิบัติก็ไม่ค่อย practical เพราะจริงๆ แล้ว ฉีดไม่ไหว ราคาแพง
แต่คนญี่ปุ่นนิยม เพราะว่าคนญี่ปุ่นไม่ชอบการผ่าตัด คนละขั้วกับเกาหลีเลยนะ คนญี่ปุ่นกลัวการผ่าตัด อย่างฉีดก็มากแล้วสำหรับเขา ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เขาจะไม่ทำเลย จะเน้นทำเลเซอร์เล็กๆ น้อยๆ ถ้าเป็นเกาหลีนะ ตั้งแต่เด็กเลย” คุณหมอกล่าว และเล่าถึงวิธีสุดท้ายในการอัพก้นเด้งที่เวิร์คที่สุด
5) ไขมันผสมสเต็มเซลล์

“สุดท้ายฟิลเลอร์ก็ไม่ดี ไขมันก็ไม่โอเค ผ่าเสริมวัสดุก็ไม่ไหว ร้อยไหมก็แค่ยกกระชับไม่ได้ใหญ่ขึ้น สุดท้ายมาจบด้วยไขมันผสมสเต็มเซลล์
ข้อดีคือ เซลล์ไขมันจะสูงขึ้น เหลือประมาณ 50-60% ขึ้นไป แล้วแต่ฝีมือแพทย์เช่นกัน โอกาสคนไข้จะมาโดนฉีดซ้ำก็น้อยลง stable มากกว่า หรือทำเสร็จครั้งเดียวก็พอแล้ว เพราะการฉีดไขมัน ราคาแพงมาก สูงที่สุดใน 4 วิธี อย่างฉีดหน้าอกก็ 4-5 แสน ฉีดก้นก็น่าจะพอๆ กัน ขั้นตอนกว่าจะเสร็จก็ใช้เวลาเยอะมาก
ไขมันผสมสเต็มเซลล์ต่างจากฉีดไขมันธรรมดาตรงที่ดูดไขมันออกมาเหมือนเดิม แต่ไขมันส่วนหนึ่งจะนำไปสกัด เพราะในไขมันของเรามีสเต็มเซลล์อยู่จำนวนเยอะด้วย สมัยก่อนยังไม่ทราบกันคิดว่ามีอยู่แต่ในเลือด ปรากฏว่าไขมันมีสเต็มเซลล์มากกว่าในเลือด เวลาดูดเลือดจะดึงเอาสเต็มเซลล์ออกมา ต้องใช้เลือดเยอะมาก เป็นถุงๆ สมมติถุงหนึ่ง 300-500 ซีซี ดูดไขมัน 300-500 เหมือนกัน ไขมันได้มากกว่าเป็นสิบเท่า ดังนั้นไขมันเป็นตัวให้สเต็มเซล์ดีกว่า แถมไขมันเอามาที 2-3 ลิตรได้เลย
ขั้นตอนคือ ดูดไขมันมาก่อน ไขมันส่วนหนึ่งก็นำไปปั่น แยกสเต็มเซลล์ออกมาส่วนหนึ่ง แทนที่จะดูดมากองเดียวแล้วฉีดกลับไปเลย เขาก็ดูดมาแล้วเเบ่งเป็น 2 กอง กองหนึ่งก็เอาเฉพาะสเต็มเซลล์มา จากนั้นผ่านกระบวนการกระตุ้นสเต็มเซลล์ให้มันตื่นตัว จากนั้นใส่เข้าไปในไขมันอีกกองเพราะกองนั้นเสียไปแล้ว ตัวสเต็มเซลล์จะไปกระตุ้นการแบ่งเซลล์สร้างไขมันเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเซลล์ที่มันตายลง
ไขมันที่ก้นมันเหมือนตัวโช๊คอัพ เหมือนตัวรองรับ หน้าที่ไขมันคือ ตัวรับแรงกระแทก ดังนั้นการฉีดไขมันผสมสเต็มเซลล์เหมาะที่สุดในการเสริมบั้นท้าย” คุณหมอพูดชัดเจน
*เตือน -> ตลาดมืดซื้อขายฟิลเลอร์เป็นถุง!!

