นับย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน แวดวงช่างภาพที่ทำงานด้านอีโรติกของบ้านเรานั้นมีจำนวนไม่มากแทบที่จะนับหัวได้ และที่สำคัญล้วนเป็นผู้ชายทั้งสิ้น แต่แล้วจู่ๆก็มีนักข่าวสาวที่รักการถ่ายภาพคนหนึ่งก็หาญกล้า ฉีกขนบผันตัวเองมาเป็นช่างภาพนู้ดผู้หญิงคนแรกของเมืองไทย และอาจเป็นเพราะผู้หญิงย่อมเข้าใจในอารมณ์ ...ความรู้สึกและสรีระของผู้หญิงด้วยกันผลงานของเธอที่เผยแพร่ออกมาจึงมีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเปิดเผยถึงอารมณ์ลึก ที่ซ่อนเร้นได้อย่างที่ยังไม่มีใครทำมาก่อน ชื่อ อุ้ง-อัญมณี สีชาด จึงติดอันดับช่างภาพนู้ดแถวหน้าของเมืองไทย
แม้จะจบครุศาสตร์จากวิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา แต่อุ้งก็ไม่มีโอกาสจับชอล์กสอนหนังสือเลย เพราะเมื่อเธอเริ่มฝึกงานที่หนังสือพิมพ์สยามรัฐ ชีวิตก็พลิกผันให้เดินมาสู่สายวิชานักข่าวเรื่อยมา ประกอบกับสนใจเรื่องการถ่ายภาพ วันหนึ่งจังหวะชีวิตก็มาถึง อุ้งไปทำงานที่เขาใหญ่ ที่นั่นเธอได้รู้จักพี่จุฬา ซึ่งกำลังจะทำหนังสือแฟชั่นภาพ งานชิ้นนี้ต้องไปถ่ายภาพที่เขาใหญ่ มี “วิเชียร ภู่ศิริ” เป็นช่างภาพใหญ่ เธอจึงได้ติดสอยห้อยตามไปในฐานะช่างภาพที่ตามเก็บภาพเบื้องหลัง
“หลังถ่ายแฟชั่นเซ็ตใหญ่เสร็จ เหลือนางแบบโนเนมที่ไปด้วยอีก 2 คน พี่จุฬาก็โยนกล้องมาให้นู้ดเปลือยทั้งตัว ตอนแรกก็อายไม่อยากถ่ายคืออายนางแบบเราไม่อยากมองน้อง พี่จุฬาก็ด่าอายทำไม มันเป็นศิลปะ? ...เราเลยฮึดหยิบกล้องมาถ่ายซึ่งนางแบบเขาก็ไม่ได้อายเราเลยเพราะเขาเป็นนางแบบมืออาชีพ วันนั้นเลยรู้ว่าเราเป็นมือสมัครเล่นเริ่มต้น แต่ไม่รู้ว่าศิลปะมันเป็นไง ถ่ายนู้ดเป็นยังไง รู้แค่ว่ามันเปลือย มันโป๊” อุ้งเล่าถึงวันแรกที่ในการกดชัตเตอร์ถ่ายภาพนู้ด
เมื่อเรียนจบ “อุ้ง” ไปร่วมงานกับนิตยสารแมน อยู่กองบรรณาธิการ ทำสารคดีพิเศษขึ้นหน้าปกต่างๆ มีหน้าที่หาข้อมูลมาเขียน พร้อมถ่ายรูป ที่นิตยสารแมนเธอมีโอกาสได้ถ่ายเทสต์นางแบบ ก่อนจะลาออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่อที่หนังสือ “ไฟกลางคืน” อุ้งบอกว่าตรงนั้นเป็นโอกาสที่ทำให้เธอได้เรียนรู้งานสตูดิโอ
