>>ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งย่านกรุงเทพฯ กรีฑา ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัท ฟุ๊คดุ๊ก โปรดักชั่น ชายร่างสูงหน้าตาคมเข้มในเสื้อเชิ้ต กางเกงยีนส์ และรองเท้าผ้าใบที่ดูผ่านการผจญภัยมานาน ทักทายต้อนรับเราอย่างเป็นกันเองกระทั่งเราเกือบลืมไปว่าเขาคือ “หม่อมราชวงศ์เฉลิมชาตรี ยุคล” หรือที่รู้จักกันในนามของ “คุณชายอดัม” นั่นเอง
คุณชายอดัม หรือ ผบ.กองเป็ด ซีอีโอคนเก่งวัย 27 ปีแห่งฟุ๊คดุ๊ก โปรดักชั่น หนึ่งในบริษัทผู้ผลิตสื่อนิวมีเดียอันดับต้นๆ ของประเทศไทย ให้บริการอินเทอร์เน็ตทีวีที่มีรายการน่าสนใจมากมาย รวมไปถึงแมกกาซีนออนไลน์และบล็อก “เราเป็นสื่อที่อยู่ในโลกสีเทา สิ่งใดก็ตามที่ฟุ๊คดุ๊กทำ ไม่ว่าจะเป็นทีวี ภาพยนตร์ หรืออื่นๆ เราจะอยู่ตรงกลางครับ เราไม่กระตุ้นตลาดด้วยการทำผิดศีลธรรมแต่ว่าก็ไม่ได้ยึดติดอยู่กับอะไรเดิมๆ ที่เราคิดว่าคนส่วนใหญ่น่าจะชอบ เราเลือกทำสิ่งใหม่ๆ ที่คนอื่นยังไม่ได้ทำเพื่อเป็นการเปิดโลกทัศน์วงการนี้” คุณชายอดัมเล่าด้วยน้ำเสียงอันมุ่งมั่น
นอกจากฟุ๊คดุ๊กแล้วคุณชายอดัมยังรับหน้าที่อีกหลายตำแหน่ง ทั้งเป็นโปรเจกต์ซูเปอร์ไวเซอร์ให้กับเกมตำนานสมเด็จพระนเรศวรออนไลน์ เป็นดีเจอยู่คลื่นความคิด 96.5 รวมถึงช่วยงาน “ท่านพ่อ” --หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ในการถ่ายทำภาพยนตร์โทรทัศน์ “พันท้ายนรสิงห์” อีกด้วย และแน่นอนว่าลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น ล่าสุด คุณชายอดัมนั่งแท่นเป็นผู้กำกับภาพยนตร์แนวดราม่าแอ็กชั่นที่มีชื่อว่า “ตำรวจปืนโหด” ซึ่งกำลังเดินกล้องถ่ายทำอยู่ในขณะนี้
ตำรวจปืนโหด—สานฝันวัยเด็ก
คุณชายอดัมเล่าถึงที่มาของภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า “ผมโตมากับหนังตำรวจยุคเก่าอย่าง Dirty Harry Serpico Black Rain ผมว่าพวกนี้เป็นหนังคลาสสิก จะดูวันนี้หรือเมื่อไหร่ก็ได้ ผมรู้สึกเสียดายที่คนไทยมักจะมองตำรวจเป็นแค่ตัวประกอบ พอมีโอกาสเลยอยากจะสร้างหนังประเภทนี้ที่แตกต่างจากหนังเรื่องอื่นๆ ในตลาดให้คนไทยได้ดูกัน”
