xs
xsm
sm
md
lg

ฉีดฟิลเลอร์ VS เสริมด้วยซิลิโคน อัพดั้งแบบไหน เหมาะกับคุณ!?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

By Lady Manager

ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย การเสริมดั้งอัพจมูกให้สูงโด่ง ก็ยังเป็นศัลยกรรมยอดฮิตของสาวไทยเรา ยิ่งปัจจุบันนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างฟิลเลอร์ ก็เข้ามาเป็นอีกตัวช่วยให้คุณจมูกโด่งได้สมใจ ด้วยสรรพคุณที่ว่าฉีดปุ๊บโด่งปั๊บ แถมหากไม่พอใจ...ไม่เป็นไร 3 เดือน 6 เดือน ฟิลเลอร์ก็สลายไปโดยไม่เป็นอันตราย

แท้จริงแล้ว การเสริมจมูกด้วยฟิลเลอร์ (Filler) จะเหมาะกับสาวทุกนางหรือไม่ หากอยากได้ดั้งโด่ง ทรงสวยสมใจ ควรจะเลือกเสริมจมูกด้วยวิธีไหนถึงจะเหมาะกับคุณมากที่สุด งานนี้เราได้ นพ. สมศักดิ์ คุณจักร ศัลยแพทย์เจ้าของ The Cosmetic Surgery Clinic มาอธิบายข้อเท็จจริงให้ได้ทราบ

“บางครั้งการฉีดฟิลเลอร์ก็เกิดปัญหาได้ เพราะบางทีมันเป็นการฉีดมั่ว ฉีดโดยไม่ดูว่าคนไข้เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์มั้ย หรืออาจมีการฉีดเยอะเกินไป ซึ่งมันทำให้เกิดความเสียหายเยอะ ตรงข้ามกับการเสริมจมูกโดยซิลิโคน (Silicone) ที่หากมีปัญหา เช่น ทำออกมาจมูกจะดูแข็งไป มันก็ผ่าตัดแก้ไขได้ แต่ถ้าเป็นฟิลเลอร์ หากฉีดเยอะไป จะมาแก้นี่แทบหมดปัญญาเลย เพราะต้องค่อยๆ ผ่าเลาะฟิลเลอร์ที่ค้างอยู่ออกมา ซึ่งมันยุ่งยากกว่า” คุณหมอสมศักดิ์ เกริ่นถึงข้อจำกัดของการฉีดฟิลเลอร์
“ฟิลเลอร์” ฉีดมากไป สลายไม่หมด

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่ง อธิบายว่า “ฟิลเลอร์” เป็นคำรวมๆ ที่ใช้เรียกสารสังเคราะห์ที่เลียนแบบธรรมชาติ ซึ่งนำมาฉีดเสริมเนื้อเยื่ออ่อน โดยใช้เพื่อความสวยงามเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งปัจจุบันสารสังเคราะห์ที่นิยมคือ “ไฮยาลูโรนิค แอซิด” (Hyaluronic Acid หรือ HA)

แม้สารไฮยาลูโรนิค แอซิด จะมีการระบุไว้ว่า เมื่อฉีดแล้วสารดังกล่าวจะสลายไปเองภายในระยะเวลา 3-6 เดือน (ตามแต่ความเข้มข้นของ HA) ทว่าแท้จริงแล้วปัญหาที่พบได้บ่อยคือ การฉีดฟิลเลอร์ในปริมาณมากเกินไป ทำให้ฟิลเลอร์รวมตัวกันแน่น จนไม่สามารถสลายไปได้ แม้เวลาจะผ่านไปนานนับปี

