By Lady Manager
ในงานเปิดตัวแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ของคลีนิกข์ “NEW Repairwear Laser Focus Wrinkle Correcting Eye Cream (นิว รีแพร์แวร์ เลเซอร์ โฟกัส ริงเกิ้ล คอร์เร็กทิ่ง อาย ครีม)” ได้เชิญ นพ.กฤษธิพร เพ็งสุข แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง จากนิรันดา อินฟินิตี้ สกิน คลินิก (Nirunda Infinity Skin Clinic) มาให้ความรู้เรื่องถึงแนวทางการรักษาและดูแลผิวรอบดวงตาอย่างละเอียดยิบ โดยครอบคลุมหลากหลายปัญหา ไม่ว่าจะเป็นถุงไขมันใต้ตา, ถุงใต้ตาที่เกิดจากการบวมน้ำ, รอยคล้ำใต้ดวงตา, ร่องน้ำตาลึก, และริ้วรอยใต้ดวงตา
เราจึงอดไม่ได้ที่จะรวบรวมมาฝากคุณผู้อ่านสาวๆ ค่ะ
สารพันปัญหาดวงตา กับวิธีรักษา
หากคุณมีถุงไขมันใต้ตา คุณหมอกล่าวว่าการผ่าตัดถุงใต้ตา ยังคงเป็นวิธีการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับปัญหานี้ในปัจจุบัน ทว่าสาวใดมีอาการโป่งนูนเพียงเล็กน้อยเเละมีร่องน้ำตาที่ลึกร่วมด้วย การฉีดสารเติมเต็มจะเป็นวิธีที่ช่วยเเก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า
กรณีมีถุงใต้ตาที่เกิดจากการบวมน้ำ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากหลายสาเหตุ อาทิ โรคภูมิเเพ้, การติดเชื้อในโพรงไซนัส, ความดันโลหิตสูง, การรับประทานอาหารที่มีรสเค็มมากเกินไป หรือเเม้กระทั่งการร้องไห้ก็ทำให้เกิดอาการนี้ได้เช่นกัน
คุณหมอกฤษธิพรแนะให้แก้ที่ต้นเหตุ อย่าง รักษาโรคภูมิเเพ้ หรือการติดเชื้อของโพรงไซนัส ก็ควรเริ่มต้นรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
“นอนยกศีรษะสูง เพื่อลดการคั่งของน้ำใต้ดวงตา งดสิ่งที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองของผิวหนังรอบดวงตา เช่น การขยี้ตา การนอนหลับทั้งๆ ที่ยังมีเครื่องสำอางอยู่รอบดวงตา หรือเเม้กระทั่งการทำความสะอาดผิวหนังรอบดวงตาโดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่รุนเเรงต่อผิวมากเกินไป”
คุณหมอเพิ่มเติมว่า การใข้ ice pack, เเตงกวา, ถุงชา สามารถช่วยลดอาการบวมอาการได้
รอยคล้ำหรือรอยดำใต้ดวงตาเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยมาก เกิดจากการสะสมของเมลานินใต้ผิวหนัง อันเนื่องมาจากพันธุกรรม หรือถูขยี้ตาบ่อยๆ กระทั่งการเเพ้เครื่องสำอาง เป็นต้น
แน่นอน การรักษาเบื้องต้นคือ คุณสาวๆ ต้องลดละเลิกการถูขยี้หรือใช้เครื่องสำอางนั้นๆ
หันมาใช้ครีมที่มีส่วนผสมของ Retinoic acid ในปริมาณเล็กน้อย จะช่วยให้รอยคล้ำดีขึ้นได้
“การรักษาด้วยเครื่องมือทางการเเพทย์ เช่น IPL หรือเลเซอร์กลุ่มรักษาเม็ดสี Q-switched laser สามารถช่วยลดรอยคล้ำใต้ตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรอยคล้ำที่เกิดจากการโดนเเสงแดด” คุณหมอกฤษธิพรพูด
ส่วนรอยคล้ำใต้ตาที่เกิดจากเส้นเลือด โดยเฉพาะยิ่งสาวเริ่มสูงวัย เนื่องจากผิวหนังรอบดวงตานั้นค่อยๆ บางลง จนทำให้เส้นเลือดฝอยเเละเส้นเลือดขนาดเล็กอื่นๆ ดูเด่นขึ้น จนทำให้เห็นเป็นรอยคล้ำใต้ดวงตาขึ้นได้
“ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของสารที่ก่อให้เกิดการหดตัวของเส้นเลือด เช่น คาเฟอีน” คุณหมอแนะเลเซอร์
“เลเซอร์ในกลุ่ม Vascular laser ไม่ว่าจะเป็น long pulsed Nd-Yag laser (เช่น Laser Genesis/ Coolglide, Gentle Yag), Dual Yellow Laser สามารถทำลายเส้นเลือดที่ก่อให้เกิดรอยคล้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
สาวจำนวนไม่น้อยประสบปัญหาร่องน้ำตาลึก อันเนื่องมาจากการพร่องของเนื้อเยื่อคอลลาเจนของร่องน้ำตา ทำให้ดวงตาดูคล้ำเพราะความหวำลึกของเบ้าตา
คุณหมอกฤษธิพรฟันธงเลยว่า การฉีดสารเติมเต็มเป็นวิธีที่ได้ผลชัดเจนมากสำหรับผู้มีร่องน้ำตาลึก
“เเต่ทั้งนี้ควรได้รับการฉีดโดยเเพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เนื่องจากบริเวณนี้เป็นบริเวณที่มีเส้นเลือดค่อนข้างมาก เเละถ้าได้รับการฉีดสารปริมาณที่มากเกินไปก็อาจก่อให้เกิดการโป่งนูนใต้ดวงตาซึ่งยากต่อการเเก้ไขได้ครับ”
อีกปัญหายอดฮิตหนักอกหนักใจของใครหลายคนคือ ริ้วรอยใต้ดวงตา
ผิวหนังบริเวณรอบดวงตามีความละเอียดอ่อนเเละบอบบางกว่าผิวหนังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย อีกทั้งได้รับการกระตุ้นได้อย่างง่ายๆ ผ่านการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อเวลาที่มีการเเสดงออกทางใบหน้า เช่น ยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ รวมทั้งแสงแดด บุหรี่
“การฉีดโบท็อกซ์ หรือ Botulinum toxin ทำให้เกิดการคลายตัวของกล้ามเนื้อ ริ้วรอยต่างๆ หายไป หรือการรักษาโดยใช้เลเซอร์ Laser Resurfacing เช่น CO2 laser, Erbium Laser, YSGG laser จะลดริ้วรอยบริเวณรอบดวงตาได้ในระยะยาว”
ป้องกันดูแลตั้งแต่สาว สำคัญที่สุด
“ดูเเลรักษาผิวหนังรอบดวงตาตั้งเเต่เยาว์วัยเป็นสิ่งสำคัญมาก ที่จะช่วยป้องกันเเละชะลอการเกิดปัญหาต่างๆ ที่พูดข้างต้นเมื่อเราอายุมากขึ้น”
คุณหมอกฤษธิพรสอนเลยว่า ต้องพักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการใช้สายตาที่มากจนเกินไป หลีกเลี่ยงการอยู่กลางเเสงเเดดเป็นเวลานานๆ ใส่เเว่นกันเเดดและทาครีมกันเเดดเป็นประจำ
“ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 เเก้วด้วยครับ กินอาหารที่มีประโยชน์และช่วยบำรุงผิวหนังรอบดวงตา เช่น ถั่วเหลือง รำข้าว รวมทั้งกลุ่มแอนตี้ออกซิเดนท์ ทั้งลดการสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และใช้อายครีมที่มีส่วนประกอบของแอนตี้ออกซิเดนท์ สารเพิ่มความชุ่มชื้น สารพวกโพลีเพ็พไทด์ สารเรตินอยด์ หรือสารที่ช่วยลดการผลิตเม็ดสี
และที่สำคัญ การทำความสะอาดผิวรอบดวงตาด้วยเทคนิคเเละผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ไม่รุนเเรงจนเกินไป หรือกรณีที่ใช้เลเซอร์ การทำศัลยกรรมต่างๆ หรือนวัตกรรมอื่นๆ เช่น Stem cell treatment ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น”
พูดง่ายๆ มีวินัยในการดูแลตน ดีที่สุดจ้า
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
ในงานเปิดตัวแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ของคลีนิกข์ “NEW Repairwear Laser Focus Wrinkle Correcting Eye Cream (นิว รีแพร์แวร์ เลเซอร์ โฟกัส ริงเกิ้ล คอร์เร็กทิ่ง อาย ครีม)” ได้เชิญ นพ.กฤษธิพร เพ็งสุข แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง จากนิรันดา อินฟินิตี้ สกิน คลินิก (Nirunda Infinity Skin Clinic) มาให้ความรู้เรื่องถึงแนวทางการรักษาและดูแลผิวรอบดวงตาอย่างละเอียดยิบ โดยครอบคลุมหลากหลายปัญหา ไม่ว่าจะเป็นถุงไขมันใต้ตา, ถุงใต้ตาที่เกิดจากการบวมน้ำ, รอยคล้ำใต้ดวงตา, ร่องน้ำตาลึก, และริ้วรอยใต้ดวงตา
เราจึงอดไม่ได้ที่จะรวบรวมมาฝากคุณผู้อ่านสาวๆ ค่ะ
สารพันปัญหาดวงตา กับวิธีรักษา
หากคุณมีถุงไขมันใต้ตา คุณหมอกล่าวว่าการผ่าตัดถุงใต้ตา ยังคงเป็นวิธีการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับปัญหานี้ในปัจจุบัน ทว่าสาวใดมีอาการโป่งนูนเพียงเล็กน้อยเเละมีร่องน้ำตาที่ลึกร่วมด้วย การฉีดสารเติมเต็มจะเป็นวิธีที่ช่วยเเก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า
กรณีมีถุงใต้ตาที่เกิดจากการบวมน้ำ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากหลายสาเหตุ อาทิ โรคภูมิเเพ้, การติดเชื้อในโพรงไซนัส, ความดันโลหิตสูง, การรับประทานอาหารที่มีรสเค็มมากเกินไป หรือเเม้กระทั่งการร้องไห้ก็ทำให้เกิดอาการนี้ได้เช่นกัน
คุณหมอกฤษธิพรแนะให้แก้ที่ต้นเหตุ อย่าง รักษาโรคภูมิเเพ้ หรือการติดเชื้อของโพรงไซนัส ก็ควรเริ่มต้นรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
“นอนยกศีรษะสูง เพื่อลดการคั่งของน้ำใต้ดวงตา งดสิ่งที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองของผิวหนังรอบดวงตา เช่น การขยี้ตา การนอนหลับทั้งๆ ที่ยังมีเครื่องสำอางอยู่รอบดวงตา หรือเเม้กระทั่งการทำความสะอาดผิวหนังรอบดวงตาโดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่รุนเเรงต่อผิวมากเกินไป”
คุณหมอเพิ่มเติมว่า การใข้ ice pack, เเตงกวา, ถุงชา สามารถช่วยลดอาการบวมอาการได้
รอยคล้ำหรือรอยดำใต้ดวงตาเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยมาก เกิดจากการสะสมของเมลานินใต้ผิวหนัง อันเนื่องมาจากพันธุกรรม หรือถูขยี้ตาบ่อยๆ กระทั่งการเเพ้เครื่องสำอาง เป็นต้น
แน่นอน การรักษาเบื้องต้นคือ คุณสาวๆ ต้องลดละเลิกการถูขยี้หรือใช้เครื่องสำอางนั้นๆ
หันมาใช้ครีมที่มีส่วนผสมของ Retinoic acid ในปริมาณเล็กน้อย จะช่วยให้รอยคล้ำดีขึ้นได้
“การรักษาด้วยเครื่องมือทางการเเพทย์ เช่น IPL หรือเลเซอร์กลุ่มรักษาเม็ดสี Q-switched laser สามารถช่วยลดรอยคล้ำใต้ตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรอยคล้ำที่เกิดจากการโดนเเสงแดด” คุณหมอกฤษธิพรพูด
ส่วนรอยคล้ำใต้ตาที่เกิดจากเส้นเลือด โดยเฉพาะยิ่งสาวเริ่มสูงวัย เนื่องจากผิวหนังรอบดวงตานั้นค่อยๆ บางลง จนทำให้เส้นเลือดฝอยเเละเส้นเลือดขนาดเล็กอื่นๆ ดูเด่นขึ้น จนทำให้เห็นเป็นรอยคล้ำใต้ดวงตาขึ้นได้
“ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของสารที่ก่อให้เกิดการหดตัวของเส้นเลือด เช่น คาเฟอีน” คุณหมอแนะเลเซอร์
“เลเซอร์ในกลุ่ม Vascular laser ไม่ว่าจะเป็น long pulsed Nd-Yag laser (เช่น Laser Genesis/ Coolglide, Gentle Yag), Dual Yellow Laser สามารถทำลายเส้นเลือดที่ก่อให้เกิดรอยคล้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
สาวจำนวนไม่น้อยประสบปัญหาร่องน้ำตาลึก อันเนื่องมาจากการพร่องของเนื้อเยื่อคอลลาเจนของร่องน้ำตา ทำให้ดวงตาดูคล้ำเพราะความหวำลึกของเบ้าตา
คุณหมอกฤษธิพรฟันธงเลยว่า การฉีดสารเติมเต็มเป็นวิธีที่ได้ผลชัดเจนมากสำหรับผู้มีร่องน้ำตาลึก
“เเต่ทั้งนี้ควรได้รับการฉีดโดยเเพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เนื่องจากบริเวณนี้เป็นบริเวณที่มีเส้นเลือดค่อนข้างมาก เเละถ้าได้รับการฉีดสารปริมาณที่มากเกินไปก็อาจก่อให้เกิดการโป่งนูนใต้ดวงตาซึ่งยากต่อการเเก้ไขได้ครับ”
อีกปัญหายอดฮิตหนักอกหนักใจของใครหลายคนคือ ริ้วรอยใต้ดวงตา
ผิวหนังบริเวณรอบดวงตามีความละเอียดอ่อนเเละบอบบางกว่าผิวหนังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย อีกทั้งได้รับการกระตุ้นได้อย่างง่ายๆ ผ่านการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อเวลาที่มีการเเสดงออกทางใบหน้า เช่น ยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ รวมทั้งแสงแดด บุหรี่
“การฉีดโบท็อกซ์ หรือ Botulinum toxin ทำให้เกิดการคลายตัวของกล้ามเนื้อ ริ้วรอยต่างๆ หายไป หรือการรักษาโดยใช้เลเซอร์ Laser Resurfacing เช่น CO2 laser, Erbium Laser, YSGG laser จะลดริ้วรอยบริเวณรอบดวงตาได้ในระยะยาว”
ป้องกันดูแลตั้งแต่สาว สำคัญที่สุด
“ดูเเลรักษาผิวหนังรอบดวงตาตั้งเเต่เยาว์วัยเป็นสิ่งสำคัญมาก ที่จะช่วยป้องกันเเละชะลอการเกิดปัญหาต่างๆ ที่พูดข้างต้นเมื่อเราอายุมากขึ้น”
คุณหมอกฤษธิพรสอนเลยว่า ต้องพักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการใช้สายตาที่มากจนเกินไป หลีกเลี่ยงการอยู่กลางเเสงเเดดเป็นเวลานานๆ ใส่เเว่นกันเเดดและทาครีมกันเเดดเป็นประจำ
“ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 เเก้วด้วยครับ กินอาหารที่มีประโยชน์และช่วยบำรุงผิวหนังรอบดวงตา เช่น ถั่วเหลือง รำข้าว รวมทั้งกลุ่มแอนตี้ออกซิเดนท์ ทั้งลดการสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และใช้อายครีมที่มีส่วนประกอบของแอนตี้ออกซิเดนท์ สารเพิ่มความชุ่มชื้น สารพวกโพลีเพ็พไทด์ สารเรตินอยด์ หรือสารที่ช่วยลดการผลิตเม็ดสี
และที่สำคัญ การทำความสะอาดผิวรอบดวงตาด้วยเทคนิคเเละผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ไม่รุนเเรงจนเกินไป หรือกรณีที่ใช้เลเซอร์ การทำศัลยกรรมต่างๆ หรือนวัตกรรมอื่นๆ เช่น Stem cell treatment ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น”
พูดง่ายๆ มีวินัยในการดูแลตน ดีที่สุดจ้า
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net