By Lady Manager
Dip Dye Hair หรือบางคนอาจจะเรียกว่าแฟชั่นทรงผมจุ่มสี โด่งดังมาจากเกาะอังกฤษ เพราะสาวๆ เมืองผู้ดีเข้าฮิตทำกันเกลื่อน
คือ มีการไล่สีให้ดูแบบสีตกสไตล์ผ้ามัดย้อมบนเส้นผม ทำสีแซ่บๆ ชมพู ม่วงฟ้า แดง เหลือง ดาราที่เป็นหัวหอกนำเทรนด์นี้เข้ามาเป็นคนแรกๆ คือ พลอย เฌอมาลย์ นั่นเอง
แฟชั่นเปลี่ยนสีผมสุดแซ่บที่ปลายผม เป็นเทรนด์ที่ฮอตกันอย่างโกลาหลอย่างมากในแวดวงดารา เซเลบ อ๊ะ! ไม่เชื่อลองคว้าเอานิตยสารดารา พวกกอซซิปมาเบิ่งซิ จะรู้ว่า ใครไม่ทำ “เชย” มากค่า
ครั้นจะให้มานั่งกัดสีผมจนเส้นผมเสียแห้งกรัง กว่าจะฟื้นฟูผมให้ดีดั่งเดิมได้ก็ยากเหมือนเข็นครกขึ้นเขาเลยทีเดียว
เราจึงเซาะแสวงหาวิธีการ Dip Dye Hair แบบชั่วคราว ด้วยสีชอล์ก Pastel เหมาะเว่อร์สำหรับสาวๆ ที่อยากทำแต่ใจไม่กล้าพอ ทำตัวไม่แรงพอที่จะกัดสีผม หรือสำหรับนักเรียน นักศึกษาที่อยากจะอัพเดตแฟชั่นชั่วครั้งชั่วคราว สระผมเสร็จผมก็กลับมาสุขภาพดี ดกดำดั่งเดิม
งั้น…รีบไปเตรียมอุปกรณ์ และเตรียมสวยเด็ดกันเลยจ้า ^_^
->อุปกรณ์
อย่างแรกที่ขาดเสียไม่ได้ เป็นนางเอกของเรื่องนี้คือ สีชอล์กแบบ Pastel อ๊ะ! ขอขีดเส้นใต้ตัวโตๆ ตรงนี้เลยว่ากรุณาอย่านึกถึงสีชอล์กหนืดเละๆ สมัยเรียนประถมนะจ๊ะ หาซื้อได้ตามร้านเครื่องเขียนชั้นนำ แต่อาจจะหาซื้อยากหน่อยเพราะเราต้องซื้อสีชอล์ก ไม่ผสมน้ำมัน
เพราะสีชอล์กชนิดนี้ไม่หนืดขนาดนั้น พื้นผิวของมันจะคล้ายๆกับชอล์กเขียนกระดานดำ ลักษณะแห้งๆ ผงๆ เวลาไปซื้อ อย่าสับสนหยิบ Oil Pastel มานะ
ตัวผู้เขียนเองก็เดินหากันน่องโป่ง มาเจอเอาที่ร้านหน้าย่านเพาะช่าง แถมเด็กวัยรุ่นไปแห่ซื้อกันเพียบ ด้วยความที่เบี้ยน้อยหอยน้อยจึงสอยยี่ห้อที่ไม่แพงมากนัก ในราคา 450 บาทในกล่องมีจำนวน 24 สี
หลังจากจ่ายตังค์เสร็จเรียบร้อย กำลังจะเดินออกจากร้านภายในใจก็คิดว่า “โอ้ย เซ็งเป็ด อยากได้แค่ 2-3 สี ทำไมต้องมาเสียตังค์อะไรกันเยอะแยะเซื้อยกกล่องเนี้ย” ฉับพลันผู้ขายตะโกนบอกเราว่า “จริงๆ แล้วเราแบ่งขายด้วยนะคะ อยากได้สีไหนก็แบ่งขายกัน” แหม…เจ๊ ไม่บอกชั้นซะพรุ่งนี้เลยล่ะ ฮึ่มมม!!!
