คอลัมน์ Sexociety โดย Dr.DEN
การโดนข่มขืน เป็นประสบการณ์อันเลวร้ายที่สุดอย่างหนึ่งในชีวิตของลูกผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงในวัยรุ่นอันเปราะบาง ใครไม่โดนกับตัวเอง ไม่มีวันรู้ถึงความเจ็บปวดทั้งกายและใจของพวกเธอหรอก อย่างมากก็ได้แค่เห็นใจและสงสารเท่านั้นเอง
เจ็บกายน่ะพอทนได้ ไม่กี่วันแผลก็หาย แต่เจ็บใจนี่สิ มันยาวนานกว่าเยอะ มันเป็นแผลที่บาดลึกอยู่ในใจ และยากต่อการเยียวยา ยิ่งถ้าปราศจากคนรอบข้างที่คอยให้ความอบอุ่นใจกับเธอด้วยแล้ว มันก็ยิ่งส่งผลบานปลาย เตลิดเปิดเปิงไปกันใหญ่ โดยเฉพาะในเรื่องอารมณ์เพศของพวกเธอ
ดังกรณีตัวอย่างของสาวอเมริกันวัย 19 ปีคนนี้
มันเกิดขึ้นในเดือน กรกฎาคม 2007 เมื่อแองจี้ (แน่นอน ไม่ใช่ชื่อจริงของเธอ) อายุได้ 15 ปี เธอกำลังนั่งรอบกองไฟที่ปาร์ตี้ชายหาดแห่งหนึ่ง และกำลังคุยกับชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเธอเพิ่งรู้จักผ่านทางเพื่อนคนหนึ่งอีกที เขาอายุ 18 หล่อล่ำแบบนักเล่นกระดานโต้คลื่นและกำลังจีบแองจี้อย่างหนัก
แต่ตอนนั้นเธอเล็งมองไปที่ผู้ชายอีกคน ดังนั้นแม้เขาจะดูน่ารักแค่ไหน แต่แองจี้ก็ไม่สนใจเขาอย่างจริงจัง
เมื่อเธอลุกขึ้น เพื่อเดินหาที่ลับตาสำหรับฉี่ เขาก็ตามเธอไป ทั้งคู่นั่งคุยกันอีก 2-3 นาที แล้วทันใดนั้นเขาก็คว้าร่างของเธอเข้าไปจะจูบ แองจี้ไม่อยากให้มันอื้อฉาว เธอจึงไม่ดิ้นรนขัดขืนหรือกรีดร้อง แค่ปัดป้องเพียงเล็กน้อยพอให้รอดตัว แต่เขาเริ่มปล้ำเธอหนักมือยิ่งขึ้น เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการเธอมากกว่าการกอดจูบ
“เอ่อ ฉันอยากกลับไปที่กองไฟแล้วละ”แองจี้บอกหนุ่มคนนั้นขณะผลักอกเขา
“ไม่ได้” เขาพูดอย่างเฉียบขาด “ผมต้องการมีเซ็กซ์”
แองจี้รู้สึกปวดมวนในช่องท้องทันที เธอพยายามลุกขึ้น แต่เขาโถมตัวดันร่างของเธอลงนอนกับพื้นทรายและตรึงแขนทั้งสองของเธอไว้ จากนั้นก็ถลกกระโปรง และกระชากกางเกงในของแองจี้หลุดออกมา แล้วก็เริ่มข่มขืนเธอ แองจี้ตกใจแทบช็อคจนทำอะไรไม่ถูก และเธอรู้ว่าตรงนั้นไม่มีใครเห็น เพราะทั้งคู่อยู่หลังโขดหิน
เรื่องทั้งหมดกินเวลาประมาณ 5 นาที และเมื่อจบแล้ว สาวน้อยแองจี้ก็ลุกขึ้นและรีบจ้ำกลับไปที่กองไฟ โดยมีไอ้หื่นเดินตามมานั่งหลังเธอบนพื้นทรายอย่างหน้าตาเฉย
20 นาทีต่อมา หมอนั่นก็ลุกขึ้นเดินผ่านหน้าแองจี้ไปโดยไม่หันมามอง เธอไม่ได้ปริปากเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง ได้แต่นั่งเงียบๆ อยู่กับเพื่อนๆ ด้วยความมึนงง จนกระทั่งทุกคนแยกย้ายกันไปนอน
เหมือนถูกย่างสด