“ถ้าฉีดฟิลเลอร์แค่นิดเดียว มันจะสามารถยุบ และหายไปได้จริง แต่ถ้าฉีดเยอะเกินไป จนกระทั่งฟิลเลอร์ฟอร์มตัวเป็นก้อนแล้ว มันไม่สามารถสลายไปได้ บางคนฉีดไป 3 ปีแล้ว ก้อนฟิลเลอร์นั้นก็ยังอยู่ หลายคนชอบคิดว่า ลองฉีดฟิลเลอร์ไปก่อน เดี๋ยวพร้อมเมื่อไหร่ค่อยมาเสริมถาวร (ด้วยซิลิโคน) แต่เมื่อฉีดฟิลเลอร์ไปแล้ว พอถึงเวลาจะมาเสริมด้วยซิลิโคน มาให้ผมทำ ผมจับที่จมูกปุ๊บก็บอกเลยว่า ฟิลเลอร์มันค้างอยู่เยอะมาก บางคนบอกว่าขอรอให้ฟิลเลอร์ยุบก่อน รอมา 3 ปีแล้วก็ไม่ยุบ มันยังอยู่เหมือนเดิม ดังนั้นถ้าคิดจะใส่ซิลิโคนก็ต้องเลาะฟิลเลอร์ที่ค้างอยู่ออกก่อน ก็เป็นปัญหาที่ต้องแก้ให้ยุ่งขึ้นไปอีก

ปัญหาฟิลเลอร์ไม่สลายนี้ อาจเพราะแพทย์ที่ฉีดๆ ในปริมาณที่ไม่เหมาะสม ซึ่งเรื่องการฉีดฟีลเลอร์นี้ อยู่ที่เทคนิคในการฉีดครับ ต้องฉีดให้พอดี และที่สำคัญแพทย์ต้องแนะนำให้ผู้ป่วยแต่ละราย เข้าใจในปัญหาของตนเอง ทราบว่าปัญหาของตนเอง ควรจะแก้ด้วยวิธีการใด จะฉีดฟิลเลอร์ หรือจะเสริมซิลิโคนจึงจะเหมาะ”

จมูกแบบไหนเหมาะฉีดฟิลเลอร์ ทรงไหนควรใส่ซิลิโคน

“ในรายที่จมูกสวยอยู่แล้ว ขาดตรงดั้งไปนิดหน่อย หรือช่วงสันดั้ง 2 ข้างยุบไม่เท่ากัน แต่ปลายจมูกโด่งสวยงามอยู่แล้วอันนั้นเหมาะที่จะฉีดฟิลเลอร์ เข้าไปช่วยได้ แต่ถ้าไปฉีดเพื่อหวังให้ปลายจมูกโด่ง อันนั้นผิด ฉีดให้ปลายจมูกเป็นรูปหยดน้ำ อันนั้นผิด เพราะการฉีดฟิลเลอร์มันไม่ทำให้จมูกโด่ง แต่มันจะทำให้จมูกเตี้ยลง เพราะฟิลเลอร์มันหนัก ฉีดแล้วมีแต่จะทำให้จมูกห้อยลง เพราะปลายจมูกเป็นส่วนที่อ่อน ไม่มีอะไรรองรับ แต่ถ้าเป็นช่วงดั้งนั้นมีกระดูกรองรับ ฉีดฟิลเลอร์เข้าไป กระดูกที่อยู่ด้านล่างก็ดักฟิลเลอร์ไว้ ทำให้สามารถดันเนื้อขึ้นมาได้ ดูจมูกโด่งขึ้นได้ แต่อย่างไรก็ต้องระวัง เพราะหากฉีดมากเกินไป ฟิลเลอร์ก็ไหลออกด้านข้าง จนดูจมูกโตได้

ส่วนจมูกแบบที่ควรจะเสริมด้วยซิลิโคน คือ ถ้าจมูกเตี้ยเกินไป, ปลายจมูกบานใหญ่, ปลายจมูกสั้นเกินไป, ปลายจมูกไม่โด่ง หรืองุ้มตก เหล่านี้ต้องใช้ซิลิโคนที่เป็นของแข็งมายกขึ้น หรือมายืดให้สันจมูกยาวออกไป ดูเป็นปลายหยดน้ำ เหล่านี้ควรจะเสริมด้วยแท่งซิลิโคน” ศัลยแพทย์เจ้าของ The Cosmetic Surgery Clinic ระบุ
อยากเสริมด้วยซิลิโคน แต่กลัวจมูกเบี้ยว