อย่างไรก็ตาม คุณหมอย้ำว่า “ฉีดฟิลเลอร์ที่สะโพกผมว่าไม่เหมาะนะ” พร้อมกล่าวต่อว่า
“ในเมืองไทยมีปัญหา ไม่ผ่าน อย. ถึงจะผ่านแต่ในทางปฏิบัติก็ไม่เหมาะสมเพราะต้องใช้ยาในปริมาณมาก ทว่าก็มีตลาดมืด ฟิลเลอร์ที่ไม่ผ่าน อย. คือ จะมีฟิลเลอร์ชนิดหนึ่งที่ไม่ผ่าน อย.เลย เป็นสารไม่ทำปฏิกิริยา ฉีดเข้าไปก็อยู่อย่างนี้ ช่วงแรกไม่มีปัญหาหรอก แต่พอระยะยาวปีสองปี มันไม่สลายตัว ก็เกิดปัญหา
พวกนี้จะมาในลักษณะเป็นถุงฟิลเลอร์ น่าจะรู้อยู่แล้ว พอบอกว่าฉีดฟิลเลอร์ที่สะโพกไม่ใช่ฟิลเลอร์ที่ดีแน่นอน เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณไปฉีดฟิลเลอร์ที่สะโพก เมื่อนั้นคุณโดนสารตัวนี้แล้ว เขาไปใช้สาร HA มาฉีดแน่ๆ เพราะฟิลเลอร์พวกนี้มันมาครั้งละ 50-100 ซีซี อยู่แล้วต่อถุง เหมือนถุงน้ำเกลือ พูดง่ายๆ มันเอาไว้ฉีดสะโพกแน่นอน
คนที่ทำมีปัญหาเยอะ สวยปีแรก หลังจากนั้นเริ่มเปลี่ยนสภาพ เนื้อเยื่อเราเริ่มปรับตัว มีการเคลื่อน ปัญหาตามมาเยอะ” คุณหมอ กล่าวปิดท้าย
แต่หากสาวใดใจไม่กล้าจะฉีดอัพก้น ใช้วิธีออกกำลังกายยกกระชับ หรือกางเกงในเสริมก้น ก็เป็นตัวช่วยได้นะคะ และสาวใดเซลฟ์จัดอยากโชว์แก้มก้น รบกวนเลือกชุดด้วยจ้า…

ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
ว่ากันว่า เทรนด์การฉีดไขมันบริเวณก้น ให้เด้งดึ๋งกำลังฮิตมากในแวดวงไอดอลสาวเกาหลีอย่างเกิร์ลแบนด์ตัวแม่ Girl's generation, Girls Day และ F(x)
ปาร์คโซจิน จาก Girls Day หรือ เจสสิกา จาก Girl's Generation คือไอดอลสาวที่สื่อแดนกิมจิเชื่อว่าฉีดชัวร์!
ทว่าทำไมพวกเธอต่างก็มีรอยจุดสีดำที่ต้นขา อ๊ะ! ไฝก็ไม่ใช่ แถมเกิดขึ้นในบริเวณใกล้กับก้นในแบบเดียวกัน ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นรอยที่เกิดจากการฉีดไขมัน หรือฉีดซิลิโคนเพื่อยกกระชับก้นให้เด้ง เพื่อเหมาะแก่การใส่กระโปรง กางเกงสั้นๆ เพื่อให้เห็นแก้มก้น และเหมาะในการถ่ายเจาะ
อ่าน ไอดอลเกาหลีแห่ฉีดก้นเติมความ "เด้ง-เต่ง-ตึง"
เราลองมาฟัง นพ.พุฒิพงศ์ ภูมิสุวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามและชะลอวัย ผู้ก่อตั้งศูนย์นวัตกรรมความงามกรุงเทพ AIC (Aesthetic Innovation Center) พ่วงด้วย ผู้อำนวยการต่างประเทศ เอเชียแฟซิฟิก สมาคมแพทย์เกาหลีเพื่อความงาม และศัลยกรรมความงาม วิเคราะห์กันค่ะ ว่าจุดดำบริเวณก้นมันคืออะไรกัน