ส่วนอุปกรณ์ถัดไปคือ น้ำ ถุงมือ(ขาดไม่ได้) ไดร์เป่าผม และเสื้อที่เน่าที่สุดในบ้าน เพื่อใส่ระหว่างปฏิบัติการ Dip Dye Hair
->สภาพผมก่อนทำ
ก่อนหน้านี้เบื่อกับสีผมแฟชั่นมากจึงไปโกรกผมสีดำมา ปรากฏว่า เบื่อหนังหน้าตัวเองที่สุด ทำไมชีวิตนี้หดหู่ไร้สีสันซะเหลือเกิน
ส่วนสุขภาพผมนั้นนิ่มดี แต่ติดตรงที่สีดำเหลือเกิน จึงเลือกสีที่ตัดกันคือ “สีแดง” เพื่อคงคอนเซปต์สาวบ้านๆ แต่แอบดุเปรี้ยว ขอแอบแซ่บบ้างเป็นครั้งคราว ด้วยความที่ผมยาว จึงไม่แน่ใจว่า สีชอล์กแท่งเดียวจะเอาอยู่มั้ย
และควรคิดก่อนว่า หน้าอย่างเรา สีผมอย่างเราควรใช้สีอะไร ระวังตำรวจแฟชั่นให้ใบแดงเตือน
เราต้องเอาแฟชั่นมาปรับลุคให้ดูเรียบร้อยกลืนเป็นธรรมชาติขึ้นเช่น โคนผมดำ อาจทำปลายเป็นสีน้ำตาลแดง หรือเขียวหม่น ฟ้าเข้มๆ ก็พอแล้วล่ะ หรือใครโกรกผมสีอ่อนอยู่ ลองปลายดำก็เฉี่ยวดีนะ
งั้นเราลองไปดูกัน…
ขั้นตอนแรก
แบ่งช่อผมที่ต้องการเปลี่ยนสีออกมาทีละช่อ อยากจัดหนักบริเวณไหน ก็เน้นตามใจปรารถนา
จากนั้นบิดให้เป็นเกลียวเบาๆ พรมน้ำลงไปบนผมนิดหน่อย อย่าเยอะ! เพราะจะเลอะพื้นจนเลอะเทอะ แล้วใช้ชอล์กเปลี่ยนสีผมระบายให้ทั่วช่อผมที่เตรียมไว้ คือ ถูขึ้น-ลงจนเห็นสีชัดเจนขึ้น
อ้อ! เน้นย้ำกันเลยว่า ต้องใส่ถุงมือ เพราะสีชอล์กเมื่อโดนน้ำจะลายจนเปรอะเปื้อน ด้วยความที่เราแอบเปรี้ยวใช้สีแดง ภาพที่ปรากฏจึงดูราวกับเราเป็นฆาตกรฆ่าวัว ฆ่าควายอยู่ในโรงฆ่าสัตว์กันเลยทีเดียว เพราะสีแดงของสีชอล์กเลอะเนื้อตัวไปหมด รวมถึงเสื้อผ้าด้วย หากเป็นไปได้ควรใส่เสื้อแขนยาวจะเวิร์กสุด!
ทำแบบนี้จนครบทุกช่อ ไม่จำเป็นต้องระบายสีเดียวกันทั้งหมด อาจจะทำสลับสี หรือทำหลากสีในหัวเดียวก็ได้ตามใจชอบ จัดไป!
ขั้นตอนที่สอง
หลังจากเอาสีถูผมจนหนำใจแล้ว จากนั้นรอให้แห้ง ไม่ควรใช้พัดผมแล้วอาศัยลมเบอร์ 3 เพราะอย่าลืมว่า สีชอล์กเมื่อแห้งแล้วจะเป็นฝุ่นผง อาจจะพัดเข้าตา เข้าจมูกได้
แนะนำให้ไฮโซหน่อยด้วยการใช้ไดร์ช่วยเป่า แต่หากใครไม่พอใจผมตรง คิดว่าแค่นี้ยังไม่กิ๊บเก๋พอ งั้นรีบเดินไปหยิบที่หนีบผมไฟฟ้า หรือม้วนเป็นเกลียวเกาหลีได้เลย เพราะความร้อนจะทำให้สีติดทนนานมากขึ้น แต่หลังจากทำเสร็จผมจะหวียากมาก และหนืด
สีจะติดทนนาน 2-3 วัน และหลุดออกเมื่อสระผม สามารถเก็บสีชอล์กที่เหลือไว้ได้นานเป็นปีเลย
จากนั้น เสร็จสรรพ เตรียมเฉิดฉายนอกบ้าน!