หลังพูดถึงข้อจำกัดการเสริมดั้งด้วยฟิลเลอร์ไปแล้ว เราหันมาถามข้อจำกัด ที่น่าหวั่นวิตกของการเสริมจมูกด้วยซิลิโคน นั่นคือ..จริงหรือที่ว่า หลังเสริมจมูกด้วยซิลิโคนแล้วดูแลตัวเองไม่ดี เช่น จับจมูกแรงไป หรือแค่นอนตะแคงข้าง ก็อาจทำให้ดั้งเบี้ยวได้ เรื่องนี้คุณหมอสมศักดิ์ว่า

“ผมบอกตรงๆ เลยว่า การที่เสริมจมูกแล้วเบี้ยวนั้น เป็นเพราะฝีมือหมอที่ทำ แต่ไม่ค่อยมีใครออกมารับผิดชอบ แต่ถ้าเป็นผมบอกเลย ถ้าเห็นเบี้ยวเมื่อไหร่ ไม่ต้องเถียงกับคนไข้เลย ต้องรีบแก้ไขให้เขา ไปเถียงทำไมว่าคุณนั่นแหละไปทำเบี้ยวมา ไปโทษว่าเป็นเพราะคนไข้เอามือไปดันมันเลยเบี้ยว แบบนั้นมันไม่ใช่ เพราะถ้าจมูกเกิดเบี้ยว มันเกิดจากการวางซิลิโคนเบี้ยวตั้งแต่แรกแล้ว”

เพราะสิ่งสำคัญที่จะทำให้จมูกคุณสวยได้ดั่งใจ ไม่บิดเบี้ยวนั้น ขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของแพทย์ที่ทำการผ่าตัดให้ คุณหมอสมศักดิ์เลยแนะนำมาว่า หากคิดจะเสริมสวยให้ได้ดั่งฝัน ควรหาแพทย์ที่เข้าใจปัญหาของคุณ และยิ่งถ้าคุณได้เห็นตัวอย่างผลงานของแพทย์ท่านนั้นด้วยก็ยิ่งดี

“ผมแนะนำการเลือกหมอศัลยกรรมว่า ต้องลองเข้าไปคุยก่อน ไปศึกษาดูว่า หมอท่านนั้นเขาเข้าใจปัญหาของเรามั้ย ถ้าเราเห็นว่าเขาเข้าใจปัญหาของเรา มีแนวทางแก้ไขปัญหาให้เราได้ตรงกับความต้องการของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเราได้เห็นตัวอย่างผลงานของเขา มันก็ทำให้เราวางใจได้มากขึ้น”

“จมูกเกาหลี” ศัลยกรรมได้เหมือนเป๊ะ จริงหรือ?

เพราะเดี๋ยวนี้มักได้ยินว่า “จมูกเกาหลี” เป็นทรงยอดฮิต! แล้วจมูกเกาหลีแท้จริงเป็นแบบไหน หากเราๆ ท่านๆ จะเดินถือรูปนักร้อง-ดาราเกาหลีไปหาหมอ แล้วขอให้คุณหมอช่วยเสกสรรปั้นแต่งให้ออกมาเหมือนเป๊ะ จะได้หรือไม่ คุณหมอสมศักดิ์ ท่านยิ้มก่อนตอบมาว่า

“เทรนด์จมูกที่เขาว่าฮิตกัน ทรงเกาหลีนั้น ต้องบอกว่าตอนนี้อะไรๆ ก็เกาหลี คือ การสวยแบบดารา เรื่องนี้เป็นมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว แต่พอปัจจุบันคนไข้ก็ชอบมาบอกว่าจะเอาจมูกแบบเกาหลี ผมจะบอกว่า คำพูดอย่างนี้มันผิดอยู่แล้ว เพราะจริงๆ แล้วจมูกเกาหลี..มันไม่มี เกาหลีกับไทยเป็นเอเชียเหมือนกันรูปทรงจมูกเราก็คล้ายๆ กัน