"ผมก็เชื่อว่าเขาทำนะ แต่ไม่น่าจะทำให้เห็นรอย เพราะเขาต้องรู้อยู่แล้ว นี่ก็ตั้งใจถ่ายให้เห็น" คุณหมอผู้คร่ำหวอดในแวดวงความงามเกาหลีกล่าวหลังจากเห็นรูปเหล่าสาวไอดอล
"ตำแหน่งฉีดมันมีหลายจุด ผมก็งงกับภาพนะ ผมว่าไม่น่าใช่รอยเข็ม เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ปกติทำแล้วจะมาออกงานให้เห็นขนาดนี้ สมมติมีรอยจริง คอนซีลเลอร์ บีบีครีมเกาหลีดีๆ ก็เยอะ กลบได้นี่ ไม่มีรอยให้เห็นหรอก ไม่น่าจะเป็นรอยเข็ม
เพราะเกาหลีเนียนมากเรื่องพวกนี้ เวลาออกสื่อ ออกงานแต่ละครั้งเขาจะเนียนมาก เขาดูละเอียดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเลย เขาไม่พลาดหรอก" คุณหมอย้ำว่าไม่น่าจะใช่รอยเข็มจากการฉีดไขมันเพื่อให้บั้นท้ายงอนงาม เพราะเกาหลีไม่หลุดแน่นอน พร้อมให้ความรู้ถึงวิธีการเสริมบั้นท้าย ว่ามีวิธีใดบ้าง
“แน่นอน เวลาก้นแบนใส่อะไรก็ไม่สวย หากใส่กางเกงรัดรูปแล้วมีก้นเด้งขึ้นมา จะยิ่งดูเซ็กซี่ รับกับสะโพก เอว” คุณหมอกล่าว และอธิบายถึงเทคนิคต่างๆ ในการเสริมบั้นท้าย 5 วิธีหลักทั้งข้อดีข้อเสีย ดังนี้
1) ผ่าตัดเสริมวัสดุ
“เสริมด้วยแผ่นยาง แผ่นพลาสติก เขาเรียกว่า Alloplastic หรืออาจจะเป็นแผ่นซิลิโคน ทีนี้เวลาเราเสริมแบบนั้น สมัยก่อนจะทำแบบนั้น ง่ายๆ สิ่งที่เกิดขึ้นคือมันไม่ค่อยธรรมชาติ บางทีจะมีการกดทับ เทคนิคการผ่าตัดทำได้ยาก การผ่าตัดแบบนี้จึงไม่ได้รับความนิยม
ในอดีตเมื่อ 20 ปีที่ผ่านจะเสริมแบบนี้เยอะ แม้แต่ที่ใบหน้าก็ตาม แต่ที่หน้าเวลาเราต้องการจะให้โหนกแก้มสูงขึ้น หรือคาง หน้าผาก ส่วนใหญ่จะนิยมการผ่า และเสริม เจาะรู เย็บ เหมือนตอกตะปูเย็บเก็บไว้มากกว่า”
2) ฉีดไขมัน
“ปัญหาของการฉีดไขมันในอดีตคือ มันไม่ค่อยอยู่ตัว เวลาเราฉีดไขมันลงไป เซลล์ของมันจะเหลือน้อย เหลือกี่เปอร์เซ็นต์หลังจากฉีด ฉีด 100 โดยปกติ ถ้าเทคนิคไม่ดี อาจจะหายหมดเลย หรือเกือบหมด ถ้าเทคนิคดี ฝีมือหมอดีหน่อย นุ่มนวลหน่อย สามารถสกัดไขมันได้ดี อาจจะได้เซลล์ไขมันที่สูงขึ้นสัก 30 แต่มันต้องทำหลายรอบ
มีข้อจำกัดคือ ฉีดเยอะไม่ได้ คนผอมก็ไม่ได้ เพราะไม่มีไขมันต้องฉีดเยอะ คนผอมจึงทำไม่ได้ ถึงแม้จะมีไขมันแต่ก็นำมาฉีดเยอะไม่ได้ เพราะไขมันจะตายเยอะ ไขมันต้องมีเลือดไปเลี้ยงตรงกลาง ฉีดเข้าไปก้อนใหญ่ๆ ตรงกลางตายหมดแน่นอน มันต้องฉีดทีละน้อย ดังนั้น ต้องเจ็บตัวหลายที”
3) ร้อยไหมยกกระชับ