แองจี้ทนกล้ำกลืนความทรงจำอันเลวร้ายนั้นไว้ในอกได้ประมาณ 3 เดือน แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็ฝืนทนต่อไปไม่ไหว เธอกำลังคุยกับเพื่อนๆ ผู้หญิงของเธอ (คนที่ไม่ได้อยู่ในปาร์ตี้คืนนั้น) เกี่ยวกับเซ็กซ์และกามโรค และจากนั้นทุกอย่างก็พรั่งพรูออกมาจากปากของแองจี้
พวกเพื่อนๆ กระตุ้นให้เธอไปแจ้งความกับตำรวจ แต่แองจี้ไม่กล้า จึงลงเอยด้วยเพื่อนคนหนึ่งไปแจ้งความแทนเธอ 2-3 วันต่อมา เธอก็ได้รับโทรศัพท์จากตำรวจนักสืบคนหนึ่ง
เมื่อแองจี้เปิดปากพูดกับนักสืบหญิงคนนั้น เธอยังอ้อมแอ้มและไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าใดนัก ตำรวจหญิงจึงขู่ว่าจะบอกพ่อแม่ของแองจี้ ถ้าเธอไม่ยอมเล่าเรื่องทั้งหมด (หลังจากนั้นแองจี้ก็เล่าเรื่องให้แม่ของเธอฟัง แต่พ่อของเธอยังไม่รู้เรื่อง)
และตำรวจหญิงคนนั้นก็ซักถามเธอในห้องมืดซึ่งมีสปอตไลท์ส่อง หน้าเธอ ตำรวจหญิงคนนั้นไม่มีท่าทีเห็นใจและหงุดหงิดใส่แองจี้ด้วยซ้ำขณะเธอซักถามอย่างเย็นชาเกี่ยวกับชื่อของเขา เกิดอะไรขึ้น และรายละเอียดอื่นๆอีกมากมายที่ทำให้เห็นภาพเหตุการณ์ในคืนนั้นอย่างชัดเจน แองจี้รู้สึกเหมือนเป็นอาชญากรมากกว่าเป็นเหยื่อผู้ถูกกระทำ
เธอรู้แค่ชื่อและโรงเรียนของเขา เธอไม่ได้ถามนามสกุลของเขาจากเพื่อนๆ เพราะเธอไม่ต้องการให้เพื่อนๆรับรู้เรื่องราวดังกล่าว เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงความร้าวฉานกับเพื่อนๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้นนักสืบสาวจึงเอาหนังสือรุ่นเล่มหนึ่งมาให้แองจี้ดูรูปและถามว่า มีคนไหนที่ชื่อเหมือนเขาและมีหน้าตาเหมือนเขาบ้าง
ไม่มีใครเลย
แองจี้จึงบอกตำรวจว่าเธอระบุตัวไม่ได้ หลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้ข่าวคราวจากยอดนักสืบหญิงคนนั้นอีกเลย
ผลที่ตามมา
การข่มขืนครั้งนั้นทำให้แองจี้สับสนเกี่ยวกับเซ็กซ์เป็นอย่ายิ่ง เธอเคยนอนกับผู้ชายคนหนึ่ง 2-3 ครั้งก่อนที่เรื่องจะเกิดขึ้น และตอนนั้นเซ็กซ์เป็นเรื่องแปลกใหม่อันน่าตื่นเต้นสำหรับเธอ
แต่หลังจากถูกข่มขืน ความรู้สึกของแองจี้ก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ความตื่นเต้นของเธอกลายเป็นความด้านชาและดูเหมือนทุกอย่างมีแต่รอยมลทิน เธอเริ่มรู้สึกแบบว่าเมื่อผู้ชายคนหนึ่งให้ความสนใจในตัวเธอ มันก็แค่ทางกายภาพอย่างเดียวเท่านั้น เป็นไปไม่ได้หรอกที่เขาจะต้องการอย่างอื่นที่นอกเหนือจากเซ็กซ์
เธอคิดว่า ชาตินี้คงไม่มีชายใดจะมารักผู้หญิงที่มีมลทินอย่างเธออีกแล้ว