ปี 2526 นับเป็นปีทองของวงการนู้ด ตอนนั้นช่างภาพนู้ดผู้ชายมีเป็นจำนวนไม่น้อย มีเพียงอุ้งเท่านั้นที่เป็นช่างภาพนู้ดผู้หญิงเพียงคนเดียวของวงการ มีหนังสือนู้ดแจ้งเกิดตามแผงหนังสือเป็นจำนวนมาก แบ่งกันเจาะกลุ่มคนอ่านอย่างชัดเจนตั้งแต่ตลาดบนถึงตลาดล่าง อาทิ แมน, หนุ่มสาว, นิตยสารไฟกลางคืน, นวลนาง, ฉกรรจ์ และ สะบัดช่อ เป็นต้น โดยช่างภาพนู้ดเบอร์หนึ่งเมืองไทยที่เป็นที่รู้จักกันดีในยุคนั้น คือ บี๋-ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์, แวง ชไม ฯลฯ
“ช่วงนั้นวงการภาพนู้ดบูมมาก เราก็มานั่งนึกว่าจะทำอะไรระหว่างการเป็นนักข่าวนักเขียน หรือเป็นช่างภาพ พอดีมีภาระเรื่องบ้านจึงคิดว่าการเขียนหนังสือเป็นเรื่องที่ยากกว่าจะหาข้อมูลนำมาเขียนค่าตอบแทนก็น้อย แต่ช่างภาพถ่ายเสร็จจบ ค่าตอบแทนก็สูงกว่า สุดท้ายเลือกเป็นช่างภาพ ก็ขอออกมาเป็นช่างภาพอิสระ” อุ้งเล่าถึงเหตุผลในการตัดสินใจเลือกเป็นช่างภาพนู้ด
การออกมาเป็นช่างภาพอิสระไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะยุคนั้นถือเป็นยุคทองของ บี๋-ธีรพงษ์ และ แวง ชไม เครดิตที่เหนือชั้นจากความเป็นช่างภาพผู้ชายที่อยู่ในสังเวียนมานานกว่า ทำให้ อุ้ง-อัญมณี ช่างภาพนู้ดหญิงคนแรกของไทย ต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อให้ประชาชนยอมรับ “อุ้ง” จึงวางแผนการทำงานอย่างเป็นขั้นตอน ตั้งแต่ไปหานางแบบเอง ตามสถานบริการกลางคืนด้วยตัวเอง งานของเธอหลายชิ้นจึงได้ขึ้นแผงหนังสือ แต่ที่โดดเด่นทำให้ “อุ้ง” โกอินเตอร์ เพราะสะดุดตา บ.ก.เพนเฮ้าส์ ฮ่องกง คืองานที่มี ปุ้ย แม่โขง เป็นนางแบบ
“ตอนนั้นเพนเฮ้าส์ในไทยยังไม่มี เพนเฮ้าส์ฮ่องกงติดต่อมา เราก็ส่งงานไป คอนเซ็ปต์ ผู้หญิงเปลือยกับธรรมชาติ ไปถ่ายนอกสตูฯ น้ำตกกับธรรมชาติ พอดีมีผู้ใหญ่เห็นงานชวนไปเสนองานปฏิทินแม่โขงก็เลยลองไป ปรากกฎว่าได้ก็ทำมาทุกปี ช่วงนั้นทำงานสนุกคือปฏิทินโป๊นี่จะเก็บเป็นความลับ อย่างแม่โขงทุกคนจะรอดูว่าใครเป็นนางแบบ เพราะฉะนั้นปฏิทินโป๊ที่เด่นๆก็จะมีการพูดถึงกันตั้งแต่เดือนตุลาคมเรื่อยมา จนเดือนธันวาคมปฏิทินออกก็จะมีการพูดถึงนางแบบที่ฮอต ของอุ้งปี 2533 ค่อนข้างฮือฮาเพราะได้ถ่ายปฎิทินโป๊ให้ถุงยางอนามัยคิงส์เท็กซ์ มี ขวัญภิรมย์ หลิน เป็นนางแบบ ส่วนแม่โขงได้ ดาริน หอสกุล ปรากฏปีนั้นออกมาดังที่ ดารินกับขวัญภิรมย์ ซึ่งสองคนนี้เป็นผลงานที่เราถ่ายเอง สิ่งนี้ทำให้สองคนนี้มีงานเข้ามาถูกเชิญไปโชว์ตัวตลอด”
หลังจากชื่อของ ดาริน หอสกุล และ ขวัญภิรมย์ หลิน เป็นที่รู้จักในฐานะนางแบบนู้ด จากการกดชัตเตอร์ของ “อุ้ง” ทำให้หลังจากนั้นมีผู้หญิงเปลื้องผ้าเป็นนางแบบให้เธอมากมาย
