xs
xsm
sm
md
lg

อัครรัฐ วรรณรัตน์ หนุ่มนักธุรกิจใจสปอร์ต กล้าลงทุน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


>>เป็นหนุ่มทำงานรุ่นใหม่ “โอ๊ค-อัครรัฐ วรรณรัตน์” ที่มีใจสปอร์ต กล้าลงทุน แม้จะไม่ใช่ธุรกิจพันล้าน แต่ทุกธุรกิจของเขามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง นั่นเป็นเพราะเขามีความกล้า ไม่ปฏิเสธโอกาส หากแต่รับโอกาสมาพิจารณาแล้วลงมือทำจนวันนี้เขาได้ทำหลายๆ สิ่งที่เขาสนใจและกลายเป็นสิ่งที่ยั่งยืนสำหรับเขา

โอ๊ค-อัครรัฐ จบปริญญาตรีด้านวิศวกรรมศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยนิวเซาวท์เวล ก่อนกลับมาศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมๆ กับเริ่มงานแรกในชีวิตที่เขาต้องดูแลเองแทบทุกอย่างทั้งที่ไม่ได้มีความรู้เรื่องงานออกแบบเลย เพียงแต่อาศัยใจที่ชอบกับการทำร้านนำเข้าเฟอร์นิเจอร์จากต่างประเทศที่ชื่อว่า Motif

และเมื่อมีโอกาสเขาก็ยังไม่หยุดแต่เพียงเท่านั้นเขายังทำบริษัท ไพร์ม เอดิชัน ผลิตรายการโทรทัศน์และดูเรื่องธุรกิจโฆษณา นอกจากนั้นยังเปิดบริษัท พรีมาไพร์ม นำเข้านาฬิกา “แกลมร็อก (Glam Rock)” “เทนเดนซ์” (Tendence) และ “แมคคานิคี เวล็อตชี่” (Meccaniche veloci) เรียกว่าในวันหนึ่งๆ เขาต้องดูแลธุรกิจถึง 3 บริษัทด้วยกัน แต่เขาก็บอกกับเราว่า “ชิลชิล” นี่สินะที่เขาเรียกว่าคนที่ “สนุกกับงาน” จริงๆ


สำหรับหนึ่งงานที่ชายหนุ่มคนนี้ดูแลอยู่คือการเป็นผู้อยู่เบื้องหลังรายการโทรทัศน์ อาทิ รายการแฮปปี้มอร์นิ่ง รายการเลิฟสตอรี่และรายการฮอลิเดย์เจแปน ซึ่งเป็นรายการที่เขาทำมาหลายปีแล้ว และแม้ว่าทุกวันนี้เขาจะเริ่มเป็นที่รู้จักในวงสังคม แต่หากจะให้เขาออกไปอยู่หน้าจอบ้างเขาขอ “บาย” ดีกว่า!!

“ส่วนใหญ่ผมดูแลภาพรวมมากกว่า ไปกองถ่ายบ้าง แต่หากจะให้มาออกหน้าจอ รู้สึกไม่ถนัด เราเขิน เคยออกครั้งนึงแล้วไม่ชอบ หลังจากนั้นเวลามีรายการมาชวนเราก็ไม่ไป กระทั่งรายการเล็กๆ ที่มาสัมภาษณ์ตามงานก็ไม่ดีกว่า (หัวเราะ) คงเป็นเพราะเราเห็นข้อผิดพลาดของการออกรายการทีวีเยอะมั้ง สมัยแรกเข้าห้องตัดต่อเองเลย เราก็จะคอยแก้บางคำเขาพูดแบบไม่ตั้งใจ คำที่ฟังแล้วไม่เซฟ หรือสีหน้าท่าทาง เราก็ต้องคอยปรับแก้ให้ เลยคิดว่าถ้าเป็นตัวเองไปออกแล้ว เราปรับแก้ไม่ได้และไม่รู้เขาจะปรับแก้ให้เรามั๊ย ไม่ค่อยมั่นใจ ฉะนั้นขอปฏิเสธดีกว่า (หัวเราะ)

