>>เมื่อพูดถึงนิตยสารแฟชั่นระดับโลก รับรองว่าชื่อของ "VOGUE" ต้องติดอันดับต้นๆ อย่างแน่นอน ด้วยความเป็นเลิศในการพัฒนาวงการแฟชั่นในประเทศต่างๆ โว้กจึงได้รับการยกย่องให้เป็น “คัมภีร์แฟชั่น” นอกจากนี้แล้วโว้กยังเป็นมาตรวัดทางวัฒนธรรมสำหรับผู้อ่านทั่วโลก และหลังจากการรอคอยมานาน “คุณเจมส์ วูลเฮาส์” ประธานภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก บริษัทคอนเดนาสต์ อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้พิมพ์นิตยสารโว้กทั่วโลกเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่จะมี VOGUE ฉบับประเทศไทย
เพราะเป็นมากกว่านิตยสาร การเปิดตัวของโว้กในไทยนั้นจะมาแบบเต็มรูปแบบทั้งนิตยสาร เว็บไซต์ และแอพลิเคชั่นบนมือถือโดยแต่ละช่องทางจะให้ข้อมูลที่แตกต่างกัน “ผู้อ่านจะได้ชื่นชมกับภาพถ่ายแฟชั่นสวยๆจากช่างภาพมืออาชีพ ในขณะที่เว็บไซต์จะมีข่าวสารอัพเดทอยู่ตลอดเวลา สำหรับตัวแอพลิเคชั่นนั้นอาจจะรวมข้อมูลแหล่งช็อปปิ้งต่างๆ” คุณเจมส์เล่าให้ Celeb Online ฟังถึงโว้กในรูปแบบต่างๆ
“ผมคาดหวังว่าโว้ก ประเทศไทยจะเป็นตัวแทนสนับสนุนและพัฒนาวงการแฟชั่นในประเทศ รวมถึงโปรโมตวัฒนธรรมอันสวยงามของไทยให้ทั่วโลกได้รู้จัก” คุณเจมส์กล่าวด้วยความมั่นใจ “โว้กไม่ได้เป็นพื้นที่สำหรับแฟชั่นชั้นสูงเท่านั้น เราจะเปิดโอกาสและส่งเสริมให้ดีไซเนอร์ไทยได้แสดงผลงานมากขึ้น ให้โลกได้มองเห็นความน่าสนใจของอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยผ่านนิตยสารโว้ก ไทยแลนด์”
นิตยสารโว้ก ประเทศไทย ถือว่าเป็นลำดับที่ 21 ของโลก และ 6 ของเอเชีย หลายคนจึงสงสัยว่าทำไมถึงเข้ามาบ้านเราช้ากว่าประเทศอื่นๆ ในเอเชีย อย่าง ไต้หวัน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น หรือจีนหลายปี ซึ่งคุณเจมส์ได้ให้เหตุผลเรื่องนี้ว่า “ก่อนที่จะเปิดตัวโว้กในประเทศต่างๆ เราต้องพิจารณาจากองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น อัตราการเติบโตของธุรกิจค้าปลีกในประเทศนั้นๆ เพราะต้นทุนการทำโว้กค่อนข้างสูง เราจึงต้องดูความคุ้มค่าในการลงทุน นอกจากนี้ เรื่องกองบรรณาธิการก็สำคัญมากเช่นเดียวกัน เราต้องการบุคคลที่ยอดเยี่ยมที่สุดมาทำงานกับเรา”
สำหรับบุคคลที่จะมานั่งแท่นเป็นบรรณาธิการบริหารนิตยสารโว้ก ไทยแลนด์ ได้แก่ “คุณฟอร์ด - กุลวิทย์ เลาสุขศรี” ผู้คร่ำหวอดในวงการนิตยสารแฟชั่นไทยมาเป็นเวลานาน “ในสายตาของผม กุลวิทย์เป็นบุคคลที่โดดเด่นมากที่สุด ด้วยประสบการณ์ต่างๆ ที่เขามีจึงทำให้เขาเป็นบุคคลที่เหมาะสมที่สุดสำหรับโว้ก ประเทศไทย” เจมส์ วูลเฮาส์ กล่าว