ครั้นพอปี 2540 เกิดวิกฤตต้มยำกุ้งส่งผลกระทบให้หนังสือนู้ดที่เคยเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ดต้องเจ้งระนาวเพราะทั้งค่ากระดาษก็แพงขึ้นแต่หนังสือกลับขายไม่ได้ ครั้งนั้นบรรดาช่างภาพนู้ดต่างตกงานกันเป็นแถว
ประกอบกับกระแสอินเตอร์เน็ตเริ่มเข้ามาบทบาทในสังคมมากขึ้น การหาภาพนู้ดในอินเตอร์เน็ตนั้นง่ายแถมไม่ต้องเสียเงินเมื่อเทียบกับหนังสือนู้ด ทั้งหนังสือและช่างภาพนู้ดจึงปิดประตูลั่นกลอนปิดสนิท
สำหรับช่างภาพนู้ดอย่างอุ้งเลือกที่จะอยู่นิ่งพร้อมกับเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ที่มีเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอินเตอร์เน็ตและกล้องดิจิตอลที่เริ่มเข้ามาแทนกล้องฟิล์ม
“ช่วงนั้นมันสับสน กล้องดิจิตอลรุ่นใหม่ที่เข้ามาราคาสูง ทุกอย่างต้องลงทุนใหม่หมด หลายค่ายต้องปรับตัว ช่างภาพก็ต้องปรับเพราะเห็นว่ายังไงเราก็หนีเทคโนโลยีใหม่ที่มีเข้ามาไม่ได้ เรามาเปิดเว็ปต์ไชต์ อัญมณีดอทคอม ขายภาพนู้ดผ่านเวปต์ มีสมาชิกมาซื้อเยอะแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก คือมันมีช่องทางดูจากเวปต์อื่นได้ก็ต้องปรับตัวกันอีกครั้ง”
เมื่อกระแสหนังสือนู้ดเริ่มตกต่ำ ขณะที่ช่างภาพนู้ดคนอื่น ๆ ล้มหายไปจากวงการ แต่ช่างภาพนู้ดอย่าง “อุ้ง” กลับใช้ความสามารถในการถ่ายภาพหันมาถ่ายงานโฆษณาสินค้าแทน แม้ว่าจะไม่บูมเท่ากับงานถ่ายภาพนู้ดก็ตาม
และล่าสุดอุ้งก็สามารถหาช่องทางใหม่ที่ยังยึดโยงอยู่กับเรื่องเซ็กซ์โดยการขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรประเภทอาหารเสริมชาย “ฮาร์โมนีเฮิร์บ เอ็กซ์ตร้า” บำรุงต่อมลูกหมากของผู้ชายที่มีปัญหาเรื่องการแข็งตัวของอวัยวะเพศ และผลิตภัณฑ์ดูแลระบบภายในของผู้หญิง ทั้งกระชับมดลูกและระบบเกี่ยวกับประจำเดือน เรื่องผิวพรรณ และหน้าอกเต่งตึง
นั่นเป็นเพียงงานชั่วคราวเท่านั้น เพราะจากนี้ไปอุ้งกำลังคิดการใหญ่ที่จะขายนู้ดเข้าสู่กระแสโซเชียลเน็ตเวิร์ก
เมื่อถามว่าถึงวงการนู้ดเมืองไทยในวันข้างหน้าจะเป็นยังไง เจ้าแม่นู้ดเมืองไทยกล่าวทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงกระชุ่มกระชวยว่า “ยังอยู่ได้แน่นอนเพียงแต่ต้องติดตามเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ ก็วางแผนทำหนังอีโรติกส์ขาย และไม่แน่เร็วๆนี้อาจมีแอพใหม่ๆให้นักท่องเน็ตโหลดดูอีกด้วย”