การทำงานรายการโทรทัศน์เราต้องช่างสังเกต บอกตรงๆ ปกติไม่ค่อยดูทีวี ทำงานทั้งวันกลับบ้านก็ดูนิดหน่อย ฉะนั้นเราก็ใช้วิธีแรนดอมอัดรายการที่น่าสนใจ เพราะรู้ผังรายการช่องทุกปี รายการไหนน่าสนใจก็ให้ผู้ช่วยอัดไว้ให้ แล้วก็มาเปิดดูทีเดียวเสาร์-อาทิตย์ เหมือนเป็นการทำวิจัยดูข้อดีข้อเสียของแต่ละรายการ

จริงๆ อยากทำรายการทอล์กนะ สนุกดี คนไทยชอบดู และชอบรายการประเภทท่องเที่ยวด้วย ถ้าได้ทำอยากจะพาผู้ชมไปดูประเทศแปลกๆ ที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้ไปเที่ยว เช่น บัลแกเรีย โรมาเนีย อียิปต์ แต่เป็นในสไตล์เบาๆ ไม่ใช่สารคดีจัด”


นาฬิกาก็ถือเป็นหนึ่งในงานแฟชั่น ที่ตัวเขาเองสนใจ เขาเริ่มต้นจากการเปิดตัวแบรนด์นำเข้าแบรนด์แรกคือ แกลมร็อก นาฬิกานำเข้าจากสหรัฐอเมริกา และจากนั้นก็มีอีกแบรนด์คือ เทนเดนซ์ จากสวิตเซอร์แลนด์ และล่าสุดกับแบรนด์ “แมคคานิคี เวล็อตชี่” (Meccaniche veloci) จากประเทศอิตาลี

“ตอนนี้เรามี 3 แบรนด์ สนุกดีนะการได้ทำอะไรหลายๆ อย่าง ทำให้เราไม่หยุดนิ่งเพราะทุกธุรกิจต้องแอคทีฟตลอดเวลา…อย่างแบรนด์ล่าสุด “แมคคานิคี เวล็อตชี่” (Meccaniche veloci) เป็นอิตาเลี่ยนแบรนด์ ดีไซน์มาจากออโต้สปอร์ต ถึอว่าเป็นแบรนด์ที่เข้ามาในเอเซียแล้วหลายประเทศ จะอยู่ในระดับไฮเอนด์ และตอนนี้ที่โฟกัสเป็นพิเศษก็คือเทนเดนซ์ เพราะตอนนี้มีรุ่นใหม่ๆ ออกมาเยอะมาก ในเอเซียกำลังเป็นที่นิยม ซึ่งเรามีการจัดปาร์ตี้อีเว้นท์เป็นประจำทุกปี อยากให้ปาร์ตี้ของเทนเดนซ์เป็นปาร์ตี้ที่ทุกคนรอคอย

สำหับธุรกิจนาฬิกาตอนนี้มีประมาณ 15 เคาน์เตอร์ อย่างแบรนด์แกรมร็อกมีบูติกอยู่ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิล์ด ส่วนเทนเดนซ์ก็มีคีออสที่เซ็นทรัลลาดพร้าว นอกจากนี้ เรายังมีเคาน์เตอร์ตามจังหวัดใหญ่ๆ เช่น หาดใหญ่ ภูเก็ต พัทยา พยายามกระจายไปให้ทั่ว”


บอกตามตรงว่าในตอนแรกที่เขาเริ่มลงมือทำร้านเฟอร์นิเจอร์ Motif เขาไม่มีความรู้เกี่ยวกับงานด้านดีไซน์เลย! ที่แน่ๆ มีเพียงใจที่รักงานดีไซน์ และมองเห็นโอกาสที่จะเติมเต็มในธุรกิจนี้ แต่งานนี้กลับกลายเป็นงานที่เขาทุ่มเททั้งหมดให้และดูท่าว่าจะมีความสุขกับมันมากซะด้วย