“อีกวิธีไม่ใช่การเสริม แต่ทำให้กระชับขึ้น ด้วยการใช้ไหมยกกระชับ แต่จะเป็นไหมเส้นใหญ่กว่าใบหน้า ก้นย้อยลงมาร้อยไหมให้ก้นเด้งกลมกลึงขึ้นมาได้ แต่ปริมาตรไม่ได้เพิ่มขึ้นนะ เช่นเดียวกับการทำกับหน้า
ในความเห็นผมส่วนตัว เกาหลีเขาทำกันเยอะนะ แต่เมืองไทยมีข้อจำกัด หนึ่ง-ราคาแพง สอง-ผลที่ได้มันสวยสู้วิธือื่นไม่ได้ ปริมาตรก็ไม่ได้ใหญ่ขึ้น อาจจะแค่ตึงขึ้นเฟิร์มขึ้น และสาม-เจ็บ”
4) ฟิลเลอร์
“เมื่อนวัตกรรมฟิลเลอร์ (Filler) เข้ามา จึงหันมาฉีดฟิลเลอร์กัน โดยเฉพาะคนญี่ปุ่น จะฉีดเติมเต็มด้วยสาร Hyaluronic Acid (HA) ทว่าจริงๆ แล้ว ฟิลเลอร์สำหรับฉีดสะโพก และก้นที่ approved ในเมืองไทยยังไม่มี ส่วนการเสริมหน้าอกนิยมการใช้ถุงซิลิโคนมากกว่า ปลอดภัย ถูกกว่า ดังนั้นเรื่องการเสริมก้นคนยังไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไปทำไม
ในต่างประเทศก็จะเป็นตัว HA ซึ่งในความเป็นจริง HA มันแพง สลายเร็ว และสะโพกต้องใช้เยอะ ใช้ 100-200 ซีซี ได้นิดเดียวเอง ปัญหาคือมีฟิลเลอร์พิเศษอยู่ตัวคือขนาดของมัน 10 ซีซี ถ้าในบ้านเราที่ใช้กันอยู่คือประมาณ 1-2 ซีซีต่อหลอด แต่ตัวนี้พิเศษหน่อย 10 ซีซี อย่างใช้ 100 ซีซี ก็ต้องใช้ 10 หลอด ก็ยังเปลือง
ในทางปฏิบัติก็ไม่ค่อย practical เพราะจริงๆ แล้ว ฉีดไม่ไหว ราคาแพง
แต่คนญี่ปุ่นนิยม เพราะว่าคนญี่ปุ่นไม่ชอบการผ่าตัด คนละขั้วกับเกาหลีเลยนะ คนญี่ปุ่นกลัวการผ่าตัด อย่างฉีดก็มากแล้วสำหรับเขา ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เขาจะไม่ทำเลย จะเน้นทำเลเซอร์เล็กๆ น้อยๆ ถ้าเป็นเกาหลีนะ ตั้งแต่เด็กเลย” คุณหมอกล่าว และเล่าถึงวิธีสุดท้ายในการอัพก้นเด้งที่เวิร์คที่สุด
5) ไขมันผสมสเต็มเซลล์
“สุดท้ายฟิลเลอร์ก็ไม่ดี ไขมันก็ไม่โอเค ผ่าเสริมวัสดุก็ไม่ไหว ร้อยไหมก็แค่ยกกระชับไม่ได้ใหญ่ขึ้น สุดท้ายมาจบด้วยไขมันผสมสเต็มเซลล์
ข้อดีคือ เซลล์ไขมันจะสูงขึ้น เหลือประมาณ 50-60% ขึ้นไป แล้วแต่ฝีมือแพทย์เช่นกัน โอกาสคนไข้จะมาโดนฉีดซ้ำก็น้อยลง stable มากกว่า หรือทำเสร็จครั้งเดียวก็พอแล้ว เพราะการฉีดไขมัน ราคาแพงมาก สูงที่สุดใน 4 วิธี อย่างฉีดหน้าอกก็ 4-5 แสน ฉีดก้นก็น่าจะพอๆ กัน ขั้นตอนกว่าจะเสร็จก็ใช้เวลาเยอะมาก
