xs
xsm
sm
md
lg

“ประจักษ์ ตั้งคารวคุณ ” แห่ง TOA อยากอยู่ 100 ปี และเลิกพูด ภาษาจีน สำเนียง เกาะสีชัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แม้ความยืนยาวของอายุ จะไม่ใช่ตัวชี้วัดว่า ชีวิตที่ผ่านมาของคนๆหนึ่งได้ใช้วัยและวันไปอย่างเต็มที่และคุ้มค่า

แต่ ประจักษ์ ตั้งคารวคุณ ประธานที่ปรึกษากลุ่มบริษัท TOA ที่ปีนี้อายุจะย่าง 68 ปีแล้ว ยังฝันอยากจะมีอายุยืนเหมือนกับใครหลายๆคน

และถือเป็นความโชคดีที่สุขภาพของเขายามนี้ ไม่มีโรคเบาหวานมารบกวน ไม่มีโรคความดันมารังครวญ เหมือนเช่นเพื่อนฝูงในวันเดียวกัน

เพราะหมั่นดูแลสุขภาพอย่างเคร่งครัด โดยเกือบทุกๆเช้า จะต้องลุกจากที่นอน ควงศรีภรรยา  ละออ ตั้งคารวคุณ ที่ใช้ชีวิตร่วมกันมา 40 กว่าปี ไปเดินออกกำลังกายที่สวนลุม วันละกว่า 5 กิโลเมตร ต่อด้วยการเข้าห้องยิมเพื่อยืดหลังและหัวเข่า แล้วปิดท้ายด้วยการลงไปแหวกว่ายในสระว่ายน้ำ อีกครึ่งชั่วโมง

แม้แต่เรื่องอาหารการกิน ก็พยายามเลี่ยงที่จะรับประทานสัตว์ใหญ่ แล้วหันมารับประทานปลาให้มากขึ้น

“จริงๆแล้ว ถามว่าชอบปลาไม๊ ไม่ชอบนะ แต่ต้องกิน เพราะเราโตมาในครอบครัวใหญ่ พ่อแม่เป็นคนจีนก็จริง แต่ก็ไม่ได้สอนให้กินปลา เป็นคนจีนที่โตมาในบ้านนอก ก็กินแบบคนไทยทั่วไป แม้แต่ตอนเป็นเด็ก พวกเป็ดหรือไก่ ต้องรอให้ถึงตรุษจีนหรือสารทจีน ถึงจะได้กิน ธรรมดาไม่ได้กินหรอก

อยากมีอายุอยู่ถึง 100 ปี (หัวเราะ) จริงๆ น่าจะอยู่ได้นะ เพราะผมไม่เป็นเบาหวาน ขนาดเมื่อคืนก็กินผลไม้หวานๆเยอะแยะเลยนะ มาปีนี้ คุณละออ ก็ไม่ยอมซื้อทุเรียนให้กิน เพราะกลัวผมเป็นเบาหวาน คิดว่าน่าจะไม่เป็นหรอก เพราะถ้าจะเป็น เป็นไปนานแล้ว คนอายุ 60 กว่าๆ”

ล่าสุด ในฐานะ ประธานที่ปรึกษา มูลนิธิประจักษ์-ละออ (ลี้กิมเกียว) ตั้งคารวคุณ เขยอีสานเช่นประจักษ์ ก็เพิ่งกลับจากการไปเยือน ถิ่นฐานบ้านเกิดของพ่อตาแม่ยาย พร้อมกับคาราวาน TOA ร่วมใจ มอบผ้าห่ม ต้านภัยหนาว  เพื่อมอบผ้าห่ม พร้อมเลี้ยงอาหารกลางวัน แก่ชาวบ้านและนักเรียนในพื้นที่ 4 อำเภอ ของ จ.ขอนแก่น, อุดรธานี และเลย

และไปตรวจเยี่ยม โรงงานน้ำตาลเอราวัณ อีกหนึ่งธุรกิจของครอบครัวที่แตกแขนงไปลงหลักปักฐาน ณ ถิ่นที่ราบสูงมาหลายปี เช่นกันว่ายังมีศรีภรรยา ตามติดในทุกย่างก้าว ดังเช่นการไปเดินออกกำลังกายที่สวนลุมในทุกๆเช้า

