xs
xsm
sm
md
lg

คุยกับ เนม - ปราการ ไรวา หนุ่มติสต์เจ้าโปรเจ็กต์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


>>คุณอาจจะรู้จักหนุ่มคนนี้จากเวทีคอนเสิร์ตเพลงอินดี้ หรืออาจจะรู้จักเพราะเขาเป็นหนึ่งในทายาทของอาณาจักร เอส แอนด์ พี หลายคนคุ้นตาหนุ่มภายใต้กรอบแว่นทรงวินเทจจากภาพข่าวในหน้าสังคม แต่ครั้งนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ เขาให้มากขึ้นไปอีก ทั้งเรื่องธุรกิจส่วนตัวและธุรกิจของที่บ้าน งานดนตรีที่เขาเปรียบเหมือนจังหวะของลมหายใจ รวมไปถึงเรื่องความรักในแบบฉบับของ “เนม - ปราการ ไรวา”

:: เส้นทางสายดนตรี

“ไกลแค่ไหนคือใกล้” คือชื่อเพลงซิงเกิ้ลใหม่ของวง “เก็ตซึโนวา” โดยมี เนม เป็นนักร้องนำ หลังจากที่วงดนตรีสุดแนววงนี้ ห่างหายจากถนนดนตรีของเมืองไทยไปนานพอสมควร เมื่อกลับมาปักหลักที่เมืองไทยอย่างถาวรแล้ว เขาและเพื่อนๆ กลุ่มเดิม เลยลุกขึ้นมาปัดฝุ่นความฝันอีกครั้ง

ถ้ายังจำกันได้เมื่อหลายปีก่อน เนม เคยโลดแล่นอยู่ในถนนสายดนตรีกับค่ายยักษ์ใหญ่ในฐานะนักร้องวัยรุ่นศิลปินเดี่ยว ก่อนจะหายเงียบไปเพราะต้องไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ ก่อนจะกลับมาอีกครั้งกับวงดนตรีแนวอิเล็กทรอนิกส์ ที่เขาร่วมกับเพื่อนๆ ทำเพลงแบบ “ข้ามประเทศ” ระหว่างศึกษาอยู่สาขา Fashion Journalismอยู่ที่ London College of Fashion ในนามวง เก็ตซึโนวา และถือเป็นวงดนตรีอินดี้ที่มีคนฟังเฉพาะกลุ่มในตอนนั้น

เนมบอกกับเราว่า งานเพลงคราวนี้จะฟังง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะ “ยอมรับว่าตอนนั้นกระแสเพลงอิเล็กทรอนิกส์ในบ้านเรายังมีน้อยมาก แถมเพลงเรายังไม่ค่อยเน้นสื่อสารสักเท่าไหร่ ออกแนวทำตามใจตัวเองมากกว่า กลับมาคราวนี้ก็ยังคงเป็นอิเล็กทรอนิกส์เหมือนเดิม แต่ฟังง่ายขึ้น สามารถร้องตามได้ง่าย”

จุดเริ่มต้นในการสนใจเรื่องดนตรีของเขา อาจจะมาจากการได้เห็นไอดอลอย่าง “ป๊อด โมเดิร์นด็อก” และ “น้อย วงพรู”
ส่งผ่านพลังบางอย่างออกมาจากการร้องเพลง “ผมเป็นคนมีสองบุคลิกนะ เมื่อก่อนเป็นคนขี้อายมากถึงมากที่สุด แต่พอได้มาขึ้นร้องเพลงบนเวที มันเหมือนเป็นการปลดปล่อยอะไรบางอย่างออกจากตัว โดยที่ไม่ต้องแคร์ว่าคนอื่นจะมองยังไง เราอยู่บนเวที เราจะทำอะไรก็ได้ไม่ผิด เราจะทำท่าทางอะไรก็ได้ทั้งนั้น”

และใครจะคิดว่าหนุ่มขี้อายคนนี้ ในสมัยเด็กเคยมีโอกาสขึ้นไปร้องเพลงในพิธีเปิดกีฬาเอเชี่ยนเกมส์เมื่อปี 1998 ที่เมืองไทยเป็นเจ้าภาพมาแล้วด้วย

