xs
xsm
sm
md
lg

เพชรทรงคุณค่า สมัย ร.5 กับการตามหาของ “พุทธพงษ์ เพียรเจริญ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พุทธพงษ์ เพียรเจริญ
 
เรื่องราวการพลัดพรากแล้วกลับมาพบกันใหม่ ไม่ได้เกิดขึ้นกับเฉพาะสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า “รัก” หรือเรื่องแต่งในนวนิยายน้ำเน่าเท่านั้น หากแต่กับเครื่องประดับโบราณที่ล้ำค่า ก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน เมื่อ โจ๊ก-พุทธพงษ์ เพียรเจริญ ถูกกำหนดให้ได้ครอบครองสร้อยเพชรระย้า เส้นที่ประทับใจในวัยเด็ก เขารู้สึกดีใจแต่ก็ต้องเหน็ดเหนื่อย กับการตามหาจี้เพชรของคู่กันที่ขาดหายไป โดยใช้เวลานานกว่า 10 ปี ของที่พลัดพรากจากกันจึงได้กลับมาพบกันอีก

 
ที่บ้านสวยหลังเล็กน่ารักริมแม่น้ำเจ้าพระยา โจ๊ก-พุทธพงษ์ เปิดประตูต้อนรับเราอย่างเป็นกันเอง ในบ้านที่ได้รับการตกแต่งแบบเรียบหรู เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นล้วนเป็นของเก่างดงามและทรงคุณค่า ที่เจ้าตัวบอกว่าได้มาจากต่างที่ต่างเวลา แต่ทั้งหมดเมื่อนำมาจัดวางก็เข้ากันได้อย่างเหลือเชื่อ
โจ๊ก จัดเป็นนักสะสมเครื่องเพชรและอัญมณีในระดับแถวหน้า ซึ่งเป็นที่รู้จักดีของเหล่านักสะสม ของสะสมที่ได้มาทุกชิ้นสวยงามตามแบบฉบับศิลปะโบราณ โจ๊กมาจากครอบครัวชั้นกลาง เมื่อสมัยเด็กไม่ค่อยชอบเรียนหนังสือ ส่วนใหญ่จะขลุกตัวอยู่ในห้องสมุด เพราะชื่นชอบหนังสือประวัติศาสตร์ราชวงศ์ไทย ชอบดูภาพราชนิกูลไทย “ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร รู้แต่ชอบดูภาพงานพระราชประเพณี เพราะได้เห็นเจ้านายแต่งองค์ทรงเครื่องเพชร พอเห็นแล้วประทับใจทุกพระองค์ ตอนนั้นคิดอยากได้อยากมีสร้อย มีแหวนโบราณ แต่ทั้งหมดก็เป็นเรื่องที่ไกลเกินฝัน”

 
จากวันนั้นถึงวันนี้...ระยะเวลากว่า 17 ปี ใครจะเชื่อว่าเรื่องที่โจ๊กคิดว่าไกลเกินฝัน จะกลายเป็นจริง โจ๊กได้ทำงานที่ตัวเองรัก คือรับซื้อ-ขายอัญมณีเก่า ทำให้เขามีโอกาสได้ครอบครองเครื่องเพชรและเครื่องทองโบราณ ที่วิจิตรงดงามตามแบบฉบับมากมาย บางชิ้นคาดว่าเป็นของที่เจ้านายเคยทรง
ส่วนหนึ่งของเครื่องทองสะสม
 
โจ๊กบอกว่า ถ้าเป็นทองเก่าเพชรเก่าจะรักมาก หากมีคนมาเสนอขายหรือไปพบโดยบังเอิญ ชิ้นไหนมีความรู้สึกเหมือน “รักแรกพบ” ก็จะซื้อเก็บทันที ในจำนวนสมบัติกว่าร้อยชิ้นที่เก็บไว้นั้น ชิ้นที่เขารักมากที่สุดคือ “สายสร้อยเพชรระย้า” พร้อมจี้เพชรน้ำงามขนาดใหญ่ เพราะนอกจากความงดงามแล้ว กว่าจะหามาได้ครบชุดก็ใช้เวลานานเกือบ 10 ปี ในการตามหารักแรกพบชุดนี้
พุทธพงษ์กับแหวนเพชรเม็ดเดี่ยวทรงเหลี่ยมน้ำงาม แหวนวงโปรดที่ใส่ออกงานเป็นประจำ
 