“ที่ต้องชวนคุณละออไปเพื่อนไม่ใช่อะไรหรอก กลัวคุณละออเป็นอะไร (หัวเราะ) เดี๋ยวไม่มีใครดูแล(ผม)

ทำอะไรก็เลยต้องทำด้วยกัน และชีวิตต้องใช้ให้มันคุ้มค่า ก็อยากจะอยู่นาน ๆ เรื่องทำบุญเราไม่ทำเพื่ออะไรหรอก เราเองก็เคยลำบากมา ช่วยเขาได้ก็ต้องช่วย”

ประจักษ์กล่าวว่า แรกเริ่มเดิมที มูลนิธิฯ ตั้งขึ้นมาเอาไว้ช่วยลูกหลาน เผื่อว่าวันหนึ่งวันหน้า จะมีลูกหลานบางคนที่ไม่มีศักยภาพพอจะช่วยเหลือตัวเองได้

“เพราะในอนาคตอาจมีลูกหลานบางคนที่ไม่เก่ง จะได้ช่วยเหลือได้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่ กลายเป็นว่าต้องช่วยเหลือสังคม

และอีกเหตุผลหนึ่งคือ เราเป็นคนไทย ศาสนาพุทธ มีเงินแล้ว ได้เงินจากสังคมแล้ว ก็ต้องคืนกลับไป แม้ตอนนี้เราจะไม่ได้หวังอะไร แต่ในระยะยาว บุญที่เราทำไป ย่อมส่งผลให้ลูกหลานได้ดิบได้ดี และบริษัทก็ย่อมต้องไปได้ดี เพราะเราทำบุญช่วยเหลือชาวบ้าน”

วัยอาจจะผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก แต่ชีวิตของประจักษ์ ยังมีเรื่องให้ต้องปรับปรุงแก้ไขอยู่เรื่อยๆ

ดังนั้น ปีใหม่ที่จะถึงนี้ นอกจาก จะวางแผนไปเที่ยวเมืองจีน กับศรีภรรยา พร้อมเยี่ยมลูกค้ารายใหญ่ที่นั่น เจ้าตัวยังต้องการที่จะปรับปรุง การพูดภาษาจีนของตัวเองให้ดีขึ้นด้วย

“มีเวลาก็พยายามจะไปเรียนภาษาจีนเพิ่ม เพราะต้องการฟื้นสำเนียงให้ได้แบบคนจีน เพราะสำเนียงที่เราพูดเป็นสำเนียงภาษาจีนกลาง เกาะสีชัง(หัวเราะ)เพื่อนเขาล้อผมเล่นอย่างนั้น เราจึงต้องฝึก”

ดังนั้นใครที่อยากรู้ว่าสำเนียงภาษาจีนกลาง เกาะสีชัง เป็นเช่นไร ปะหน้าเขาผู้นี้ อย่าลืมส่งภาษาจีนให้โต้ตอบ

เช่นเดียวกันกับอนาคตของธุรกิจ แม้ยามนี้จะวางมือให้ทายาทดูแลอย่างทั่วถึง แต่คำว่า “พอใจ” ยังไม่ได้ถูกนำมาบัญญัติอยู่ใน พจนานุกรรมชีวิตของเขาผู้นี้

“เป็นนักธุรกิจ เราย่อมต้องการให้ธุรกิจเติบโต  ถ้าพอใจมันก็ไม่โต เราต้องการให้ Vision ต่างๆมันโตมากกว่านี้

จุดอ่อนจริงๆมันอยู่ที่คน ไม่ใช่อยู่ที่เงิน  เงินอันดับ 2 แต่คนเนี่ยสำคัญที่สุด ถ้าเราได้คนดีคนเก่งมาทำงานด้วย บริษัทเราก็รอด สมัยโบราณนะ ต้องมีเงินก่อน เดี๋ยวนี้ไม่ใช่"

Text by อ้อย ป้อมสุวรรณ
กำลังโหลดความคิดเห็น