:: แฟชั่นสไตล์ปราการ

ไม่เฉพาะเรื่องดนตรีที่อยู่ในความสนใจของเขา แต่เรื่องสไตล์และแฟชั่น ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่ง ที่หลงใหล จนได้ร่วมก่อนตั้งแบรนด์เสื้อผ้าสไตล์ญี่ปุ่น Hokuto “เพราะผมเรียนด้านแฟชั่นมาด้วย และระหว่างที่อยู่ลอนดอน เราได้เห็นแฟชั่นที่โน่นค่อนข้างเยอะ แต่ผมก็ไม่ได้แต่งตัวตามเทรนด์เลยนะ พอเห็นอะไรที่เหมาะกับตัวเอง จะชอบหยิบมาใส่ ผมเองแต่งตัวน้อยนะ ถ้าเทียบกับผู้ชายที่ชอบแต่งตัวคนอื่นๆ”

สำหรับแบรนด์ Hokuto ก่อนหน้านี้เขาเข้าไปมีส่วนร่วมในหน้าที่ Managing Director ซึ่งทำหน้าที่ทุกอย่างตั้งแต่ครีเอทีฟไปจนถึงจัดร้านด้วยตัวเอง ก่อนจะก้าวออกมาเหลือเพียงการเป็นพาร์ทเนอร์เท่านั้น ซึ่งเนมบอกว่า ธุรกิจเสื้อผ้าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย “งานนี้มีดีเทลเยอะมาก ต้องใช้การประนีประนอม ทุกวันจะเจอปัญหาและต้องแก้ปัญหาจะมีดีเทลเล็กๆ น้อยๆ ที่สำคัญ และต้องคำนึงถึงตลอดเวลา เนื่องจากเราเป็นบริษัทเล็กๆ ผมต้องทำทุกอย่าง ตั้งแต่ออกไอเดียเสื้อผ้า ประสานงานกับห้าง ดูแลพนักงานไปจนถึงจัดร้านด้วยตัวเอง”

:: ตัวตน “เนม ปราการ”

จากมุมมองคนภายนอก หนุ่มคนนี้อาจจะเป็นเด็กแนว ติสต์ หรือ ไฮโซ ได้ทั้งนั้น แต่สำหรับตัวเขาเอง เนม มองว่าเขาเป็นชายหนุ่มที่ยังมีความเป็นเด็กในตัวสูง ทุกวันนี้เขายังชอบเล่นเกม และติดนิยายแฟนตาซี

“ผมว่าผมเนิร์ดเลยนะ (หัวเราะ) ผมค่อนข้างมีโลกส่วนตัวสูง ชอบอยู่กับตัวเอง ชอบจินตนาการ ชอบคิดโน่นนี่ไปเรื่อยๆ แต่พอคิดเสร็จก็ต้องทำ ถ้าไม่ทำจะรู้สึกเสียเปล่า อย่างงานเพลง ผมชอบคิด เลยชอบถ่ายทอดออกมา ถึงแม้จะเล่นดนตรีไม่ถนัด แต่ผมจะมีเมโลดี้อยู่ในหัวตลอด ดนตรีผมส่วนใหญ่จะมาจากความรู้สึกและรสนิยมตอนนั้น หรือเวลาฟังเพลงผมก็จะเห็นเป็นภาพประกอบเหมือนเป็นหนังหรือพวกกราฟิกโมชั่น

อย่างตอนนี้ติดอ่านนิยายแฟนตาซีเรื่องA Wheel of Time เป็นหนังสือที่ดังมาก มีสิบกว่าตอน เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กคนหนึ่ง ที่มีเรื่องราวต่างๆ และทำให้เขากลายเป็นฮีโร่ ผมว่ามันก็เป็นความใฝ่ฝันของเด็กทุกคนที่อยากเป็นฮีโร่ และผมก็เป็นคนชอบพวกซูเปอร์ฮีโร่อยู่แล้ว พออ่านแล้วเหมือนไม่ได้อยู่ในโลกที่เป็นไปไม่ได้ เวลาอ่านแล้วรู้สึกดี หนีจากโลกของเราไปอีกโลกหนึ่ง”