ถึงแม้โลกจะก้าวไปเร็วกว่าที่ทุกคิด การหายตัวในเทพนิยายอาจจะไม่มีความจำเป็นในโลกแห่ง3G ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารที่ทุกคนสามารถส่งข้อความถึงกันได้ ...เพียงแต่ลัดนิ้วมือเดียว หรือเครือข่ายสังคมไซเบอร์ที่ทุกคนสามารถทุกอย่างได้โดยง่าย แต่โลกที่ไม่เคยหยุดหมุนก็เหมือนกับหัวใจที่ไม่เคยหยุดเต้น อุ้ง-อัญมณี สีชาด ใส่หัวใจลงไปในงานของเธอทุกชิ้น
แม้จะจบครุศาสตร์จากวิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา แต่อุ้งก็ไม่มีโอกาสจับชอล์กสอนหนังสือเลย เพราะเมื่อเธอเริ่มฝึกงานที่หนังสือพิมพ์สยามรัฐ ชีวิตก็พลิกผันให้เดินมาสู่สายวิชานักข่าวเรื่อยมา ประกอบกับสนใจเรื่องการถ่ายภาพ วันหนึ่งจังหวะชีวิตก็มาถึง อุ้งไปทำงานที่เขาใหญ่ ที่นั่นเธอได้รู้จักพี่จุฬา ซึ่งกำลังจะทำหนังสือแฟชั่นภาพ งานชิ้นนี้ต้องไปถ่ายภาพที่เขาใหญ่ มี “วิเชียร ภู่ศิริ” เป็นช่างภาพใหญ่ เธอจึงได้ติดสอยห้อยตามไปในฐานะช่างภาพที่ตามเก็บภาพเบื้องหลัง
“หลังถ่ายแฟชั่นเซ็ตใหญ่เสร็จ เหลือนางแบบโนเนมที่ไปด้วยอีก 2 คน พี่จุฬาก็โยนกล้องมาให้นู้ดเปลือยทั้งตัว ตอนแรกก็อายไม่อยากถ่ายคืออายนางแบบเราไม่อยากมองน้อง พี่จุฬาก็ด่าอายทำไม มันเป็นศิลปะ? ...เราเลยฮึดหยิบกล้องมาถ่ายซึ่งนางแบบเขาก็ไม่ได้อายเราเลยเพราะเขาเป็นนางแบบมืออาชีพ วันนั้นเลยรู้ว่าเราเป็นมือสมัครเล่นเริ่มต้น แต่ไม่รู้ว่าศิลปะมันเป็นไง ถ่ายนู้ดเป็นยังไง รู้แค่ว่ามันเปลือย มันโป๊” อุ้งเล่าถึงวันแรกที่ในการกดชัตเตอร์ถ่ายภาพนู้ด
เมื่อเรียนจบ “อุ้ง” ไปร่วมงานกับนิตยสารแมน อยู่กองบรรณาธิการ ทำสารคดีพิเศษขึ้นหน้าปกต่างๆ มีหน้าที่หาข้อมูลมาเขียน พร้อมถ่ายรูป ที่นิตยสารแมนเธอมีโอกาสได้ถ่ายเทสต์นางแบบ ก่อนจะลาออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่อที่หนังสือ “ไฟกลางคืน” อุ้งบอกว่าตรงนั้นเป็นโอกาสที่ทำให้เธอได้เรียนรู้งานสตูดิโอ
ปี 2526 นับเป็นปีทองของวงการนู้ด ตอนนั้นช่างภาพนู้ดผู้ชายมีเป็นจำนวนไม่น้อย มีเพียงอุ้งเท่านั้นที่เป็นช่างภาพนู้ดผู้หญิงเพียงคนเดียวของวงการ มีหนังสือนู้ดแจ้งเกิดตามแผงหนังสือเป็นจำนวนมาก แบ่งกันเจาะกลุ่มคนอ่านอย่างชัดเจนตั้งแต่ตลาดบนถึงตลาดล่าง อาทิ แมน, หนุ่มสาว, นิตยสารไฟกลางคืน, นวลนาง, ฉกรรจ์ และ สะบัดช่อ เป็นต้น โดยช่างภาพนู้ดเบอร์หนึ่งเมืองไทยที่เป็นที่รู้จักกันดีในยุคนั้น คือ บี๋-ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์, แวง ชไม ฯลฯ