หลังจากนั้นแองจี้ก็พบว่าตัวเองกำลังวิ่งเข้าใส่กิจกรรมทางเพศอย่างบ้าคลั่ง ทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ เธอจะไปงานปาร์ตี้ที่ไหนสักแห่ง พบปะกับผู้ชายสักคนที่เป็นเพื่อนของเพื่อน และลงเอยด้วยการกลับบ้านไปกับเขา ปรากฏว่าผู้ชายส่วนใหญ่ของเธอกลายเป็นคู่รักคืนเดียว บางคนก็เลิกซู่ซ่ากันไปหลังจากมีเพศสัมพันธ์กันหลายครั้ง
ใจหนึ่งเธอรู้ว่าสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่นั้นมันไม่ถูกต้อง แต่อีกใจหนึ่งเธอต้องการเป็นคนไร้อารมณ์และเป็นกบฏ ประกอบกับด้วยเหตุที่เธอคิดว่า เซ็กซ์คือสิ่งเดียวที่ผู้ชายทุกคนต้องการจากเธอ มันจึงน่าตื่นเต้นในการให้มันกับพวกเขา
ด้วยอารมณ์แบบนี้แหละ ที่ทำให้ผู้หญิงที่โดนข่มขืนหลายราย ประชดชีวิตด้วยการกลายเป็นหญิงขายบริการทางเพศไปซะให้รู้แล้วรู้รอด
แต่แองจี้ยังไม่ถึงขนาดนั้น แค่เกือบๆ ไป ลึกๆ ในใจ เธอรู้สึกละอายที่กำลังมีเซ็กซ์กับบรรดาผู้ชายที่เธอแทบไม่รู้จัก เธอรู้ดีว่ามันมีช่องว่างระหว่างสิ่งที่เธอต้องการกับสิ่งที่เธอได้รับ (เซ็กซ์ล้วนๆที่ปราศจากความรัก) ดังนั้นขณะที่เธอสนุกกับมันทางกายภาพและอยากเอาอกเอาใจผู้ชายเหล่านั้น เธอก็ยังรู้สึกถึงความเศร้า ความเหงา ความกลัวและความอับอาย ด้วยเช่นกัน
ชีวิตกามารมณ์ของแองจี้จะดำเนินไปในทางใด โปรดติดตามตอนจบต่อไป
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
การโดนข่มขืน เป็นประสบการณ์อันเลวร้ายที่สุดอย่างหนึ่งในชีวิตของลูกผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงในวัยรุ่นอันเปราะบาง ใครไม่โดนกับตัวเอง ไม่มีวันรู้ถึงความเจ็บปวดทั้งกายและใจของพวกเธอหรอก อย่างมากก็ได้แค่เห็นใจและสงสารเท่านั้นเอง
เจ็บกายน่ะพอทนได้ ไม่กี่วันแผลก็หาย แต่เจ็บใจนี่สิ มันยาวนานกว่าเยอะ มันเป็นแผลที่บาดลึกอยู่ในใจ และยากต่อการเยียวยา ยิ่งถ้าปราศจากคนรอบข้างที่คอยให้ความอบอุ่นใจกับเธอด้วยแล้ว มันก็ยิ่งส่งผลบานปลาย เตลิดเปิดเปิงไปกันใหญ่ โดยเฉพาะในเรื่องอารมณ์เพศของพวกเธอ
ดังกรณีตัวอย่างของสาวอเมริกันวัย 19 ปีคนนี้
มันเกิดขึ้นในเดือน กรกฎาคม 2007 เมื่อแองจี้ (แน่นอน ไม่ใช่ชื่อจริงของเธอ) อายุได้ 15 ปี เธอกำลังนั่งรอบกองไฟที่ปาร์ตี้ชายหาดแห่งหนึ่ง และกำลังคุยกับชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเธอเพิ่งรู้จักผ่านทางเพื่อนคนหนึ่งอีกที เขาอายุ 18 หล่อล่ำแบบนักเล่นกระดานโต้คลื่นและกำลังจีบแองจี้อย่างหนัก
แต่ตอนนั้นเธอเล็งมองไปที่ผู้ชายอีกคน ดังนั้นแม้เขาจะดูน่ารักแค่ไหน แต่แองจี้ก็ไม่สนใจเขาอย่างจริงจัง