*คำเตือน* (จากประสบการณ์ตรง)
เลอะเทอะอย่างแรง! หากใครทำครั้งแรกจะตกใจมากถึงมากที่สุด ด้วยความที่เลือกใช้สีแดง จึงเลอะพื้น และเสื้อผ้า ขอแนะนำให้ไปทำในห้องน้ำ เพราะหน้าคุณ แขนคุณ คอคุณ จะเต็มไปด้วยสี หาวิธีป้องกันด้วยผ้ากันเปื้อนไว้ให้ดี
ผมแห้งกรัง! “แกไปทำอะไรมา ผมกระเซอะกระเซิง ราวกับโดนกระทำย่ำยีทางเพศมาอย่างงั้นแหล่ะ และผมจะแข็งไปไหน ดูเหมือนคนผมเสียเลยอ่ะ!” คำพูดของเพื่อนเสียดแทงใจผู้หญิงรักแฟชั่นคนนี้มาก
จัดทรงลำบาก! เรียกว่าหวีโยนทิ้งไปเลยค่ะ เพราะหวีแทบไม่ไปด้วยความที่เส้นผมหนืดมาก ต้องใช้นิ้วมือช่วยอย่างเดียว แถมหลังจากใช้มือสางผม ผลที่ได้รับ มือคุณจะเลอะเทอะไปหมด ชีวิตนี้ห่างไกลน้ำไม่ได้เลย เพราะต้องใช้น้ำล้างมือตลอดเวลา
ห้ามใส่เสื้อสีอ่อน! โดยเฉพาะสีขาว เพราะสีจะหลุดทำให้โดนเสื้อ เป็นคราบ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรบริเวณนั้นจะเต็มไปด้วยสีบนหัวคุณ ดังนั้นควรเลี่ยงเสื้อผ้าสีอ่อน ควรใส่เสื้อสีเข้มเพื่อป้องกันการเลอะเทอะ
โรคทางเดินหายใจ! ด้วยความที่สีชอล์กเป็นฝุ่นผง พอเราตื่นมาตอนเช้านอกจะกลัวโดนแม่ว่าแล้ว เพราะหมอนและที่นอนเลอะไปด้วยสี ยังจะหายใจติดขัดเหมือนมีอะไรติดในจมูก พอแคะเท่านั้นแหล่ะ อุจจาระมูกเป็นสีแดงเต็มไปหมด
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
Dip Dye Hair หรือบางคนอาจจะเรียกว่าแฟชั่นทรงผมจุ่มสี โด่งดังมาจากเกาะอังกฤษ เพราะสาวๆ เมืองผู้ดีเข้าฮิตทำกันเกลื่อน
คือ มีการไล่สีให้ดูแบบสีตกสไตล์ผ้ามัดย้อมบนเส้นผม ทำสีแซ่บๆ ชมพู ม่วงฟ้า แดง เหลือง ดาราที่เป็นหัวหอกนำเทรนด์นี้เข้ามาเป็นคนแรกๆ คือ พลอย เฌอมาลย์ นั่นเอง
แฟชั่นเปลี่ยนสีผมสุดแซ่บที่ปลายผม เป็นเทรนด์ที่ฮอตกันอย่างโกลาหลอย่างมากในแวดวงดารา เซเลบ อ๊ะ! ไม่เชื่อลองคว้าเอานิตยสารดารา พวกกอซซิปมาเบิ่งซิ จะรู้ว่า ใครไม่ทำ “เชย” มากค่า
ครั้นจะให้มานั่งกัดสีผมจนเส้นผมเสียแห้งกรัง กว่าจะฟื้นฟูผมให้ดีดั่งเดิมได้ก็ยากเหมือนเข็นครกขึ้นเขาเลยทีเดียว
เราจึงเซาะแสวงหาวิธีการ Dip Dye Hair แบบชั่วคราว ด้วยสีชอล์ก Pastel เหมาะเว่อร์สำหรับสาวๆ ที่อยากทำแต่ใจไม่กล้าพอ ทำตัวไม่แรงพอที่จะกัดสีผม หรือสำหรับนักเรียน นักศึกษาที่อยากจะอัพเดตแฟชั่นชั่วครั้งชั่วคราว สระผมเสร็จผมก็กลับมาสุขภาพดี ดกดำดั่งเดิม
งั้น…รีบไปเตรียมอุปกรณ์ และเตรียมสวยเด็ดกันเลยจ้า ^_^
->อุปกรณ์