การที่จะสวยเด่น จมูกโด่งมากๆ เป็นดาราได้นั้น ส่วนใหญ่ดาราเค้ามีโครงจมูกที่โด่งอยู่แล้ว โมเดล (model) มันมีอยู่แล้วว่า ตอนนี้ลูกครึ่งมาแรงนะ จะหาดาราก็ต้องเป็นแบบลูกครึ่ง หน้าเรียว จมูกโด่ง เหมือนฝรั่ง ดังนั้นหน้าตาเขาได้ตั้งแต่ต้นแล้ว บางคนเขาไม่ได้ทำ หรือทำก็จริง แต่โครงสร้างเขามันอำนวยที่จะสามารถเสริมให้โด่งเป็นทรงสวยได้อยู่แล้ว แต่ถ้าจมูกบาน แถมมีฐานจมูกสั้นนิดเดียว แล้วจะมาเอาแบบจมูกดาราเกาหลี ยาวๆ แบบลูกครึ่งมันจะเป็นไปได้อย่างไร

ดังนั้นเวลามีคนมาถามผม ผมก็ต้องบอกตรงๆ ว่า มันต้องแล้วแต่ต้นทุน ฐานจมูกที่เรามีอยู่ ถ้าเรามีฐานจมูกแค่นิดเดียว สั้นๆ แล้วจะมาเอาจมูกที่เรียกว่า จมูกเกาหลี เอาแบบจมูกยาวๆ แบบลูกครึ่ง มันเป็นไปไม่ได้ มันต้องดูต้นทุนตัวเอง แต่ส่วนใหญ่แล้วบางคนไม่ดู ดูแต่หน้าดารา แล้วฝันว่าอยากเอาอย่างนั้น แล้วก็จะมาให้เราทำให้ได้ ถ้าเราทำไม่ได้ เขามีเงินก็จะบินไปทำที่เกาหลี แต่พอไปถึงเกาหลีจริงๆ เขาก็ทำไม่ได้อยู่ดี

ในทางกลับกันถ้าคนไทยคนไหนมีโครงหน้าที่คล้ายฝรั่งอยู่แล้ว ทำแค่นิดเดียว จมูกมันก็โด่ง ไม่ต้องไปไกลถึงเกาหลีก็โด่งพุ่งไปเลย ฉะนั้นไม่มีหรอกทรงจมูกเกาหลี เค้าก็แค่เรียกกันติดปาก เพราะเกาหลี ทำการตลาดได้ดี ถ้าเกิดคนไทยเราทำการตลาดดีๆ มันก็อาจจะมีการพูดกันไปว่า เอาทรงจมูกไทย..ก็ได้”

*เกร็ดน่ารู้ ...หากคิดจะเสริมจมูกด้วยซิลิโคน

- หลังผ่าตัดเสริมจมูกแล้ว ไม่ต้องบีบ-นวด เพราะจะยิ่งทำให้จมูกระบม, ห้ามประคบน้ำอุ่น เพราะจะทำให้จมูกบวม คุณหมอสมศักดิ์ว่า หลังผ่าตัดเสร็จสามารถนอนตะแคง หรือใส่แว่นได้ทันที โดยไม่ต้องกลัวจมูกจะเบี้ยว...เพราะถ้าจะเบี้ยว ก็เบี้ยวตั้งแต่แพทย์วางซิลิโคนแล้วหล่ะ

- การดูแลซิลิโคน คือ หลีกเลี่ยงการกระแทกที่จมูก ดังนั้นผู้ที่มีความเสี่ยงจะถูกกระแทกที่จมูกได้ง่าย เช่น นักมวย นักกีฬารักบี้ จึงไม่เหมาะที่จะเสริมจมูกด้วยซิลิโคน

- หลังเสริมจมูกแล้วสามารถจาม, สั่งน้ำมูกได้ตามปกติ เพราะแท่งซิลิโคนจะวางอยู่ด้านบนของรูจมูก ดังนั้นเวลาสั่งน้ำมูกจึงไม่ต้องกลัวว่าจมูกจะเบี้ยวหรอกจ้า



>>
อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ 
 http://www.celeb-online.net
กำลังโหลดความคิดเห็น