xs
xsm
sm
md
lg

ขนาดไหนเข้าข่าย“ผิดปกติทางเพศ”?(1)/Dr.DEN Sexociety

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ Sexociety โดย Dr.DEN

เรื่องของ “ความเป็นปกติทางเพศ” นั้นกว้างขวางมาก กระนั้นหลายคนก็ใช้เวลาจำนวนมากโดยไม่จำเป็นในการกังวลว่าตัวเองจะเป็นคนปกติหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นความคิดเกี่ยวกับพลังขับดันทางเพศของเราหรือรูปลักษณ์ภายนอกของเรา แต่ส่วนใหญ่แล้วมันก็ถือว่าเป็นความปกตินั่นแหละ

ส่วนความผิดปกติทางเพศนั้นมันต้องทำให้คนๆ นั้น เห็นได้ชัดว่าแตกต่างจากบรรทัดฐานทั่วไปจริงๆ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วหายากมาก บางคนเป็นมาตั้งแต่เกิด ในขณะที่บางคนเกิดอาการแปลกๆ ขึ้นในภายหลัง เราจึงจำแนกสภาวะผิดปกติทางเพศออกเป็น 10 แบบใหญ่ๆ ดังนี้

1. การตื่นตัวของอวัยวะเพศอย่างต่อเนื่องผิดปกติ (PESISTENT GENITAL AROUSAL DISORDER: PGAD)

ผู้หญิงที่มีอวัยวะเพศตื่นตัวต่อเนื่องผิดปกติ (PGAD) นั้น จะอยู่ในสภาวะที่ถูกกระตุ้นทางเพศตลอดเวลา อาการที่แท้จริงของ PGAD มีแตกต่างกันไป ผู้หญิงมักประสบกับสัญญาณกระตุ้นทางกายภาพอยู่บ่อยๆ รวมทั้งการมีเลือดคั่งในอวัยวะเพศของพวกเธอโดยไม่ได้กำลังนึกถึงเรื่องเซ็กซ์ด้วยซ้ำ พวกเธอยังอาจมีพื้นที่บริเวณอวัยวะเพศที่ไวสัมผัส อย่าง การขับรถ ขี่จักรยานหรือการสวมเสื้อผ้าบางชนิดสามารถกระตุ้นอารมณ์เพศได้ด้วย

คนที่เป็น PGAD บางครั้งก็บรรลุจุดสุดยอดโดยทันทีหลายสิบครั้งในแต่ละวัน หรือพวกเธออาจต้องสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองเพื่อบรรเทาอารมณ์ แต่การบรรเทานี้อยู่ได้ไม่นาน การกระตุ้นอาจกลับมาอีกภายในชั่วโมง นาที หรือ วินาที และสามารถอยู่ได้นานคราวละเป็นวัน สัปดาห์หรือเดือนก็ได้ แล้วแต่บุคลไป

ว่าไปแล้ว การมี (หรือการจำเป็นต้องมี) การบรรลุจุดสุดยอดบ่อยมากๆ นั้น ฟังดูไม่ใช่สิ่งเลวร้าย แต่สำหรับผู้หญิงที่เป็น PGAD มันไม่สนุกเอาเลย มันทำให้อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ มันเกิดขึ้นขณะทำงาน หรือ แม้แต่กำลังกินอาหารกับครอบครัว ผู้หญิงบางคนอ้างว่าเป็น PGAD มาตั้งแต่เด็ก ในขณะที่คนอื่นๆ เริ่มขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ หรือหลังหมดประจำเดือน คนที่มีอาการนี้มักรู้สึกอับอาย และรอความช่วยเหลือทางแพทย์เป็นปีๆ

ตำราทางการแพทย์ยอมรับว่ามีอาการนี้เมื่อทศวรรษที่แล้วนี้เอง และแพทย์ยังไม่แน่ใจในสาเหตุของมัน อาจเนื่องมาจากประสาทรับความรู้สึกบกพร่อง หรือเสียหายก็ได้ คนไข้บางคนประสบผลสำเร็จในการรักษาด้วยยากล่อมประสาท หรือ แชนติกซ์ (CHANTIX) ซึ่ง ตามปกติเป็นยาที่ใช้สำหรับการอดบุหรี่ หลายคนพยายามทนอยู่กับมันให้ได้ แต่อย่างน้อยพวกเธอก็รู้แล้วว่าโรคลึกลับที่กำลังเป็นอยู่นั้นมีชื่อรียกว่าอะไร

