คอลัมน์ Sexociety โดย Dr.DEN
5. เมื่อคุณต้องการให้เขารู้ว่าคุณมีอารมณ์รัญจวนแล้ว -> วางมือของคุณลงบนขาอ่อนด้านในของเขา
ความเคลื่อนไหวนี้ไม่ใช่ว่ามันได้ผล เพราะมันอยู่ใกล้กล่องดวงใจของเขามากๆ เท่านั้น แต่ “โคนขาด้านในของเขาเป็นพื้นที่ไวสัมผัสโดยตัวของมันเองอยู่แล้ว” ดร.ทิฟฟานีกล่าว “มันเต็มไปด้วยปลายประสาทที่เชื่อมต่อกับอวัยวะเพศของเขา”
ยิ่งกว่านั้น ผิวหนังบริเวณนี้ยังมีความอ่อนนุ่มมากกว่า เพราะมันเป็นส่วนของต้นขาที่โดยทั่วไปแล้วมีปริมาณกล้ามเนื้อน้อยที่สุด “ลูบไล้และนวดขาอ่อนด้านในของเขาเบาๆ ด้วยนิ้วของคุณ” ดร.ทิฟฟานีบอก รับประกันได้ว่า มือทั้งสองของเขาจะกลายเป็นหนวดปลาหมึกไปทั่วร่างของคุณอย่างแน่นอนที่สุด
6. เมื่อเขาโกรธและคุณต้องการถอดชนวนการทะเลาะ -> วางมือของคุณบนไหล่ของเขา โดยเหยียดศอกของคุณให้ตรง
นี่ก็เหมือนการกดปุ่ม “หยุด” ในสมองของเขาระหว่างการโต้เถียง ขณะที่ความเคลื่อนไหวนี้มันหนักแน่น (การยืดแขนตรงของคุณเป็นการสร้างพลังและการสั่งการมากขึ้น) แต่การสัมผัสอย่างปลอบประโลมจะช่วยให้ผู้ชายของคุณสงบลง (ไหล่เป็นจุดในอุดมคติที่จะสัมผัสในนาทีเช่นนี้ เพราะมันถูกปกป้องด้วยกล้ามเนื้อและมีความไวสัมผัสน้อยกว่าที่อื่น อย่าง ใบหน้าและคอของเขา)
“สัมผัสของคุณจะดึงเขาออกจากความร้อนของนาทีนั้น และเตือนให้เขานึกถึงความผูกพันของพวกคุณ ขณะโทสะของเขาเริ่มลดลง” ดร.เดวิดอธิบาย แต่ข้อสำคัญก็คือให้ใช้วิธีนี้เฉพาะตอนที่การทะเลาะกำลังจะเริ่มขึ้น และอารมณ์อันร้อนฉ่าของเขายังอยู่ในระดับกรุ่นๆ เท่านั้น ไม่ใช่เดือดพล่านแล้ว
“มิฉะนั้น ฮอร์โมนกดดันอย่างอะดรีนาลีนและคอร์ติซอลจะพุ่งขึ้นสู่จุดที่ ‘ท่าทางสร้างสันติภาพ’ ของคุณกลายเป็น ‘การคุกคาม’ ไปได้” ดร.เดวิดกล่าว
7. เมื่อคุณต้องการจะพูดว่า “ฉันรักเธอ” -> กุมใบหน้าของเขาด้วยมือข้างหนึ่งที่แก้มแต่ละข้างของเขา
ใบหน้าของผู้ชายนั้นไวสัมผัสเป็นพิเศษ หลังจากโกนหนวดเคราแล้ว ผิวหนังรอบใบหน้าของเขาจะมีสัมผัสพิเศษซึ่งห่อหุ้มอยู่รอบขุมขน
“ด้วยจำนวนขุมขนของผู้ชายที่มากกว่าผู้หญิง ทำให้ใบหน้าของผู้ชายมีความไวสัมผัสมากกว่าผู้หญิง” ดร.ทิฟฟานีกล่าว เพราะผิวหนังของผู้หญิงนั้นโดยปกติจะมีความละเอียดอ่อนกว่าผู้ชายอยู่แล้ว ยกเว้นก็ที่ใบหน้านี่แหละ” (แต่ไม่ได้หมายความความว่าผู้หญิงหน้าหนากว่าผู้ชายนะครับ)
ยิ่งกว่านั้น ท่าทางของมือที่กุมอยู่บนแก้มคนรักของคุณนั้น ยังถูกตีความว่าเป็นความโรแมนติคเป็นพิเศษด้วย (มิน่าล่ะ มันถึงถูกใช้กันจัง ในฉากจูบของหนัง ทุกเรื่อง) “ใบหน้าเป็นหนึ่งในจุดที่ละเอียดอ่อนทางอารมณ์มากที่สุดบนร่างกาย ดังนั้นการกุมใบหน้าของเขาอย่างใกล้ชิด จึงเป็นการสื่อสารความผูกพันอันลึกซึ้งที่คุณรู้สึกต่อเขา” ดร.ทิฟฟานีกล่าวในที่สุด