เมื่อเธอลุกขึ้น เพื่อเดินหาที่ลับตาสำหรับฉี่ เขาก็ตามเธอไป ทั้งคู่นั่งคุยกันอีก 2-3 นาที แล้วทันใดนั้นเขาก็คว้าร่างของเธอเข้าไปจะจูบ แองจี้ไม่อยากให้มันอื้อฉาว เธอจึงไม่ดิ้นรนขัดขืนหรือกรีดร้อง แค่ปัดป้องเพียงเล็กน้อยพอให้รอดตัว แต่เขาเริ่มปล้ำเธอหนักมือยิ่งขึ้น เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการเธอมากกว่าการกอดจูบ
“เอ่อ ฉันอยากกลับไปที่กองไฟแล้วละ”แองจี้บอกหนุ่มคนนั้นขณะผลักอกเขา
“ไม่ได้” เขาพูดอย่างเฉียบขาด “ผมต้องการมีเซ็กซ์”
แองจี้รู้สึกปวดมวนในช่องท้องทันที เธอพยายามลุกขึ้น แต่เขาโถมตัวดันร่างของเธอลงนอนกับพื้นทรายและตรึงแขนทั้งสองของเธอไว้ จากนั้นก็ถลกกระโปรง และกระชากกางเกงในของแองจี้หลุดออกมา แล้วก็เริ่มข่มขืนเธอ แองจี้ตกใจแทบช็อคจนทำอะไรไม่ถูก และเธอรู้ว่าตรงนั้นไม่มีใครเห็น เพราะทั้งคู่อยู่หลังโขดหิน
เรื่องทั้งหมดกินเวลาประมาณ 5 นาที และเมื่อจบแล้ว สาวน้อยแองจี้ก็ลุกขึ้นและรีบจ้ำกลับไปที่กองไฟ โดยมีไอ้หื่นเดินตามมานั่งหลังเธอบนพื้นทรายอย่างหน้าตาเฉย
20 นาทีต่อมา หมอนั่นก็ลุกขึ้นเดินผ่านหน้าแองจี้ไปโดยไม่หันมามอง เธอไม่ได้ปริปากเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง ได้แต่นั่งเงียบๆ อยู่กับเพื่อนๆ ด้วยความมึนงง จนกระทั่งทุกคนแยกย้ายกันไปนอน
เหมือนถูกย่างสด
แองจี้ทนกล้ำกลืนความทรงจำอันเลวร้ายนั้นไว้ในอกได้ประมาณ 3 เดือน แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็ฝืนทนต่อไปไม่ไหว เธอกำลังคุยกับเพื่อนๆ ผู้หญิงของเธอ (คนที่ไม่ได้อยู่ในปาร์ตี้คืนนั้น) เกี่ยวกับเซ็กซ์และกามโรค และจากนั้นทุกอย่างก็พรั่งพรูออกมาจากปากของแองจี้
พวกเพื่อนๆ กระตุ้นให้เธอไปแจ้งความกับตำรวจ แต่แองจี้ไม่กล้า จึงลงเอยด้วยเพื่อนคนหนึ่งไปแจ้งความแทนเธอ 2-3 วันต่อมา เธอก็ได้รับโทรศัพท์จากตำรวจนักสืบคนหนึ่ง
เมื่อแองจี้เปิดปากพูดกับนักสืบหญิงคนนั้น เธอยังอ้อมแอ้มและไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าใดนัก ตำรวจหญิงจึงขู่ว่าจะบอกพ่อแม่ของแองจี้ ถ้าเธอไม่ยอมเล่าเรื่องทั้งหมด (หลังจากนั้นแองจี้ก็เล่าเรื่องให้แม่ของเธอฟัง แต่พ่อของเธอยังไม่รู้เรื่อง)
และตำรวจหญิงคนนั้นก็ซักถามเธอในห้องมืดซึ่งมีสปอตไลท์ส่อง หน้าเธอ ตำรวจหญิงคนนั้นไม่มีท่าทีเห็นใจและหงุดหงิดใส่แองจี้ด้วยซ้ำขณะเธอซักถามอย่างเย็นชาเกี่ยวกับชื่อของเขา เกิดอะไรขึ้น และรายละเอียดอื่นๆอีกมากมายที่ทำให้เห็นภาพเหตุการณ์ในคืนนั้นอย่างชัดเจน แองจี้รู้สึกเหมือนเป็นอาชญากรมากกว่าเป็นเหยื่อผู้ถูกกระทำ