2. องคชาตแข็งตัวต่อเนื่องผิดปกติ (PERSISTENT ABNORMAL ERECTION OF PENIS: PRIAPISM)

PRIAPISM มาจากชื่อเทพเจ้ากรีกพริอาพุส (PRIAPUS) ซึ่งว่ากันว่ามีองคชาตใหญ่ผิดสัดส่วนและแข็งตัวถาวร พระองค์ถูกสาปตั้งแต่อยู่ในครรภ์ของเทวีแอฟโฟร์ไดท์ (วีนัส) โดยมหาเทวีเฮราซึ่งริษยาความงามของพระนาง และไม่ต้องการให้บุตรของพระนางเป็นทายาท พริอาพุสได้รับการนับถือว่าเป็นเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์และเป็นผู้ปกป้องปศุสัตว์และพืชผล

PRIAPISM เกี่ยวข้องกับอาการพื้นฐานเพียงอย่างเดียว คือ ความเจ็บปวดจากการมีเลือดคั่งในเนื้อเยื่ออวัยวะเพศที่มีความแข็งตัวนานกว่า 4 ชั่วโมง มันเกิดขึ้นเมื่อโลหิตติดกับอยู่ในบริเวณอวัยวะเพศและไม่ไหลเวียนไปในระบบของร่างกาย ผู้หญิงก็สามารถเป็น PRIAPISM ได้เช่นกัน แต่ส่วนใหญ่เป็นในผู้ชาย และผู้ชายกับผู้หญิงต้องการการรักษาที่แตกต่างกัน

PRIAPISM สามารถเกิดขึ้นได้ทันที แต่ก็เกิดจากการใช้ยา จากโรคหรือเงื่อนไขบางอย่างก็ได้ มันเป็นผลข้างเคียงของการใช้ยารักษาอาการไม่แข็งตัวขององคชาต เช่นเดียวกับการใช้ยากล่อมประสาท อย่าง โคเคน เป็นต้น ผู้ชายที่เป็นโรคโลหิตจางมักจะกลายเป็นโรค PRIAPISM อยู่บ่อยๆมันเกิดขึ้นประมาณ 40% ของผู้ชายที่เป็นโรคนี้

มะเร็งและความบาดเจ็บบางอย่างที่ถุงอัณฑะหรือองคชาตก็สามารถเป็นสาเหตุของ PRIAPISM ได้ ในบรรดาอาการเลือดคั่งในอวัยวะเพศนี้ PRIAPISM ในผู้ชายเป็นความฉุกเฉินทางการแพทย์ มันสามารถเป็นสาเหตุของหลอดเลือดอักเสบ เป็นแผลเป็นหรือแม้แต่เนื้อองคชาตตายเน่าได้ ถ้าปล่อยไว้โดยไม่รักษา

แต่ถ้าให้ความสนใจโรคนี้แต่เนิ่นๆก็มีโอกาสฟื้นตัวเต็มที่ได้ การฉีดยาลดอาการคั่งของโลหิตที่คลินิคหรือโรงพยาบาลจะทำให้โลหิตไหลเวียนได้ตามปกติอีกครั้ง ถ้าคนไข้มีอาการแข็งตัวนานกว่า 4 ชั่วโมง เขาอาจจำเป็นต้องผ่าตัดเปลี่ยนเส้นทางไหลเวียนของหิตหรือถ่ายโลหิตออกจากองคชาตโดยการดูดด้วยเข็มฉีดยาก็ได้

ในขณะที่ PRIAPISM ไม่ใช่ความฉุกเฉินในผู้หญิง แต่มันก็ยังเจ็บปวดอยู่ดี การรักษาก็ให้ใช้ถุงน้ำแข็งประคบบริเวณนั้นและกินยาแก้อักเสบ ซึ่งโดยปกติจะบรรเทาอาการบวมเป่งของอวัยวะเพศได้