ภาพยนตร์แนวนี้ถือว่ามีโปรดักชันที่ใหญ่พอสมควรสำหรับผู้กำกับมือใหม่ มีทั้งฉากแอ็กชั่น การใช้สเปเชียลเอฟเฟกต์ต่างๆ นานา รวมไปถึงมีตัวละครที่มีจำนวนมากกว่าภาพยนตร์รักโรแมนติกหรือคอเมดี้ทั่วไป แต่คุณชายอดัมก็ยังตั้งใจที่จะทำภาพยนตร์เรื่องนี้ให้สำเร็จ “ผมอยากจะลองขีดจำกัดของตัวเองว่าทำอะไรได้บ้าง หนังเรื่องนี้มีทุกรสจริงๆ ซึ่งมันท้าทายการทำงาน ท้าทายตัวเอง และท้าทายตลาดด้วยผมเลยเลือกทำครับ”
“ผมคาดหวังให้งานทุกชิ้นของผมประสบความสำเร็จในการนำเสนอออกไป ผมเป็นคนไม่ชอบดูตัวเลขครับ ความสำเร็จของผมคืออยู่ที่ว่างานมันออกมาตามที่เราตั้งใจไว้หรือไม่ ถ้าออกมาตามนั้น 100 เปอร์เซ็นต์สำหรับผมถือว่าสำเร็จแล้ว ผมได้ส่งสารให้กับผู้รับแล้วแต่เขาจะรับหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”
เมื่อถามถึงจุดเริ่มต้นว่าอะไรทำให้คุณชายอดัมตัดสินใจเลือกเดินเส้นทางการเป็นผู้กำกับเหมือนท่านพ่อ คุณชายตอบว่า “เรื่องมันเกิดขึ้นตอนผมอยู่ป.1 ครับ เป็นช่วงที่ภาพยนตร์เรื่อง “เสียดาย” กำลังเข้าฉาย สร้างรายได้ประมาณ 50 กว่าล้านบาท เป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่ได้รายได้สูงขนาดนั้น ผมจำได้ว่าวันหนึ่งมีโทรศัพท์โทร.เข้ามาที่บ้านขอสายท่านพ่อครับ ผมตอบไปว่าท่านพ่อไม่อยู่บ้าน ออกไปทำงาน แล้วปลายสายเขาบอกกลับมาว่า ฝากบอกท่านมุ้ยด้วยว่าเขาเลิกยาได้แล้ว ณ จุดนั้นผมก็คิดว่าการเป็นผู้กำกับเนี่ยแหละเจ๋งที่สุดแล้ว”
“ถ้าเกิดคนเราทำงานเพื่อเงินหรืออำนาจ และอำนาจนำมาซึ่งการได้ยอมรับนับถือจากคนอื่นๆ แต่กว่าจะถึงจุดนั้นได้คงต้องใช้เวลานานพอสมควร ในขณะที่การเป็นสื่อเนี่ย เราสามารถถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ สามารถสร้างอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตคนได้อย่างไม่น่าเชื่อ ประกอบกับว่าการทำภาพยนตร์เป็นสิ่งที่ผมรู้จักดีที่สุด ทั้งๆ ที่ท่านพ่อบอกผมว่าอย่าทำหนังเลย มันลำบาก มันเหนื่อยนะแต่ผมก็อยากทำ ทำทั้งๆ ที่รู้เนี่ยแหละครับว่าบั้นปลายชีวิตของเราคงจะไม่โสภาสถาพร ขับรถหรูๆ ร่ำรวยมหาศาล การที่ท่านพ่อทำหนังทำให้ผมรู้ครับว่าอาชีพนี้มันไม่ง่ายเลยจริงๆ”
จากเหตุการณ์ต่างๆ ทำให้คุณชายอดัมตัดสินใจศึกษาต่อทางด้านการภาพยนตร์ที่มหาวิทยาลัยบอนด์ ประเทศออสเตรเลียตามคำแนะนำของเพื่อนท่านพ่อ “บาซ เลอห์มานน์” ผู้กำกับชื่อดังชาวออสเตรเลีย เจ้าของผลงานระดับตำนานอย่าง โรมิโอ แอนด์ จูเลียต, มูแลง รูจ ออสเตรเลีย และล่าสุดกับเรื่อง เดอะ เกรต แกสบี้ นำแสดงโดย “ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ” ซึ่งกำลังจะเข้าฉายเร็วๆ นี้ “พอรู้ว่าผมจะเรียนต่อด้านนี้ คุณบาซก็ช่วยหาข้อมูลมาให้ ผมก็ลองไปดูแล้วชอบก็เลยเรียนที่บอนด์จนจบครับ”