เธอรู้แค่ชื่อและโรงเรียนของเขา เธอไม่ได้ถามนามสกุลของเขาจากเพื่อนๆ เพราะเธอไม่ต้องการให้เพื่อนๆรับรู้เรื่องราวดังกล่าว เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงความร้าวฉานกับเพื่อนๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้นนักสืบสาวจึงเอาหนังสือรุ่นเล่มหนึ่งมาให้แองจี้ดูรูปและถามว่า มีคนไหนที่ชื่อเหมือนเขาและมีหน้าตาเหมือนเขาบ้าง
ไม่มีใครเลย
แองจี้จึงบอกตำรวจว่าเธอระบุตัวไม่ได้ หลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้ข่าวคราวจากยอดนักสืบหญิงคนนั้นอีกเลย
ผลที่ตามมา
การข่มขืนครั้งนั้นทำให้แองจี้สับสนเกี่ยวกับเซ็กซ์เป็นอย่ายิ่ง เธอเคยนอนกับผู้ชายคนหนึ่ง 2-3 ครั้งก่อนที่เรื่องจะเกิดขึ้น และตอนนั้นเซ็กซ์เป็นเรื่องแปลกใหม่อันน่าตื่นเต้นสำหรับเธอ
แต่หลังจากถูกข่มขืน ความรู้สึกของแองจี้ก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ความตื่นเต้นของเธอกลายเป็นความด้านชาและดูเหมือนทุกอย่างมีแต่รอยมลทิน เธอเริ่มรู้สึกแบบว่าเมื่อผู้ชายคนหนึ่งให้ความสนใจในตัวเธอ มันก็แค่ทางกายภาพอย่างเดียวเท่านั้น เป็นไปไม่ได้หรอกที่เขาจะต้องการอย่างอื่นที่นอกเหนือจากเซ็กซ์
เธอคิดว่า ชาตินี้คงไม่มีชายใดจะมารักผู้หญิงที่มีมลทินอย่างเธออีกแล้ว
หลังจากนั้นแองจี้ก็พบว่าตัวเองกำลังวิ่งเข้าใส่กิจกรรมทางเพศอย่างบ้าคลั่ง ทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ เธอจะไปงานปาร์ตี้ที่ไหนสักแห่ง พบปะกับผู้ชายสักคนที่เป็นเพื่อนของเพื่อน และลงเอยด้วยการกลับบ้านไปกับเขา ปรากฏว่าผู้ชายส่วนใหญ่ของเธอกลายเป็นคู่รักคืนเดียว บางคนก็เลิกซู่ซ่ากันไปหลังจากมีเพศสัมพันธ์กันหลายครั้ง
ใจหนึ่งเธอรู้ว่าสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่นั้นมันไม่ถูกต้อง แต่อีกใจหนึ่งเธอต้องการเป็นคนไร้อารมณ์และเป็นกบฏ ประกอบกับด้วยเหตุที่เธอคิดว่า เซ็กซ์คือสิ่งเดียวที่ผู้ชายทุกคนต้องการจากเธอ มันจึงน่าตื่นเต้นในการให้มันกับพวกเขา
ด้วยอารมณ์แบบนี้แหละ ที่ทำให้ผู้หญิงที่โดนข่มขืนหลายราย ประชดชีวิตด้วยการกลายเป็นหญิงขายบริการทางเพศไปซะให้รู้แล้วรู้รอด
แต่แองจี้ยังไม่ถึงขนาดนั้น แค่เกือบๆ ไป ลึกๆ ในใจ เธอรู้สึกละอายที่กำลังมีเซ็กซ์กับบรรดาผู้ชายที่เธอแทบไม่รู้จัก เธอรู้ดีว่ามันมีช่องว่างระหว่างสิ่งที่เธอต้องการกับสิ่งที่เธอได้รับ (เซ็กซ์ล้วนๆที่ปราศจากความรัก) ดังนั้นขณะที่เธอสนุกกับมันทางกายภาพและอยากเอาอกเอาใจผู้ชายเหล่านั้น เธอก็ยังรู้สึกถึงความเศร้า ความเหงา ความกลัวและความอับอาย ด้วยเช่นกัน
ชีวิตกามารมณ์ของแองจี้จะดำเนินไปในทางใด โปรดติดตามตอนจบต่อไป
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net