“ช่วงนั้นวงการภาพนู้ดบูมมาก เราก็มานั่งนึกว่าจะทำอะไรระหว่างการเป็นนักข่าวนักเขียน หรือเป็นช่างภาพ พอดีมีภาระเรื่องบ้านจึงคิดว่าการเขียนหนังสือเป็นเรื่องที่ยากกว่าจะหาข้อมูลนำมาเขียนค่าตอบแทนก็น้อย แต่ช่างภาพถ่ายเสร็จจบ ค่าตอบแทนก็สูงกว่า สุดท้ายเลือกเป็นช่างภาพ ก็ขอออกมาเป็นช่างภาพอิสระ” อุ้งเล่าถึงเหตุผลในการตัดสินใจเลือกเป็นช่างภาพนู้ด
การออกมาเป็นช่างภาพอิสระไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะยุคนั้นถือเป็นยุคทองของ บี๋-ธีรพงษ์ และ แวง ชไม เครดิตที่เหนือชั้นจากความเป็นช่างภาพผู้ชายที่อยู่ในสังเวียนมานานกว่า ทำให้ อุ้ง-อัญมณี ช่างภาพนู้ดหญิงคนแรกของไทย ต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อให้ประชาชนยอมรับ “อุ้ง” จึงวางแผนการทำงานอย่างเป็นขั้นตอน ตั้งแต่ไปหานางแบบเอง ตามสถานบริการกลางคืนด้วยตัวเอง งานของเธอหลายชิ้นจึงได้ขึ้นแผงหนังสือ แต่ที่โดดเด่นทำให้ “อุ้ง” โกอินเตอร์ เพราะสะดุดตา บ.ก.เพนเฮ้าส์ ฮ่องกง คืองานที่มี ปุ้ย แม่โขง เป็นนางแบบ
“ตอนนั้นเพนเฮ้าส์ในไทยยังไม่มี เพนเฮ้าส์ฮ่องกงติดต่อมา เราก็ส่งงานไป คอนเซ็ปต์ ผู้หญิงเปลือยกับธรรมชาติ ไปถ่ายนอกสตูฯ น้ำตกกับธรรมชาติ พอดีมีผู้ใหญ่เห็นงานชวนไปเสนองานปฏิทินแม่โขงก็เลยลองไป ปรากกฎว่าได้ก็ทำมาทุกปี ช่วงนั้นทำงานสนุกคือปฏิทินโป๊นี่จะเก็บเป็นความลับ อย่างแม่โขงทุกคนจะรอดูว่าใครเป็นนางแบบ เพราะฉะนั้นปฏิทินโป๊ที่เด่นๆก็จะมีการพูดถึงกันตั้งแต่เดือนตุลาคมเรื่อยมา จนเดือนธันวาคมปฏิทินออกก็จะมีการพูดถึงนางแบบที่ฮอต ของอุ้งปี 2533 ค่อนข้างฮือฮาเพราะได้ถ่ายปฎิทินโป๊ให้ถุงยางอนามัยคิงส์เท็กซ์ มี ขวัญภิรมย์ หลิน เป็นนางแบบ ส่วนแม่โขงได้ ดาริน หอสกุล ปรากฏปีนั้นออกมาดังที่ ดารินกับขวัญภิรมย์ ซึ่งสองคนนี้เป็นผลงานที่เราถ่ายเอง สิ่งนี้ทำให้สองคนนี้มีงานเข้ามาถูกเชิญไปโชว์ตัวตลอด”
หลังจากชื่อของ ดาริน หอสกุล และ ขวัญภิรมย์ หลิน เป็นที่รู้จักในฐานะนางแบบนู้ด จากการกดชัตเตอร์ของ “อุ้ง” ทำให้หลังจากนั้นมีผู้หญิงเปลื้องผ้าเป็นนางแบบให้เธอมากมาย
ครั้นพอปี 2540 เกิดวิกฤตต้มยำกุ้งส่งผลกระทบให้หนังสือนู้ดที่เคยเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ดต้องเจ้งระนาวเพราะทั้งค่ากระดาษก็แพงขึ้นแต่หนังสือกลับขายไม่ได้ ครั้งนั้นบรรดาช่างภาพนู้ดต่างตกงานกันเป็นแถว