เวลาว่างคือเวลาทำงาน
จากการทำงานอันหลากหลายทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าคุณชายอดัมชอบทำอะไรเวลาว่าง เขากลับตอบว่า “เวลาว่างของผมคือเวลาทำงานครับ คนเราว่างก็ต้องหาอะไรทำใช่ไหม สำหรับคนอื่นเขาอาจจะทำอย่างอื่นแต่สำหรับผมคือทำงาน ผมชอบที่ได้แก้ปัญหาไปเรื่อยๆ เวลาเหนื่อยจริงๆ ก็พักผ่อน ดูทีวี แต่เวลาดูทีวีเนี่ยผมก็อดคิดไม่ได้ว่าจะเอามาปรับใช้กับงานของผมยังไงได้บ้าง เลยเหมือนกับว่าผมทำงานอยู่ตลอดเวลาเว้นแค่ตอนหลับเท่านั้น”
“ในอนาคตยังมีหลายอย่างเลยครับที่ผมอยากทำ ทั้งรายการเรียลิตี้โชว์ รายการที่มี online persona ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านใดด้านหนึ่งมาแนะนำผ่านทางออนไลน์ อาจจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์ ทำสวนหรือสาขาอื่นใหม่ๆ ก็ได้ ส่วนอีกอย่างหนึ่งคือภาพยนตร์ ตอนนี้มีการพัฒนาไปเป็นบทแล้วประมาณ 7 เรื่องครับ”
คุณชายขวัญใจชาวไซเบอร์
ชาวออนไลน์จำนวนไม่น้อยที่ยกให้คุณชายอดัมเป็น “ผู้ดีตัวจริง” ซึ่งคุณชายให้ความเห็นเรื่องนี้ว่า “เราคงต้องมาตั้งคำถามกันก่อนว่าผู้ดีในที่นี้หมายถึงอะไร ถ้าหมายถึงคนมีมารยาท เป็นคนดี ไม่ผิดศีลธรรมอันนั้นผมยอมรับว่าผมเป็นผู้ดี แต่ถ้าหมายถึงคนที่ต้องออกงานสังคม ต้องดูภูมิฐานตลอดเวลา แต่งตัวดี ขับรถดี ผมเองคงไม่ใช่ผู้ดีแบบนั้น ผมอาจจะมีคำนำหน้าว่าหม่อมราชวงศ์ แต่ผมก็เป็นคนธรรมดา ต้องทำมาหาเลี้ยงชีพไม่ต่างจากคนอื่นๆ หรอกครับ”
และในฐานะที่พี่สาวของคุณชายอดัม “คุณหญิงแมงมุม-หม่อมราชวงศ์ศรีคำรุ้ง ยุคล” ได้เป็นฝั่งเป็นฝามีครอบครัวไปแล้วกับพลตรีพัชร รัตตกุล หรือเสธ.ดอลล่าร์ Celeb Online จึงไม่พลาดถามว่าเมื่อไหร่คุณชายจะมีครอบครัวบ้าง “พี่แมงมุมเป็นคนที่มองหาครอบครัวไม่ได้มองหาการผจญภัยเหมือนผม เขาต้องการคนดูแลที่ดีแล้วเขาก็ได้แต่งงานกับพี่ดอลล่าร์ซึ่งเป็นคนดีมาก ส่วนผมไม่เคยอยู่กับที่ ผมเดินทางมาแล้วรอบโลก คอยเอาคอขึ้นเขียงอยู่ตลอด เสี่ยงอยู่ตลอดเวลาเพื่อที่จะดันชีวิตตัวเองไปข้างหน้า ผมเลยคิดว่ามันยังไม่ถึงเวลาแล้วก็คงจะอยู่อย่างนี้ไปสักพัก คิดดูนะครับตอนนี้ผมยังไม่ได้นอนมาสองสามวันแล้ว ผมจะเอาเวลาที่ไหนไปนั่งป้อนนมดูแลลูกได้ละครับ” คุณชายพูดทิ้งท้ายพร้อมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
