หากเป็นมนุษย์เงินเดือน เดินดินกินฟ้าสต์ฟู้ดแล้วต้องเดินเข้าโรงรับจำนำเพื่อเอาสมบัติที่มีอยู่เช่นสร้อย แหวน นาฬิกาเข้าไป”ตึ๊ง”ในโรงรับจำนำ เพราะชักหน้าให้ถึงหลังถือเป็นเรื่องปกติ แต่วันนี้ธุรกิจรับจำนำในโลกตะวันตกกำลังเบ่งบาน และไม่ใช่จากสิ่งของเล็กๆน้อยๆประเภทชิ้นจิ๊บจ้อยอีกแล้ว เพราะวันนี้ธุรกิจรับจำนำมีเงินหมุนเวียนนับพันล้านบาททีเดียว จากสมบัติต่างๆที่เหล่ามหาเศรษฐีนำมาจำนำกัน
อาชีพ “รับจำนำ” ถือว่าเป็นธุรกิจที่เก่าแก่ของโลกที่มีมาตั้งแต่สมัยที่มนุษย์เริ่มรู้จักการใช้เงินมาตีมูลค่าของสินค้าและสิ่งของต่างๆ แต่คนที่มาใช้บริการตั้งแต่ไหนแต่ไรมักเป็นคนจนหรือมนุษย์เงินเดือน แต่พูดไปแล้งคงไม่มีใครเชื่อว่าเศรษฐียุคนี้ก็ยังรู้จักขาดสภาพคล่องหรือเงินขาดมือเฉกเช่นยาจกเหมือนกัน ดังนั้นโรงรับจำนำจึงเป็นอีกหนึ่งสถาบันการเงินอันเป็นที่พึ่งของเศรษฐียุคใหม่
สมบัติต่างๆที่คนรวยนำออกมาจำนำในวันนี้ ใช่มีเพียงแต่แก้วแหวนเงินทองที่มีค่าเห็นชัดเจนเท่านั้น หากแต่บรรดาของแบรนด์เนมดังที่พวกเขาบ้าคลั่งซื้อกันมาประดับบารมี ซึ่งยามไม่มีเงินหรือหมุนเงินไม่ทันของเหล่านี้ก็กลายเป็นสมบัติที่พึ่งพาได้ อาทิ นาฬิกาข้อมือแบรนด์ดัง Patek Philippes ภาพพิมพ์ของ แอนดี้ วาร์โฮล หรือรถลีมูซีนอย่าง Bentleys ก็มีผู้เอามาจำนำกันไม่น้อย
จากการเปิดเผยของ Paul Aitken ซีอีโอของบริษัท Borro ซึ่งเป็นบริษัทรับจำนำจำนองทรัพย์สินต่างๆ ในคลังเก็บรักษาสินค้าของบริษัท Borro วันนี้เต็มไปด้วยทรัพย์สินต่างๆที่ล้วนมีค่าทั้งสิ้น ทั้งงานศิลปะต่างๆ เครื่องเพชรทองรูปพรรณ กีตาร์เก่าแก่ นาฬิกาที่มีจำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งเชื่อว่าทรัพย์สินส่วนหนึ่งถูกถ่ายมือมาจากความปราชัยของทีมฟุตบอลอังกฤษที่ไม่สามารถเข้าสู่รอบที่ลึกกว่านี้ได้นั่นเอง
เมื่อหันมามองตัวเลขการเติบโตของธุรกิจรับจำนำนี้ถือว่าดีมากทีเดียว เพราะมีอัตราการเติบโตปีละ 10% จากมูลค่าการตลาด 500 ล้านปอนด์ และสำหรับปีที่ผ่านมาสูงถึง 15% โดยที่ผู้ที่นิยมเข้าโรงรับจำนำนั้นล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่ประสบปัญหาในการชำระหนี้ส่วนตัวด้วยกันทั้งนั้น ตั้งแต่ค่าเทอมลูกไปจนถึงหนี้ส่วนตัวซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดจากการที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตจนเต็มวงเงินแล้ว