3. ความต้องการทางเพศสูงเกินไป (HYPERSEXUALITY)

ในอดีต ผู้หญิงที่มีแรงขับดันทางเพศสูงจัดจะถูกเรียกว่าเป็นโรคนิมโฟเมเนีย (NYMPHOMANIA) และผู้ชายที่มีอาการนี้จะถูกเรียกว่าเป็นโรคหมกมุ่นในกาม (SATYRIASIS) ในขณะที่หมอบางคนยังเรียกอยู่แบบนี้ แต่ปัจจุบันชอบใช้คำว่า HYPERSEXUALITY มากกว่า

การมีแรงขับดันทางเพศมากเกินไปนี้ ถูกจัดเป็นความผิดปกติทางจิตอย่างหนึ่ง คนที่มีอาการนี้ยังมีความอดกลั้นทางเพศต่ำอีกด้วย และโดยทั่วไปจะหมกมุ่นอยู่กับเซ็กซ์จนถึงจุดที่ชีวิตของพวกเขาได้รับผลกระทบอย่างลึกซึ้ง

คนที่เป็นโรคนี้มักจะมีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศอยู่บ่อยๆ มีชีวิตเซ็กซ์กับโสเภณี และเซ็กซ์ที่ไม่มีการป้องกันกับคนแปลกหน้ามากหลาย ซึ่งสามารถทำให้พวกเขาเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อกามโรค ผู้ที่มีความสัมพันธ์แบบผัวเดียวเมียเดียวอาจไม่สามารถซื่อสัตย์กับคู่รักของตนได้

ในกรณีที่ร้ายสุด คนเป็น HYPERSEX อาจกลายเป็นนักข่มขืนต่อเนื่องได้เช่นกัน คนที่เป็นโรคนี้ก็เหมือนหลายคนที่มีภาวะผิดปกติทางเพศอื่นๆ คือ มักไม่แสวงหาความช่วยเหลือ พวกเขาอาจไม่เห็นว่าพฤติกรรมของตัวเองเป็นปัญหา แต่กลับมองว่าความอาจหาญทางเพศของพวกเขาหรือเธอเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจ

HYPERSEX สามารถเกิดขึ้นในคนที่มีความผิดปกติอื่นๆได้เช่นกัน คนสองขั้ว (BIPOLAR) นั้นบางครั้งพบว่าความมักมากในกามารมณ์เป็นส่วนหนึ่งของความคลั่งไคล้ของพวกเขา คนไข้ที่มีความผิดปกติทางประสาทวิทยา อย่าง โรคอัลไซเมอร์ หรือ สมองบาดเจ็บ บางครั้งก็เจอกับโรคนี้เช่นกัน ยาบางตัวอาจเป็นสาเหตุของ HYPERSEX ด้วยเหมือนกัน เช่น ยาที่ใช้รักษาโรคพาร์คินสัน เป็นต้น

การรักษาโรคมักมากในกามารมณ์นี้ผันแปรตามสิ่งที่มันเกี่ยวพันกับความผิดปกติอีกอย่าง ยาระงับอารมณ์ อย่าง ลิเธียม (LITHIUM) สามารถลดแรงขับดันทางเพศโดยรวมได้ และยาที่ลดระดับเทสโทสเตอโรน (TESTOSTERONE) เคยช่วยคนไข้บางคนไว้ได้ การบำบัดด้วยการพูดคุยก็ช่วยคนที่ยอมรับในพฤติกรรมของตนเองและร่วมมือกับหมอเพื่อรักษาอาการดังกล่าวได้เช่นกัน

แล้วคนที่ต้องการเซ็กซ์มากๆ แต่เป็นแค่ในความฝันล่ะ จะว่ายังไง? โปรดติดตาม “กามนิทรา” (SEXSOMNIA) ในคราวต่อไปครับ
 

>>
อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ 
 http://www.celeb-online.net
กำลังโหลดความคิดเห็น