ประกอบกับกระแสอินเตอร์เน็ตเริ่มเข้ามาบทบาทในสังคมมากขึ้น การหาภาพนู้ดในอินเตอร์เน็ตนั้นง่ายแถมไม่ต้องเสียเงินเมื่อเทียบกับหนังสือนู้ด ทั้งหนังสือและช่างภาพนู้ดจึงปิดประตูลั่นกลอนปิดสนิท
สำหรับช่างภาพนู้ดอย่างอุ้งเลือกที่จะอยู่นิ่งพร้อมกับเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ที่มีเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอินเตอร์เน็ตและกล้องดิจิตอลที่เริ่มเข้ามาแทนกล้องฟิล์ม
“ช่วงนั้นมันสับสน กล้องดิจิตอลรุ่นใหม่ที่เข้ามาราคาสูง ทุกอย่างต้องลงทุนใหม่หมด หลายค่ายต้องปรับตัว ช่างภาพก็ต้องปรับเพราะเห็นว่ายังไงเราก็หนีเทคโนโลยีใหม่ที่มีเข้ามาไม่ได้ เรามาเปิดเว็ปต์ไชต์ อัญมณีดอทคอม ขายภาพนู้ดผ่านเวปต์ มีสมาชิกมาซื้อเยอะแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก คือมันมีช่องทางดูจากเวปต์อื่นได้ก็ต้องปรับตัวกันอีกครั้ง”
เมื่อกระแสหนังสือนู้ดเริ่มตกต่ำ ขณะที่ช่างภาพนู้ดคนอื่น ๆ ล้มหายไปจากวงการ แต่ช่างภาพนู้ดอย่าง “อุ้ง” กลับใช้ความสามารถในการถ่ายภาพหันมาถ่ายงานโฆษณาสินค้าแทน แม้ว่าจะไม่บูมเท่ากับงานถ่ายภาพนู้ดก็ตาม
และล่าสุดอุ้งก็สามารถหาช่องทางใหม่ที่ยังยึดโยงอยู่กับเรื่องเซ็กซ์โดยการขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรประเภทอาหารเสริมชาย “ฮาร์โมนีเฮิร์บ เอ็กซ์ตร้า” บำรุงต่อมลูกหมากของผู้ชายที่มีปัญหาเรื่องการแข็งตัวของอวัยวะเพศ และผลิตภัณฑ์ดูแลระบบภายในของผู้หญิง ทั้งกระชับมดลูกและระบบเกี่ยวกับประจำเดือน เรื่องผิวพรรณ และหน้าอกเต่งตึง
นั่นเป็นเพียงงานชั่วคราวเท่านั้น เพราะจากนี้ไปอุ้งกำลังคิดการใหญ่ที่จะขายนู้ดเข้าสู่กระแสโซเชียลเน็ตเวิร์ก
เมื่อถามว่าถึงวงการนู้ดเมืองไทยในวันข้างหน้าจะเป็นยังไง เจ้าแม่นู้ดเมืองไทยกล่าวทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงกระชุ่มกระชวยว่า “ยังอยู่ได้แน่นอนเพียงแต่ต้องติดตามเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ ก็วางแผนทำหนังอีโรติกส์ขาย และไม่แน่เร็วๆนี้อาจมีแอพใหม่ๆให้นักท่องเน็ตโหลดดูอีกด้วย”
ถึงแม้โลกจะก้าวไปเร็วกว่าที่ทุกคิด การหายตัวในเทพนิยายอาจจะไม่มีความจำเป็นในโลกแห่ง3G ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารที่ทุกคนสามารถส่งข้อความถึงกันได้ ...เพียงแต่ลัดนิ้วมือเดียว หรือเครือข่ายสังคมไซเบอร์ที่ทุกคนสามารถทุกอย่างได้โดยง่าย แต่โลกที่ไม่เคยหยุดหมุนก็เหมือนกับหัวใจที่ไม่เคยหยุดเต้น อุ้ง-อัญมณี สีชาด ใส่หัวใจลงไปในงานของเธอทุกชิ้น