ส่งผลให้ธุรกิจรับจำนำเบ่งบานอย่างเหลือเชื่อ เพราะสัดส่วนของการเจริญเติบโตนั้นเป็นไปราวกับการทะยานของดอกไม้ไฟทีเดียว นับตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมาอันเป็นปีของการล้มละลายของ บริษัท เลห์แมน บราเธอร์ส นั่นเอง
กลยุทธ์ในการประเมิน “ทรัพย์สิน” ที่ลูกค้านำมาจำนองนั้น ก็เป็นมืออาชีพทีเดียว เพราะผู้ตีราคานั้นล้วนแต่เป็นผู้มากด้วยประสบการณ์จากบริษัทประมูลยักษ์ใหญ่ของโลกคือ Sotheby’s Christy’s และ Bonhams ซึ่งจะเป็นผู้ได้รับสิทธิในการประมูลของที่หลุดจำนองเพื่อนำไปประมูลต่อไปนั่นเอง
ส่วนราคาประเมิน “สิ่งของ” ที่ลูกค้านำมาจำนำนั้น ตามปกติจะให้ประมาณครึ่งหนึ่งของราคาจริงยกเว้นทองคำ เช่นทองคำแท่งที่มีน้ำหนัก1กิโลกรัมจำนวน2แท่ง ราคารับจำนำอยู่ที่ 58,360 ปอนด์หรือประมาณ3ล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นราคาที่ดีที่สุดหากเปรียบเทียบกับสังหาริมทรัพย์อื่นๆ รถยนต์แวน ปอร์เช่ กาแย็นน์ เทอร์โบ จะได้ราคาประมาณ 60,000 ปอนด์หรือ 3 ล้านกว่าบาทเล็กน้อยในขณะที่ราคาตลาดอยู่ที่คันละกว่า1.2 แสนปอนด์ โดย นาฬิกาโรเล็กซ์และรถยนตร์เฟอร์รารี่ ก็เป็นสินค้ายอดนิยมที่มีผู้นำมา “วาง” มากที่สุด
ในจำนวนสินค้าที่รับจำนำไว้นั้น “รถยนต์” ถือว่ามีราคาประเมินราคาถูกที่สุด เพราะจะต้องเสียเงินในการเก็บรักษามากกว่าสินค้าอื่น ๆ ทั้งเนื้อที่ในการเก็บรักษารวมถึงต้องจ้างพนักงานดูแลรักษาให้รถยนต์เหล่านี้ดูใหม่เอี่ยมอยู่เสมอและยังต้องมีทีมงานช่างเครื่องยนต์ที่ต้องคอยสตาร์ทอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งบริษัทต้องไปหาเช่าโกดังนอกเมืองที่กว้างใหญ่พอที่จะเก็บรักษารถยนต์เหล่านี้ ส่วนเครื่องเพชร ทองคำและศิลปวัตถุนั้นก็ต้องหาห้องนิรภัยให้เช่าจากทั้งของบริษัทประกันภัยและธนาคารต่างๆเพื่อเก็บรักษา
ที่สำคัญที่สุดคือหากเก็บสินค้าจำนองมากเกิน แผนกเร่งรัดหนี้และสัญญาต่างๆต้องเป็นไปอย่างรอบคอบและพลาดไม่ได้แม้แต่น้อย เพราะเงินสดที่จะหมุนเวียนอยู่ในธุรกิจนี้จะหยุดชะงักไม่ได้เลย และหากอยากทราบว่าอัตราดอกเบี้ยของการจำนำหรือจำนองนี้อยู่ที่เท่าไหร่ คำตอบก็คือ แล้วแต่วงเงิน โดยมีอัตราต่ำสุดที่ 2.99% จนถึง6.99% ต่อเดือน ขอย้ำว่าต่อเดือนเท่านั้น