“เริ่มงานร้านเฟอร์นิเจอร์เมื่อ 7 ปีที่แล้ว โดยร่วมหุ้นกับเพื่อนเปิดร้านเฟอร์นิเจอร์ชื่อว่า Motif ตอนแรกทำเองทุกอย่าง เพราะเราอยากรู้ว่าการทำธุรกิจ มีกระบวนการอะไรบ้าง ผมเริ่มต้นงานที่นี่ตอนที่ตัดสินใจเปิดร้านไม่รู้ด้วยซ้ำว่าธุรกิจนี้เป็นอย่างไร หุ้นส่วนไม่มีใครจบด้านนี้เลย แต่เรารู้สึกว่าอยากทำ เพราะทุกคนมีความสนใจเรื่องของดีไซน์เหมือนกัน แต่วันนี้ 7 ปีแล้วก็เป็นการพิสูจน์เล็กๆ ว่าเราทำได้

เทรนด์ของเฟอร์นิเจอร์ปีนี้ จะมี 2 ลุคที่มาแรงคือลักษ์ซูรี่ คลาสสิค ในสไตล์งานของนิวยอร์ก แมนฮัตตันและอีกแบบคือเรียบๆ ใช้วัสดุชั้นเยี่ยม ตามสไตล์งานของอิตาเลี่ยน
ถ้าถามตัวเองว่าชอบแบบไหน ผมชอบสไตล์ผสมผสานนะ กับห้องเราเองด้วยความที่เป็นบ้านเก่า พื้นที่จำกัด เฟอร์นิเจอร์บางชิ้นที่เราชอบเราก็ยกเข้าไปวางได้ ก็ปรับเปลี่ยนกระจุกกระจิกเล็กๆ น้อยๆ ผสมกันมากกว่า

ชิ้นโปรดคงเป็น “อาร์มแชร์” ชอบในเรื่องของดีไซน์ อาร์มแชร์จะมีลูกเล่นเยอะกว่าอย่างอื่น ทุกอย่างสามารถจัดแต่งได้แม้ในพื้นที่ที่จำกัด มีเรื่องตลกนะ เวลาผมไปเลือกของเข้าร้าน ผมมักจะเลือกอาร์มแชร์เข้าร้านมากที่สุดทั้งที่จริงไม่ใช่ของขายดีที่สุดในร้าน เพราะที่ขายดีที่สุดคือโซฟา แต่เรากลับมีแบบของอาร์มแชร์เยอะที่สุด เพราะเราชอบนั่นเอง (หัวเราะ) และล่าสุด Motif ก็เพิ่งเปิดแบรนด์ Cassina แบรนด์ที่เก่าแก่ที่สุดในอิตาลี เป็นแบรนด์สำคัญในประวัติศาสตร์เลย”


เป็นเวลากว่า 7 ปีแล้วที่ร้านเฟอร์นิเจอร์โมทีฟ เป็นที่รู้จักของผู้มีรสนิยมในการแต่งบ้าน แล้ววันนี้เขากำลังก้าวขึ้นไปอีกด้วยการแตกไลน์ธุรกิจเกิดเป็น MS Studio ที่มาจาก Motif Studio รวมไปถึงการขยายสาขาและเตรียมสร้างแบรนด์ Motif ให้เป็นที่รู้จัก

“7 ปีที่ผ่านมาเราขยายพื้นที่ร้านใหญ่กว่าเดิม 2 เท่า นำเข้าสินค้าที่หลากหลายขึ้น และเปิดร้านเพิ่มชื่อ MS (Motif Studio) อยู่ชั้น L ของศูนย์การค้าเอราวัณ แบ็งคอก เป็นร้านนำเข้าเฟอร์นิเจอร์เหมือนกันแต่ด้วยลุคที่แตกต่างกันไป โมทีฟจะดูเรียบโก้ แต่ MS Studio จะดูสนุกกว่าและราคาย่อมเยาว์ขึ้น เราตั้งใจทำให้ลิ้งค์กับโมทีฟ ลูกค้าเป็นกลุ่มคอนโดในเมือง อายุน้อยลงมาหน่อย พยายามทำให้ครอบคลุมมากขึ้น