8. เมื่อคุณไม่สบายใจจริงๆ -> ยื่นมือออกไปหาเขา แบฝ่ามือขึ้น แล้วสอดมือทั้งสองของคุณไว้ใต้มือของเขา
การแบฝ่ามือของคุณออกไป เป็นการส่งสัญญาณของความช่วยเหลือ “ท่าทางนี้เป็นท่าแห่ง ‘การขอ’ในสังคมมาช้านานแล้ว ดังนั้นเขาจะตีความโดยจิตไร้สำนึกว่าคุณกำลังขอการสนับสนุนจากเขา (โดยเฉพาะในด้านกำลังใจ)” ดร.เดวิดบอก
“และเมื่อคุณกุมมือคู่รักของคุณโดยมือทั้งสองของเขาอยู่บนมือของคุณ มันก็จะเป็นการเน้นย้ำอย่าง บอกใบ้ว่าคุณต้องการให้เขาสนับสนุนคุณ” ดร.เดวิดอธิบาย
มันก็เหมือนการแสวงหาหลักประกันโดยไม่ต้องเอ่ยปาก ด้วยเหตุที่มือของเขากุมอยู่บนมือของคุณ เขาก็รับบทบาทผู้มีอำนาจเหนือกว่าเข้าให้แล้ว เป็นการกระตุ้นให้เขาดูแลคุณอย่างภาคภูมิใจ
*ถอดรหัสการตอบสนองของเขา
การสัมผัสทางกายภาพทำให้สามารถรับรู้ทัศนียภาพของผู้ชายของคุณโดยทันทีได้ง่ายขึ้น เพราะคุณสามารถรู้สึกถึงปฏิกิริยาทางร่างกายอันแท้จริงของเขาที่กระทำต่อมือของคุณ ซึ่งผิดกับการที่คุณจะต้องคาดเดาสีหน้าหรือน้ำเสียงของเขา
ลองพิจารณาเบาะแสต่อไปนี้ เพื่อพิเคราะห์ดูว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นในหัวของเขา
เขาเกร็ง
คุณจะรู้สึกว่ากล้ามเนื้อของเขาหดตัวอยู่ใต้มือคุณ เหมือนมีปฏิกิริยาตอบโต้ อย่างนี้บ่งชี้ว่าเขาหงุดหงิดและไม่ยอมรับ ตัวอย่างเช่น เขาอาจไม่เชื่อใจในคำขอโทษของคุณ ถ้าคุณรู้สึกว่าเข่าของเขากระตุกขณะคุณบีบมัน
เขาเอนตัวเข้าหาคุณ
ถ้าเขาขยับตัวเข้าหาคุณทีละนิด (อ่อนระทวยเหมือนกำลังละลายขณะคุณเกาคอให้เขา) นั่นเขากำลังแสดงให้คุณเห็นว่าเขาอยู่ใต้อิทธิพลของคุณแล้ว ซึ่งก็หมายถึงว่าเขามีแนวโน้มที่จะยอมจูงน้องหมาของคุณไปเดินเล่น หรือไม่อยากทะเลาะกับคุณอีกแล้ว
เขาเบี่ยงตัวออกจากคุณ
ถ้าเขายังคงดำเนินการเชื่อมโยงทางกายภาพกับคุณอยู่ต่อไป เขาก็กำลังแสดงให้เห็นว่าเขาเปิดใจรับฟังสิ่งที่คุณกำลังพูด แต่การเบี่ยงเบนตัวเขาออกไปข้างๆ หมายความว่าเขาไม่ค่อยเชื่อคำพูดของคุณแล้ว (มันเป็นภาษากายที่แสดงความไม่แน่ใจ)
เขานิ่งสนิท
โดยทั่วไป การไม่มีปฏิกิริยาคือปฏิกิริยาที่แย่ที่สุด มันหมายถึงว่า เขาเลิกการสนทนากับคุณไปโดยสิ้นเชิงและสร้างกำแพงขึ้นมาแล้ว (อย่าเข้าใจผิด ว่าเขานิ่ง เพราะยอมจำนนคุณล่ะ เดี๋ยวจะกลายเป็น “เห็นเสือหมอบ นึกว่าเสือไหว้” ไปซะ)
เพราะฉะนั้นคุณควรหยุดพูดไปเลย รอให้เขามีอารมณ์พร้อมที่จะรับฟังคุณในวันหน้าจะดีกว่า (ก็วันที่เขายอมให้คุณนวดคอน่ะแหละ)
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