โจ๊กเล่าถึงการค้นหาของรักของหวงชิ้นนี้ว่า “ผมพบสายสร้อยก่อน เป็นสร้อยระย้า 3 เส้นคล้องกัน พอเห็นปุ๊บก็รักทันที รู้สึกคุ้นเคยแต่นึกไม่ออกว่าเห็นจากที่ไหน ตอนนั้นอยากได้มากแต่เอาเงินไปไม่พอเลยขอมัดจำไว้ แล้วรีบกลับบ้านมาค้นหนังสือ ก็มาเจอว่าเป็นสร้อยในสมัยรัชกาลที่ 5 ตอนนั้นเชื่อมั๊ยผมดีใจมาก ก็รีบกลับไปที่ร้านถามเขาว่ามีแต่สร้อยเหรอ มีจี้มั้ย ทางร้านบอกไม่มี ผมก็ซื้อสร้อยมาเก็บไว้แล้วก็ตามหาชิ้นต่อไป”

จากนั้นโจ๊กก็เริ่มตามหาจี้เพชรที่เข้าชุด ซึ่งระหว่างที่รอโจ๊กจะนำสร้อยมาใช้ในโอกาสที่จำเป็น แต่แปลกที่ว่า สร้อยเส้นนี้นำไปใส่กับอะไรก็ไม่เข้ากันเลย “ผมลองเอาจี้ทั้งขนาดและแบบที่ใกล้เคียงกัน มาใส่กับสร้อยเส้นนี้แต่ก็ไม่สวย ผมรู้สึกคล้ายกับว่า สร้อยเส้นนี้อยากจะบอกผมว่าไม่ชอบ เพราะเขารอจี้ที่เป็นคู่ของเขาอยู่ ตรงนี้ยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่า ผมต้องรีบตามหาจี้ให้เร็วที่สุด”
สายสร้อยเพชรพร้อมจี้เพชรก้นตัดต่อเชิงระย้าของรักของหวงของ พุทธพงษ์
 
เวลาแห่งการรอคอยจี้เพชรชิ้นที่สองนี้ ดูเหมือนจะเป็นช่วงที่ทรมานมาก หลายครั้งที่มีคนบอกว่า มีจี้เพชรอยู่ตรงนั้น-ตรงนี้ โจ๊กจะรีบไปดูทันที ใช้เวลาตามหาจี้นานกว่า 7 ปี จนในที่สุดเขาก็ยอมแพ้ เพราะคิดว่าคงไม่มีวาสนาจะได้ครอบครองแล้ว จึงตัดสินใจขายสร้อยให้คนรู้จักไปในราคา 150,000 บาท "เชื่อไหม? พอขายไปแล้ว คนที่ซื้อไปโทรมาเล่าว่า ใส่สร้อยเส้นนี้ที่ไรปวดคอ ปวดไหล่ ปวดบ่าทุกครั้ง และคนในบ้านเขาจะเห็นผู้หญิงแต่งชุดโบราณเดินไปเดินมาในบ้าน ผมฟังแล้วเชื่อนะครับ แต่จะขอคืนเขาก็ไม่ให้”

 
หลังจากขายสร้อยไปได้ 2 ปี เพื่อนคนหนึ่งโทรมาบอกว่า เจอจี้เพชรชิ้นที่เขาอยากได้แล้วให้รีบมาดู “ตอนนั้นเหมือนโลกจะสลาย เสียดายมาก เพราะสร้อยไม่อยู่แล้ว ถ้าได้จี้มาผมก็ไม่รู้ว่าจะไปตามสร้อยคืนมาได้หรือเปล่า ก็เลยบอกเพื่อนไปว่าไม่เอาแล้ว แต่ลึกๆ ในใจก็อดเสียดายไม่ได้ เพราะเก็บสร้อยรอมาได้ตั้ง 7 ปี ถ้าอดใจอีกนิดเขาคงเจอกัน คิดวนเวียนแบบนี้หลายคืน เพื่อนก็โทรมาบิวต์ตลอด บอกถ้าไม่มาอีก 2 วัน จะมีคนมาเอาไปแล้วนะ ผมก็ปฏิเสธไป จนถึงวันที่จะมีคนมาเอาจี้ไป ผมอยู่ไม่ได้รีบขับรถไปหาเพื่อนแต่เช้า พอเห็นจี้เพชรเท่านั้นผมรู้สึกขนลุก รู้เลยว่านี่เป็นของของเรา ผมรีบคว้ากล่องมาไว้กับตัวเลย (หัวเราะ) จ่ายเงินเสร็จ รีบขับรถไปบ้านพี่ที่เขาซื้อสร้อยไป ไปอ้อนวอนขอซื้อสร้อยคืน คุยกันตั้งแต่เที่ยงวัน กว่าเขาจะใจอ่อนยอมขายให้ประมาณ 3 ทุ่มกว่า”