อีกอย่างที่จะทำคือทำแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ของตัวเอง เราอยู่ในธุรกิจนี้มา 7 ปีแล้ว เราก็ขายของดีไซน์สวย คุณภาพดี เลยคิดว่าจะทำแบรนด์ของตัวเอง ใช้ชื่อว่า M Collection เป็นสไตล์ Contemporary Classic ดูทันสมัย ชิกๆ อินเทรนด์ โดยมีผมกับวิน (วีร์กฤติ ว่องวัฒนะสิน) หุ้นส่วนช่วยกันคุมธีม เราใช้ซัพพลายเออร์ที่ผลิตให้แบรนด์ดังของโลก

แบรนด์อื่นๆ ในเมืองไทยก็ดีนะ แต่ของ Motif จะแตกต่างจากเขา ความที่เป็นแบรนด์คนไทย ผมไม่อยากให้ราคาสูงมาก ขอใช้คอนเซ็ปต์ว่าเป็นสินค้าลักษ์ซูรี่ แต่ราคาจับต้องได้ มีทั้งเฟอร์นิเจอร์ พรม ของตกแต่ง เป็นอีกทางเลือกให้ผู้บริโภค

ส่วน Motif เองก็กำลังจะมีอีกสาขาที่เปิดพร้อมเซ็นทรัลเอ็มบาสซี่ แฮปปี้กับงานที่ทำนะ ยิ่งเห็นว่าไปได้ด้วยดียิ่งรู้สึกว่าสนุกมาก”


บทสะท้อนจากการทำงาน

“สิ่งที่เราพบเจอทุกวันคือการตกตะกอนทำให้เราโตขึ้น การลองถูกลองผิดทำให้เราเรียนรู้ไป ในขณะเดียวกันการทำงานที่ต้องพบเจอผู้คนก็ทำให้เรากว้างขวางขึ้น เราต้องรู้หลักจิตวิทยาในการพูดในการเจรจา ทำความเข้าใจเรื่องการสื่อสารกับคนเป็นศาสตร์ที่ยาก แต่การสื่อสารก็เหมือนเป็นการชี้บ่งว่าคนเราโตขึ้นด้วย อีกอย่างเราต้องเปิดโอกาสให้ตัวเองลองทำสิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลาด้วย”

สนุกไม่หยุดในการลงทุน

นอกจากการทำงานใน 3 บริษัทที่ลงทุนเองไม่ว่าจะเป็นงานด้านการผลิตรายการโทรทัศน์ บริษัทนำเข้านาฬิกา และร้านเฟอร์นิเจอร์ เขายังไม่หยุดโดยล่าสุดเพิ่งจะเซ็นสัญญานำเข้าแบรนด์สกินแคร์จากประเทศเกาหลีอีก!

“กำลังจะนำเข้าเครื่องสำอางค์ B Lift เป็นผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่ดีมาก ลองมาแล้วด้วยตัวเอง ตอนแรกมีคนแนะนำก็ลองซื้อมาใช้แล้วดี จึงติดต่อเอาเข้ามาขาย มีทั้งมอยส์เจอไรเซอร์ เอสเซนส์ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหน้า ครีมกันแดด ส่วนผสมเป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติหมดเลย ตรงนี้คิดว่าว่าจะเหมาะกับผิวสาวไทย

ตอนนี้ทำอะไรหลายอย่าง แต่ผมก็อยากทำอย่างอื่นอีกนะ เหมือนยังไม่อิ่ม (หัวเราะ) อนาคตจะเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่ตอนนี้ขอเป็นตัวแทนในการนำสินค้าคุณภาพดีมาให้คนไทยได้มีทางเลือก นั่นคือ เป้าหมายของผมในตอนนี้ครับ” :: Text by FLASH

>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่  http://www.celeb-online.net และ ติดตาม CelebStagram ได้ที่ http://www.manager.co.th/celebonline/celebstagram/
กำลังโหลดความคิดเห็น