:: เริ่มต้น-สานต่อธุรกิจ

สำหรับทายาทอาณาจักร เอส แอนด์ พี รุ่นที่ 2 คนนี้ อนาคตข้างหน้าคงไม่พ้นการเข้ามารับไม้ต่อจากคุณพ่อคุณแม่ในการบริหารธุรกิจ แต่ในมุมมองของเขา เนมอยากจะสร้างสิ่งที่มาจากจุดเริ่มต้นด้วยสองมือของตัวเองก่อน ดังนั้นเมื่อถอยหลังจากแบรนด์เสื้อผ้า เนมก็เดินทางมุ่งหน้าสู่สายงานที่สนใจอีกแขนงหนึ่ง นั่นก็คือ การเปิดโปรดักชั่นเฮาส์ร่วมกับเพื่อนๆ ที่มีความเชี่ยวชาญในหลายสาขาอาชีพ

“พวกเราเป็นทีมครีเอทีฟเล็กๆ ที่เพิ่งเริ่มทำครับ ชื่อว่า D.E.R. รวมทีมกลุ่มคนที่มีความสามารถเฉพาะตัว อย่างกราฟิก ช่างภาพ ผู้กำกับ ดีไซเนอร์ รับทำงานทำงานดีไซน์ทั่วไป ตั้งแต่ทำโลโก้ ถ่ายมิวสิกวิดีโอ ถ่ายหนังสือ จนไปถึงทำงานอีเวนต์ ซึ่งตอนนี้งานส่วนใหญ่จะรับงานจากเอสแอนด์พีนี่แหละครับ”

เพราะเป็นชอบคิดและ ชอบทำ เนม จึงสนใจงานด้านการสร้างสรรค์ แม้ว่าจะลงมือทำเองไม่ได้ เขาก็จะหาทีมงานเพื่อมาเติมเต็มสิ่งที่คิดไว้ให้เป็นจริงขึ้นมา “ความฝันอีกอย่างหนึ่งของผมคือการเป็นผู้กำกับ อาจจะกำกับอะไรสักอย่าง และการมาทำงานตรงนี้ก็ใกล้เคียงกับงานกำกับโฆษณาหรือสปอตทีวี อย่างเรื่องหนังผมก็สนใจนะ ผมชอบดูหนัง ชอบศึกษาเกี่ยวกับภาพยนตร์ อยากเห็นวงการหนังไทยหลากหลายมากกว่านี้”

ส่วนความรับผิดชอบในนามเอส แอนด์ พี ตอนนี้ เนม ได้ชิมลางงานอย่างการดูแลภาพรวมของร้าน Patio ในซอยสุขุมวิท 26 ซึ่งเพิ่งเปิดได้ไม่นาน “ถ้าเลือกได้ ผมอยากทำด้านมาร์เก็ตติ้งนะ เพราะผมชอบดูด้านภาพลักษณ์ ภาพรวม และ Identity ของ เอส แอนด์ พี ว่ามันจะเป็นยังไงในอนาคต เราจะต้องปรับเปลี่ยนอะไรอีกบ้าง ซึ่งต่อไปบริษัทเอส แอนด์ พี ซินดิเคต ก็จะมีแบรนด์ร้านอาหารใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมาอีกในอนาคต”

เนม บอกกับเราว่า เขาเป็นเพียงคนธรรมดา ซึ่งโชคดีที่มีโอกาสได้ทำอะไรมากมาย แน่นอนว่าเขาจะไม่ทิ้งโอกาสเหล่านั้นให้สูญเปล่า พร้อมๆ ไปกับเป้าหมายที่เขาวางไว้ คือการเป็นผู้นำครอบครัวที่ดีให้ได้อย่างที่คุณพ่อ “ประเวศวุฒิ ไรวา”