อย่างที่หลายคนทราบว่าทีมงานนิตยสารโว้ก ประเทศไทย ส่วนใหญ่เคยทำงานให้กับนิตยสารคู่แข่งมาแล้ว รวมไปถึงคุณฟอร์ดเองเช่นเดียวกัน เขาเคยรับหน้าที่บรรณาธิการบริหารนิตยสาร ELLE ก่อนจะข้ามฟากมากุมบังเหียนให้โว้ก คุณเจมส์ วูลเฮาส์ จึงชี้แจงเรื่องนี้ว่า “เรามองหาบุคคลที่ดีที่สุดเสมอ เพราะฉะนั้นเรื่องแบบนี้จึงเป็นเรื่องปกติ อย่างเช่น บก.โว้ก ประเทศจีน แองเจลิก้า เฉียงก็เคยทำงานให้กับนิตยสารแอลที่นั่นมาก่อน ธุรกิจของเราคือการทำงานกับคนที่ดีที่สุดเท่านั้นครับ”
ถึงแม้ว่าในบรรดาบก.โว้กทุกฉบับทั่วโลก ชื่อของ “แอนนา วินทัวร์” บก.ตัวแม่จากฝั่งอเมริกา นับว่าเป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับนับถืออย่างกว้างขวางในฐานะบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งในวงการแฟชั่น แต่แอนนาจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโว้กประเทศไทยแต่อย่างใด เพราะโว้กแต่ละประเทศจะมีบุคลิก เนื้อหา รายละเอียดที่แตกต่างกันตามตลาดของประเทศนั้นๆ
อีกหนึ่งประเด็นที่น่าจับตามองมากที่สุดของโว้ก ฉบับภาษาไทยคือการที่บริษัท เซเรนดิพิตี้ ภายใต้การบริหารของ “คุณสิรี อุดุมฤทธิรุจ” อดีตผู้บริหารโพสต์อินเตอร์ ได้รับลิขสิทธิ์นิตยสารดังกล่าวมาเปิดตลาดในประเทศไทยทั้งๆ ที่เป็นบริษัทใหม่ จึงมีข่าวลือว่าเป็นกลยุทธ์การตลาดของบริษัทโพสต์อินเตอร์ ผู้ผลิตนิตยสาร ELLE โดยการส่งทีมงานแยกตัวมาเปิดบริษัทใหม่เพื่อที่จะนำเข้าโว้กได้
เมื่อถามถึงเรื่องนี้ คุณเจมส์ตอบอย่างนุ่มนวลว่า “ มันไม่มีประโยชน์ที่เราจะทำงานกับสำนักพิมพ์ที่ก่อตั้งมานานแต่ไม่มีทีมงานตามที่เราต้องการ แต่เป็นเพราะเซเรนดิพิตี้มีทีมบรรณาธิการที่ดีที่สุด เราจึงเห็นว่าพวกเขาเหมาะสม ส่วนเรื่องข่าวลือนั้นผมไม่ขอออกความเห็นนะครับ ข่าวลือก็เป็นเพียงแค่ข่าวลือเท่านั้น จริงไหม?”
ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร แต่เรื่องหนึ่งที่แน่นอนที่สุดคือการเปิดตัวของนิตยสารระดับโลกอย่างโว้ก ในประเทศไทยนับว่าเป็นก้าวสำคัญของวงการสื่อบ้านเรา นอกจากนี้แล้วจะทำให้คนไทยตื่นตัว และเข้ามามีส่วนร่วมในวงการแฟชั่นมากขึ้นอย่างแน่นอน
นิตยสารโว้ก ประเทศไทย จะออกเป็นรายเดือน โดยมีคอนเทนต์ไทย 70% และอีก 30% เป็นคอนเทนต์ต่างประเทศมีความหนาประมาณ 250-300 หน้า วางจำหน่ายในราคาเล่มละ 100 บาท มีกำหนดวางแผงฉบับแรกในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ปีหน้า พร้อมเงินลงทุนสูงถึง 150 ล้านบาท
>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