ไขมันผสมสเต็มเซลล์ต่างจากฉีดไขมันธรรมดาตรงที่ดูดไขมันออกมาเหมือนเดิม แต่ไขมันส่วนหนึ่งจะนำไปสกัด เพราะในไขมันของเรามีสเต็มเซลล์อยู่จำนวนเยอะด้วย สมัยก่อนยังไม่ทราบกันคิดว่ามีอยู่แต่ในเลือด ปรากฏว่าไขมันมีสเต็มเซลล์มากกว่าในเลือด เวลาดูดเลือดจะดึงเอาสเต็มเซลล์ออกมา ต้องใช้เลือดเยอะมาก เป็นถุงๆ สมมติถุงหนึ่ง 300-500 ซีซี ดูดไขมัน 300-500 เหมือนกัน ไขมันได้มากกว่าเป็นสิบเท่า ดังนั้นไขมันเป็นตัวให้สเต็มเซล์ดีกว่า แถมไขมันเอามาที 2-3 ลิตรได้เลย
ขั้นตอนคือ ดูดไขมันมาก่อน ไขมันส่วนหนึ่งก็นำไปปั่น แยกสเต็มเซลล์ออกมาส่วนหนึ่ง แทนที่จะดูดมากองเดียวแล้วฉีดกลับไปเลย เขาก็ดูดมาแล้วเเบ่งเป็น 2 กอง กองหนึ่งก็เอาเฉพาะสเต็มเซลล์มา จากนั้นผ่านกระบวนการกระตุ้นสเต็มเซลล์ให้มันตื่นตัว จากนั้นใส่เข้าไปในไขมันอีกกองเพราะกองนั้นเสียไปแล้ว ตัวสเต็มเซลล์จะไปกระตุ้นการแบ่งเซลล์สร้างไขมันเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเซลล์ที่มันตายลง
ไขมันที่ก้นมันเหมือนตัวโช๊คอัพ เหมือนตัวรองรับ หน้าที่ไขมันคือ ตัวรับแรงกระแทก ดังนั้นการฉีดไขมันผสมสเต็มเซลล์เหมาะที่สุดในการเสริมบั้นท้าย” คุณหมอพูดชัดเจน
*เตือน -> ตลาดมืดซื้อขายฟิลเลอร์เป็นถุง!!
อย่างไรก็ตาม คุณหมอย้ำว่า “ฉีดฟิลเลอร์ที่สะโพกผมว่าไม่เหมาะนะ” พร้อมกล่าวต่อว่า
“ในเมืองไทยมีปัญหา ไม่ผ่าน อย. ถึงจะผ่านแต่ในทางปฏิบัติก็ไม่เหมาะสมเพราะต้องใช้ยาในปริมาณมาก ทว่าก็มีตลาดมืด ฟิลเลอร์ที่ไม่ผ่าน อย. คือ จะมีฟิลเลอร์ชนิดหนึ่งที่ไม่ผ่าน อย.เลย เป็นสารไม่ทำปฏิกิริยา ฉีดเข้าไปก็อยู่อย่างนี้ ช่วงแรกไม่มีปัญหาหรอก แต่พอระยะยาวปีสองปี มันไม่สลายตัว ก็เกิดปัญหา
พวกนี้จะมาในลักษณะเป็นถุงฟิลเลอร์ น่าจะรู้อยู่แล้ว พอบอกว่าฉีดฟิลเลอร์ที่สะโพกไม่ใช่ฟิลเลอร์ที่ดีแน่นอน เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณไปฉีดฟิลเลอร์ที่สะโพก เมื่อนั้นคุณโดนสารตัวนี้แล้ว เขาไปใช้สาร HA มาฉีดแน่ๆ เพราะฟิลเลอร์พวกนี้มันมาครั้งละ 50-100 ซีซี อยู่แล้วต่อถุง เหมือนถุงน้ำเกลือ พูดง่ายๆ มันเอาไว้ฉีดสะโพกแน่นอน
คนที่ทำมีปัญหาเยอะ สวยปีแรก หลังจากนั้นเริ่มเปลี่ยนสภาพ เนื้อเยื่อเราเริ่มปรับตัว มีการเคลื่อน ปัญหาตามมาเยอะ” คุณหมอ กล่าวปิดท้าย
แต่หากสาวใดใจไม่กล้าจะฉีดอัพก้น ใช้วิธีออกกำลังกายยกกระชับ หรือกางเกงในเสริมก้น ก็เป็นตัวช่วยได้นะคะ และสาวใดเซลฟ์จัดอยากโชว์แก้มก้น รบกวนเลือกชุดด้วยจ้า…
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net