:: Love Story

เรื่องความรักของ เนม อาจจะไม่ได้หวือหวา แต่สำหรับเขา ความรักคือการมีเพื่อนรู้ใจ ที่สามารถอยู่กับเขาได้และเข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายเป็น “ตอนนี้ผมมีแฟนเป็นคนรุ่นเดียวกันนี่แหละ รู้จักเพราะได้ทำงานด้วยกัน พอได้คุยกันก็คลิก คุยกันได้ทุกเรื่อง เมื่อก่อนเคยมีแฟนอายุน้อยกว่า ก็คุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องนะ ผมชอบผู้หญิงเก่ง สามารถช่วยผมได้ในสิ่งที่ผมขาด สามารถจัดการโน่นนี่ได้ ไม่ต้องพึ่งเราจนเกินไป ผมไม่ชอบผู้หญิงแบ๊วหรือผู้หญิงง้องแง้ง ส่วนสเป๊กผู้หญิงต้อง ผมยาวและหน้าคมแบบไทยๆ ครับ คนที่ผ่านมาก็ไม่เคยหลุดจากนี้เลยนะครับ”

:: แฟนพันธุ์แท้ “ญี่ปุ่น”

ไม่ว่าจะเป็นชื่อวงดนตรี Getsunovaที่แปลว่า การระเบิดของดวงจันทร์ หรือ แบรนด์เสื้อผ้า Hokuto ที่หมายถึง ดาวเหนือ ล้วนบ่งบอกถึงความเป็นญี่ปุ่น พอเราถามว่าทำไมต้องเป็นชื่อภาษาญี่ปุ่น เนมก็ตอบอย่างไม่อ้อมค้อม “จริงๆ แล้วอยากเกิดเป็นคนญี่ปุ่น (หัวเราะ) ชอบวัฒนธรรม การ์ตูน ตึกรามบ้านช่อง ชอบคน ชอบอาหาร แม้แต่พวกมาเฟีย ยากูซ่าก็ยังชอบเลย ผมชอบทุกอย่างที่เป็นญี่ปุ่นครับ ทั้งๆ ที่ได้ไปญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกเมื่อปีที่แล้วนี่เอง ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม อาจจะเพราะเราอ่านการ์ตูน เล่นเกม มาตั้งแต่เด็กก็ได้”

ความฝันของคนรักญี่ปุ่นอย่าง เนม ปราการ ก็คือการได้ไปใช้ชีวิตในดินแดนอาทิตย์อุทัย “ถ้ามีเวลาสักปีสองปี ก็อยากจะไปอยู่ที่นั่น อยากลองไปทำเพลง ผมว่าคนที่นั่นฟังเพลงหลากหลายและเปิดรับทุกแนวเลยนะ”

:: หนุ่มรักแว่น

เอกลักษณ์ของ เนม อย่างหนึ่งที่ทุกคนจำได้ ก็คือ แว่นตา ที่ไม่เคยหายไปจากใบหน้าของเขา “จริงๆ เกิดมาผมไม่ได้เป็นคนสายตาสั้นนะครับ แต่ว่าตอนเด็กๆ เป็นเด็กติดเกมมาก ติดจนช่วงหนึ่งไม่มีเพื่อนเลยก็ว่าได้ พอจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดสายตาก็แย่ลงไปเรื่อยๆ จากนั้นมาก็เลยใส่แว่นตลอด พอไม่ใส่มันเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง ถ้าไม่ใส่ก็ไม่อยากออกจากบ้าน และเคยมีคนบอกว่าเวลาผมถอดแว่นแล้วหน้าหวาน ก็เลยไม่กล้าถอดเลย (หัวเราะ) นี่เลยต้องมีหนวดให้หน้าเข้มขึ้นด้วยนะครับ แต่แว่นที่สะสมส่วนใหญ่จะเป็นพวกแว่นกันแดด ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะใส่เล่นคอนเสิร์ต ผมรักแว่นมากนะครับ ครั้งหนึ่งเคยลืมแว่นไว้ที่โรงหนัง แล้วก็หายไปเลย ผมร้องไห้เลยนะ เพราะมันสำคัญสำหรับเรามาก”:: Text by FLASH










>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่  http://www.celeb-online.net
กำลังโหลดความคิดเห็น