เพราะชีวิตคนเรานั้นแสนสั้นนัก เมื่อมีโอกาสทำในสิ่งที่ตัวเองรักก็ควรทำอย่างเต็มที่ และถึงแม้ว่าจะมีอุปสรรคใดๆ มาขวางกั้น เราก็ย่อมฝ่าฟันไปได้ด้วยดีตราบใดที่เราตั้งใจทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุดเช่นเดียวกับผู้ชายคนนี้ “หม่อมราชวงศ์เฉลิมชาตรี ยุคล”
คุณชายอดัมกับ 3 เล่มสุดโปรด
“Magnum Stories” โดย Magnum Agency
ผมชอบมากเลยเล่มนี้ เป็นหนังสือที่รวบรวมเรื่องราวการทำงาน วิธีคิด มุมมองของช่างภาพระดับโลกจากแมกนั่มเอเยนซีในฝรั่งเศส ซึ่งเขาทำงานกับสิ่งพิมพ์ชั้นนำอย่าง National Geography, Stern, Life และ New York Times ภาพข่าวสุดยอดของโลกเนี่ยมาจากที่นี่เกือบทั้งหมด
“หลายชีวิต” ของ หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช
ผมคิดว่าถ้าคนเราอยากจะใช้ชีวิตหนึ่งชีวิตเนี่ย ควรจะอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วจะรู้ว่าชีวิตของคนเรามีดีมีร้ายแค่ไหน เราจะเรียนรู้ว่าเราไม่ได้เป็นคนเดียวที่จะต้องเจอมรสุมชีวิต ปัญหาสำหรับแต่ละคนถึงแม้จะออกมาคนละรูปแบบกันแต่มันใหญ่เท่ากันหมด อ่านแล้วปลงกับชีวิตได้เยอะครับเล่มนี้
“เหี้ย ห่า และสารพัดสัตว์” ของ หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล
ของท่านพ่อครับ เล่มนี้เป็นหนังสือสังคมที่บ้าที่สุดเท่าที่ผมเคยอ่านมา แต่ว่าเข้าใจง่าย เนื้อหาไม่ตกยุคเลยจะอ่านเมื่อไหร่ก็ได้
คติในการดำเนินชีวิตของคุณชายอดัม
“สิ่งที่ผมคิดและทำมาตลอดคือเวลากินข้าวผมจะไม่มองจานคนอื่น ผมจะมีความสุขกับจานของตัวเองอยู่เสมอ คือผมไม่เคยคิดว่าคนอื่นดีกว่าหรือแย่กว่า ผมใส่ใจแต่สิ่งที่ตัวเองทำอยู่และผมก็ทำให้ดีที่สุด อาหารอะไรก็ตามที่ผมสั่งมาแล้วผมจะยอมรับมันเหมือนกับการตัดสินใจใดๆ ก็ตามในชีวิตของผม ไม่ว่าจะยังไงผมจะยอมรับและอยู่กับมันให้ได้ การที่เอาชีวิตของเราไปเปรียบเทียบกับโลกนี่มันไม่มีทางได้ดีหรอกครับ ถ้าคนอื่นเค้าอยากจะมามองเราเองอันนั้นเป็นเรื่องของเขา เราทำตัวเราให้ดีที่สุดพอแล้วครับ”
>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net