 
เมื่อเครื่องประดับทั้ง 2 ชิ้นมาพบกันแล้ว โจ๊กบอกดีใจมาก นั่งชื่นชมเป็นสัปดาห์ทั้งยังดีใจที่สามารถทำให้สร้อยเส้นนี้กลับมาเข้าคู่กันได้ในที่สุด สำหรับเขาแล้วเสน่ห์แห่งสร้อยเส้นนี้อยู่ที่การออกแบบ ลวดลาย และการจัดวางที่อ่อนช้อย สร้อยและจี้แกะออกจากกันให้เป็นอิสระได้ สามารถดัดแปลงการใช้งานเพื่อให้เหมาะกับวาระ ตัวจี้นำมาทำเป็นเข็มกลัดได้

 
ปัจจุบันเครื่องเพชรโบราณล้ำค่าหลายชิ้น ที่เจ้านายเคยทรงนั้น ได้กลายเป็นมรดกตกทอดสืบเนื่องในเชื้อพระวงศ์ตามธรรมเนียม หลายชิ้นถูกครอบครองโดยสามัญชน ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ ทั้งนี้ ม.ล.เนื่อง นิลรัตน์ ข้าหลวงในพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏฯ เคยเล่าไว้ว่า อัญมณีเหล่านี้แม้จะเป็นสิ่งมีค่ามีราคา แต่ในความรู้สึกของเจ้านายสมัยนั้น ค่าหรือราคาของอัญมณีเหล่านั้น มิได้มีมากไปกว่าค่าของคน ทรงแบ่งปันแจกจ่ายให้เป็นความสวยงามแก่ผู้ที่อยู่ใกล้ชิด หรือเป็นรางวัลแก่ผู้ที่ทำความดี
ม.ล.เนื่องยังเล่าถึงตัวอย่างว่า ครั้งหนึ่งพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฎ โปรดประทานตุ้มหูเพชรเป็นรางวัลแก่ข้าหลวงชื่อ “ปยง” ที่นำห่อเพชรซึ่งพลัดเข้าไปอยู่ใต้ตู้มาถวายคืน ด้วยความเมตตา สร้างความปีติแก่ข้าหลวงผู้นั้นมากมาย

 
ทุกวันนี้โจ๊กเก็บเครื่องเพชรและเครื่องทองไว้มากมายเป็นอย่างดี ที่เซฟธนาคารแห่งหนึ่ง วันใดที่คิดถึงก็จะไปหา โดยชิ้นที่นำมาให้เราได้ชื่นชมนั้น จัดเป็นชิ้นพิเศษแม้จะหวงแหน แต่ก็ยินดีให้เรานำเรื่องราวมาถ่ายทอด โดยหวังเพียงให้เด็กรุ่นหลังได้เล็งเห็นคุณค่าความเป็นอยู่ของคนสมัยก่อนว่าศิวิไลซ์เพียงใด

 
“ของทุกชิ้นที่เก็บ ผมเชื่อว่ามีที่มาที่ไป มีเรื่องราวมากมาย แต่ไม่เคยคิดจะรื้อฟื้นหรือค้นหาว่าเป็นของใคร ผมรู้แค่ว่า เมื่อได้มาจะต้องเก็บรักษาแทนเจ้าของให้ดีที่สุด” โจ๊ก-พุทธพงษ์ เพียรเจริญ กล่าวทิ้งท้ายก่อนกันในวันนั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น