อย่างแรกที่ขาดเสียไม่ได้ เป็นนางเอกของเรื่องนี้คือ สีชอล์กแบบ Pastel อ๊ะ! ขอขีดเส้นใต้ตัวโตๆ ตรงนี้เลยว่ากรุณาอย่านึกถึงสีชอล์กหนืดเละๆ สมัยเรียนประถมนะจ๊ะ หาซื้อได้ตามร้านเครื่องเขียนชั้นนำ แต่อาจจะหาซื้อยากหน่อยเพราะเราต้องซื้อสีชอล์ก ไม่ผสมน้ำมัน
เพราะสีชอล์กชนิดนี้ไม่หนืดขนาดนั้น พื้นผิวของมันจะคล้ายๆกับชอล์กเขียนกระดานดำ ลักษณะแห้งๆ ผงๆ เวลาไปซื้อ อย่าสับสนหยิบ Oil Pastel มานะ
ตัวผู้เขียนเองก็เดินหากันน่องโป่ง มาเจอเอาที่ร้านหน้าย่านเพาะช่าง แถมเด็กวัยรุ่นไปแห่ซื้อกันเพียบ ด้วยความที่เบี้ยน้อยหอยน้อยจึงสอยยี่ห้อที่ไม่แพงมากนัก ในราคา 450 บาทในกล่องมีจำนวน 24 สี
หลังจากจ่ายตังค์เสร็จเรียบร้อย กำลังจะเดินออกจากร้านภายในใจก็คิดว่า “โอ้ย เซ็งเป็ด อยากได้แค่ 2-3 สี ทำไมต้องมาเสียตังค์อะไรกันเยอะแยะเซื้อยกกล่องเนี้ย” ฉับพลันผู้ขายตะโกนบอกเราว่า “จริงๆ แล้วเราแบ่งขายด้วยนะคะ อยากได้สีไหนก็แบ่งขายกัน” แหม…เจ๊ ไม่บอกชั้นซะพรุ่งนี้เลยล่ะ ฮึ่มมม!!!
ส่วนอุปกรณ์ถัดไปคือ น้ำ ถุงมือ(ขาดไม่ได้) ไดร์เป่าผม และเสื้อที่เน่าที่สุดในบ้าน เพื่อใส่ระหว่างปฏิบัติการ Dip Dye Hair
->สภาพผมก่อนทำ
ก่อนหน้านี้เบื่อกับสีผมแฟชั่นมากจึงไปโกรกผมสีดำมา ปรากฏว่า เบื่อหนังหน้าตัวเองที่สุด ทำไมชีวิตนี้หดหู่ไร้สีสันซะเหลือเกิน
ส่วนสุขภาพผมนั้นนิ่มดี แต่ติดตรงที่สีดำเหลือเกิน จึงเลือกสีที่ตัดกันคือ “สีแดง” เพื่อคงคอนเซปต์สาวบ้านๆ แต่แอบดุเปรี้ยว ขอแอบแซ่บบ้างเป็นครั้งคราว ด้วยความที่ผมยาว จึงไม่แน่ใจว่า สีชอล์กแท่งเดียวจะเอาอยู่มั้ย
และควรคิดก่อนว่า หน้าอย่างเรา สีผมอย่างเราควรใช้สีอะไร ระวังตำรวจแฟชั่นให้ใบแดงเตือน
เราต้องเอาแฟชั่นมาปรับลุคให้ดูเรียบร้อยกลืนเป็นธรรมชาติขึ้นเช่น โคนผมดำ อาจทำปลายเป็นสีน้ำตาลแดง หรือเขียวหม่น ฟ้าเข้มๆ ก็พอแล้วล่ะ หรือใครโกรกผมสีอ่อนอยู่ ลองปลายดำก็เฉี่ยวดีนะ
งั้นเราลองไปดูกัน…
ขั้นตอนแรก
แบ่งช่อผมที่ต้องการเปลี่ยนสีออกมาทีละช่อ อยากจัดหนักบริเวณไหน ก็เน้นตามใจปรารถนา
จากนั้นบิดให้เป็นเกลียวเบาๆ พรมน้ำลงไปบนผมนิดหน่อย อย่าเยอะ! เพราะจะเลอะพื้นจนเลอะเทอะ แล้วใช้ชอล์กเปลี่ยนสีผมระบายให้ทั่วช่อผมที่เตรียมไว้ คือ ถูขึ้น-ลงจนเห็นสีชัดเจนขึ้น
อ้อ! เน้นย้ำกันเลยว่า ต้องใส่ถุงมือ เพราะสีชอล์กเมื่อโดนน้ำจะลายจนเปรอะเปื้อน ด้วยความที่เราแอบเปรี้ยวใช้สีแดง ภาพที่ปรากฏจึงดูราวกับเราเป็นฆาตกรฆ่าวัว ฆ่าควายอยู่ในโรงฆ่าสัตว์กันเลยทีเดียว เพราะสีแดงของสีชอล์กเลอะเนื้อตัวไปหมด รวมถึงเสื้อผ้าด้วย หากเป็นไปได้ควรใส่เสื้อแขนยาวจะเวิร์กสุด!