5. เมื่อคุณต้องการให้เขารู้ว่าคุณมีอารมณ์รัญจวนแล้ว -> วางมือของคุณลงบนขาอ่อนด้านในของเขา
ความเคลื่อนไหวนี้ไม่ใช่ว่ามันได้ผล เพราะมันอยู่ใกล้กล่องดวงใจของเขามากๆ เท่านั้น แต่ “โคนขาด้านในของเขาเป็นพื้นที่ไวสัมผัสโดยตัวของมันเองอยู่แล้ว” ดร.ทิฟฟานีกล่าว “มันเต็มไปด้วยปลายประสาทที่เชื่อมต่อกับอวัยวะเพศของเขา”
ยิ่งกว่านั้น ผิวหนังบริเวณนี้ยังมีความอ่อนนุ่มมากกว่า เพราะมันเป็นส่วนของต้นขาที่โดยทั่วไปแล้วมีปริมาณกล้ามเนื้อน้อยที่สุด “ลูบไล้และนวดขาอ่อนด้านในของเขาเบาๆ ด้วยนิ้วของคุณ” ดร.ทิฟฟานีบอก รับประกันได้ว่า มือทั้งสองของเขาจะกลายเป็นหนวดปลาหมึกไปทั่วร่างของคุณอย่างแน่นอนที่สุด
6. เมื่อเขาโกรธและคุณต้องการถอดชนวนการทะเลาะ -> วางมือของคุณบนไหล่ของเขา โดยเหยียดศอกของคุณให้ตรง
นี่ก็เหมือนการกดปุ่ม “หยุด” ในสมองของเขาระหว่างการโต้เถียง ขณะที่ความเคลื่อนไหวนี้มันหนักแน่น (การยืดแขนตรงของคุณเป็นการสร้างพลังและการสั่งการมากขึ้น) แต่การสัมผัสอย่างปลอบประโลมจะช่วยให้ผู้ชายของคุณสงบลง (ไหล่เป็นจุดในอุดมคติที่จะสัมผัสในนาทีเช่นนี้ เพราะมันถูกปกป้องด้วยกล้ามเนื้อและมีความไวสัมผัสน้อยกว่าที่อื่น อย่าง ใบหน้าและคอของเขา)
“สัมผัสของคุณจะดึงเขาออกจากความร้อนของนาทีนั้น และเตือนให้เขานึกถึงความผูกพันของพวกคุณ ขณะโทสะของเขาเริ่มลดลง” ดร.เดวิดอธิบาย แต่ข้อสำคัญก็คือให้ใช้วิธีนี้เฉพาะตอนที่การทะเลาะกำลังจะเริ่มขึ้น และอารมณ์อันร้อนฉ่าของเขายังอยู่ในระดับกรุ่นๆ เท่านั้น ไม่ใช่เดือดพล่านแล้ว
“มิฉะนั้น ฮอร์โมนกดดันอย่างอะดรีนาลีนและคอร์ติซอลจะพุ่งขึ้นสู่จุดที่ ‘ท่าทางสร้างสันติภาพ’ ของคุณกลายเป็น ‘การคุกคาม’ ไปได้” ดร.เดวิดกล่าว
7. เมื่อคุณต้องการจะพูดว่า “ฉันรักเธอ” -> กุมใบหน้าของเขาด้วยมือข้างหนึ่งที่แก้มแต่ละข้างของเขา
ใบหน้าของผู้ชายนั้นไวสัมผัสเป็นพิเศษ หลังจากโกนหนวดเคราแล้ว ผิวหนังรอบใบหน้าของเขาจะมีสัมผัสพิเศษซึ่งห่อหุ้มอยู่รอบขุมขน
“ด้วยจำนวนขุมขนของผู้ชายที่มากกว่าผู้หญิง ทำให้ใบหน้าของผู้ชายมีความไวสัมผัสมากกว่าผู้หญิง” ดร.ทิฟฟานีกล่าว เพราะผิวหนังของผู้หญิงนั้นโดยปกติจะมีความละเอียดอ่อนกว่าผู้ชายอยู่แล้ว ยกเว้นก็ที่ใบหน้านี่แหละ” (แต่ไม่ได้หมายความความว่าผู้หญิงหน้าหนากว่าผู้ชายนะครับ)
ยิ่งกว่านั้น ท่าทางของมือที่กุมอยู่บนแก้มคนรักของคุณนั้น ยังถูกตีความว่าเป็นความโรแมนติคเป็นพิเศษด้วย (มิน่าล่ะ มันถึงถูกใช้กันจัง ในฉากจูบของหนัง ทุกเรื่อง) “ใบหน้าเป็นหนึ่งในจุดที่ละเอียดอ่อนทางอารมณ์มากที่สุดบนร่างกาย ดังนั้นการกุมใบหน้าของเขาอย่างใกล้ชิด จึงเป็นการสื่อสารความผูกพันอันลึกซึ้งที่คุณรู้สึกต่อเขา” ดร.ทิฟฟานีกล่าวในที่สุด
8. เมื่อคุณไม่สบายใจจริงๆ -> ยื่นมือออกไปหาเขา แบฝ่ามือขึ้น แล้วสอดมือทั้งสองของคุณไว้ใต้มือของเขา
การแบฝ่ามือของคุณออกไป เป็นการส่งสัญญาณของความช่วยเหลือ “ท่าทางนี้เป็นท่าแห่ง ‘การขอ’ในสังคมมาช้านานแล้ว ดังนั้นเขาจะตีความโดยจิตไร้สำนึกว่าคุณกำลังขอการสนับสนุนจากเขา (โดยเฉพาะในด้านกำลังใจ)” ดร.เดวิดบอก
“และเมื่อคุณกุมมือคู่รักของคุณโดยมือทั้งสองของเขาอยู่บนมือของคุณ มันก็จะเป็นการเน้นย้ำอย่าง บอกใบ้ว่าคุณต้องการให้เขาสนับสนุนคุณ” ดร.เดวิดอธิบาย
มันก็เหมือนการแสวงหาหลักประกันโดยไม่ต้องเอ่ยปาก ด้วยเหตุที่มือของเขากุมอยู่บนมือของคุณ เขาก็รับบทบาทผู้มีอำนาจเหนือกว่าเข้าให้แล้ว เป็นการกระตุ้นให้เขาดูแลคุณอย่างภาคภูมิใจ
*ถอดรหัสการตอบสนองของเขา
การสัมผัสทางกายภาพทำให้สามารถรับรู้ทัศนียภาพของผู้ชายของคุณโดยทันทีได้ง่ายขึ้น เพราะคุณสามารถรู้สึกถึงปฏิกิริยาทางร่างกายอันแท้จริงของเขาที่กระทำต่อมือของคุณ ซึ่งผิดกับการที่คุณจะต้องคาดเดาสีหน้าหรือน้ำเสียงของเขา
ลองพิจารณาเบาะแสต่อไปนี้ เพื่อพิเคราะห์ดูว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นในหัวของเขา
เขาเกร็ง
คุณจะรู้สึกว่ากล้ามเนื้อของเขาหดตัวอยู่ใต้มือคุณ เหมือนมีปฏิกิริยาตอบโต้ อย่างนี้บ่งชี้ว่าเขาหงุดหงิดและไม่ยอมรับ ตัวอย่างเช่น เขาอาจไม่เชื่อใจในคำขอโทษของคุณ ถ้าคุณรู้สึกว่าเข่าของเขากระตุกขณะคุณบีบมัน
เขาเอนตัวเข้าหาคุณ
ถ้าเขาขยับตัวเข้าหาคุณทีละนิด (อ่อนระทวยเหมือนกำลังละลายขณะคุณเกาคอให้เขา) นั่นเขากำลังแสดงให้คุณเห็นว่าเขาอยู่ใต้อิทธิพลของคุณแล้ว ซึ่งก็หมายถึงว่าเขามีแนวโน้มที่จะยอมจูงน้องหมาของคุณไปเดินเล่น หรือไม่อยากทะเลาะกับคุณอีกแล้ว
เขาเบี่ยงตัวออกจากคุณ
ถ้าเขายังคงดำเนินการเชื่อมโยงทางกายภาพกับคุณอยู่ต่อไป เขาก็กำลังแสดงให้เห็นว่าเขาเปิดใจรับฟังสิ่งที่คุณกำลังพูด แต่การเบี่ยงเบนตัวเขาออกไปข้างๆ หมายความว่าเขาไม่ค่อยเชื่อคำพูดของคุณแล้ว (มันเป็นภาษากายที่แสดงความไม่แน่ใจ)
เขานิ่งสนิท
โดยทั่วไป การไม่มีปฏิกิริยาคือปฏิกิริยาที่แย่ที่สุด มันหมายถึงว่า เขาเลิกการสนทนากับคุณไปโดยสิ้นเชิงและสร้างกำแพงขึ้นมาแล้ว (อย่าเข้าใจผิด ว่าเขานิ่ง เพราะยอมจำนนคุณล่ะ เดี๋ยวจะกลายเป็น “เห็นเสือหมอบ นึกว่าเสือไหว้” ไปซะ)
เพราะฉะนั้นคุณควรหยุดพูดไปเลย รอให้เขามีอารมณ์พร้อมที่จะรับฟังคุณในวันหน้าจะดีกว่า (ก็วันที่เขายอมให้คุณนวดคอน่ะแหละ)
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net