ทำแบบนี้จนครบทุกช่อ ไม่จำเป็นต้องระบายสีเดียวกันทั้งหมด อาจจะทำสลับสี หรือทำหลากสีในหัวเดียวก็ได้ตามใจชอบ จัดไป!
ขั้นตอนที่สอง
หลังจากเอาสีถูผมจนหนำใจแล้ว จากนั้นรอให้แห้ง ไม่ควรใช้พัดผมแล้วอาศัยลมเบอร์ 3 เพราะอย่าลืมว่า สีชอล์กเมื่อแห้งแล้วจะเป็นฝุ่นผง อาจจะพัดเข้าตา เข้าจมูกได้
แนะนำให้ไฮโซหน่อยด้วยการใช้ไดร์ช่วยเป่า แต่หากใครไม่พอใจผมตรง คิดว่าแค่นี้ยังไม่กิ๊บเก๋พอ งั้นรีบเดินไปหยิบที่หนีบผมไฟฟ้า หรือม้วนเป็นเกลียวเกาหลีได้เลย เพราะความร้อนจะทำให้สีติดทนนานมากขึ้น แต่หลังจากทำเสร็จผมจะหวียากมาก และหนืด
สีจะติดทนนาน 2-3 วัน และหลุดออกเมื่อสระผม สามารถเก็บสีชอล์กที่เหลือไว้ได้นานเป็นปีเลย
จากนั้น เสร็จสรรพ เตรียมเฉิดฉายนอกบ้าน!
*คำเตือน* (จากประสบการณ์ตรง)
เลอะเทอะอย่างแรง! หากใครทำครั้งแรกจะตกใจมากถึงมากที่สุด ด้วยความที่เลือกใช้สีแดง จึงเลอะพื้น และเสื้อผ้า ขอแนะนำให้ไปทำในห้องน้ำ เพราะหน้าคุณ แขนคุณ คอคุณ จะเต็มไปด้วยสี หาวิธีป้องกันด้วยผ้ากันเปื้อนไว้ให้ดี
ผมแห้งกรัง! “แกไปทำอะไรมา ผมกระเซอะกระเซิง ราวกับโดนกระทำย่ำยีทางเพศมาอย่างงั้นแหล่ะ และผมจะแข็งไปไหน ดูเหมือนคนผมเสียเลยอ่ะ!” คำพูดของเพื่อนเสียดแทงใจผู้หญิงรักแฟชั่นคนนี้มาก
จัดทรงลำบาก! เรียกว่าหวีโยนทิ้งไปเลยค่ะ เพราะหวีแทบไม่ไปด้วยความที่เส้นผมหนืดมาก ต้องใช้นิ้วมือช่วยอย่างเดียว แถมหลังจากใช้มือสางผม ผลที่ได้รับ มือคุณจะเลอะเทอะไปหมด ชีวิตนี้ห่างไกลน้ำไม่ได้เลย เพราะต้องใช้น้ำล้างมือตลอดเวลา
ห้ามใส่เสื้อสีอ่อน! โดยเฉพาะสีขาว เพราะสีจะหลุดทำให้โดนเสื้อ เป็นคราบ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรบริเวณนั้นจะเต็มไปด้วยสีบนหัวคุณ ดังนั้นควรเลี่ยงเสื้อผ้าสีอ่อน ควรใส่เสื้อสีเข้มเพื่อป้องกันการเลอะเทอะ
โรคทางเดินหายใจ! ด้วยความที่สีชอล์กเป็นฝุ่นผง พอเราตื่นมาตอนเช้านอกจะกลัวโดนแม่ว่าแล้ว เพราะหมอนและที่นอนเลอะไปด้วยสี ยังจะหายใจติดขัดเหมือนมีอะไรติดในจมูก พอแคะเท่านั้นแหล่ะ อุจจาระมูกเป็นสีแดงเต็มไปหมด
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
