>>เดี๋ยวนี้ใช้ใครจะมาใช้โทรศัพท์สมาร์ตโฟนธรรมดาคงไม่ได้แล้ว เพราะยุคนี้ต้องสมาร์ตโฟนแบบไฮบริดจ์เท่านั้นถึงจะล้ำเทรนด์ โดยวันนี้จะพาคุณไปอัปเดตก่อนใครถึงกรุงจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซีย กันเลยทีเดียว
มีเวลาแพ็กกระเป๋าเพียงวันเดียว ในการไปเยือนกรุงจาการ์ต้าครั้งนี้ เพราะถึงแม้ออฟฟิศน้ำจะไม่มาเยือน หรือที่บ้านน้ำจะไม่ท่วม แต่การเดินทางก็ค่อนข้างอยู่ในห้วงภวังค์ เพราะไม่รู้ว่ามันจะมาเยือนเมื่อไหร่ แต่ในเมื่อเจ้าภาพ “ซัมซุง” เขาใจถึง (เพราะย้ายการจัดงานจากมหานครกรุงเทพไปที่จาการ์ต้า) เราก็ไม่ปฏิเสธ!!
จะว่าส้มหล่นใส่แดนอีเหนาก็ไม่แปลก เพราะในเมืองไทยเต็มไปด้วยความโกลาหล ผู้จัดอย่างซัมซุงจึงต้องหันไปหาเมืองอื่นๆ จัดงานเปิดตัว “Samsung Galaxy Note” แทน เพื่อให้แคมเปญนี้เกิดขึ้นตามกำหนดที่วางไว้ทั่วโลกแบบโกลบอล หลังจากที่ได้เริ่มเปิดตัวเป็นครั้งแรกในโลกไปแล้วที่ประเทศอังกฤษเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
ผมเดินทางออกจากกรุงเทพฯ ในช่วงเช้า ก่อนที่จะถึงกรุงจาการ์ต้าในช่วงบ่าย โดยใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงกว่า เมื่อเดินทางมาถึงก็เช็ก-อิน เข้าที่พัก ณ โรงแรมมิวเลีย (Hotel Mulia) จาการ์ต้า ซึ่งเป็นโรงแรมระดับห้าดาว มีสิ่งอำนวยความสำดวกครบครัน เหมาะสำหรับนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวผู้มีรสนิยม
จากนั้นในช่วงเย็นได้เดินทางเพื่อไปร่วมงาน “Samsung Galaxy Note World Tour in SEA” ณ โรงแรมริตช์-คาร์ลตัน จาการ์ต้า แปซิฟิก เพลส ซึ่งเป็นสถานที่การจัดแสดงงานและดินเนอร์ในห้องบอลรูมขนาดใหญ่ โดยภายในงานมีทั้งผู้บริหารระดับสูง และระดับปฏิบัติงาน ซัพพลายเออร์ ลูกค้าคนสำคัญ และสื่อมวลชนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เกียรติเข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง
และดูเหมือนผู้คนแดนอิเหนาและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทยเราจะตื่นเต้นกับเจ้ากาแล็กซีตัวใหม่นี้ไม่ใช่น้อย เพราะซัมซุงได้ยกให้ Samsung Galaxy Note เป็น “สมาร์ตโฟนไฮบริดจ์” ที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างสมาร์ตโฟนและแท็ปเลตเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งตอบรับกับกระแสความเฟื่องฟูของสมาร์ตโฟนและแท็ปเลตทั่วโลกขณะนี้
โดยไฮไลต์สำคัญของ “Samsung Galaxy Note” นี้โดดเด่นด้วยหน้าจอ HD Super AMOLED จอแรกและใหญ่ที่สุดของโลกที่มีขนาดถึง 5.3 นิ้ว แถมยังมาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Dual Core 1.4 GHz บนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 2.3 Gingerbread และโดดเด่นด้วยฟีเจอร์สุดคลาสสิคอย่าง S Pen ใช้สำหรับจด ขีดเขียน หรือวาดภาพได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย แม้ต้องเดินทางตลอดเวลา สะดวกสบายกว่าด้วยความสามารถจดจำลายมือ (Handwriting Recognition) ที่จะแปลงเป็นตัวอักษร แทนการพิมพ์ทั่วไปได้
สำหรับฟังก์ชั่นการใช้งานอื่นๆ ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นกล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมออโต้โฟกัส และแอลอีดีแฟลช และกล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซลใช้งานวิดีโอคอล
นอกจากนี้ Samsung Galaxy Note ยังได้พกพาฟีเจอร์ใหม่ๆ มากมายที่ช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่ของคุณใช้สะดวกสบายสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น อาทิ S Memo, S Planner และ S Choiceดังนั้น เจ้า Samsung Galaxy Note เครื่องนี้จึงถือเป็นผลิตภัณฑ์กลุ่มใหม่ล่าสุดในอุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือ ซึ่งซัมซุงเชื่อว่าสมาร์ตโฟนไฮบริดจ์สายพันธุ์ใหม่ล่าสุดนี้จะช่วยทำให้การพกพาอุปกรณ์ 1 เครื่องสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น เพื่อชีวิตที่สะดวกสบายมากขึ้นของคุณ
ที่นำเสนอมาทั้งหมดนี้เป็นเพียงการบอกเล่าและความรู้สึกที่ผมได้ไปสัมผัสมา ส่วนจะตอบสนองความต้องการของคุณมากน้อยเพียงใด และจะไฮเทคโนโลยีอย่างที่ว่าไว้หรือไม่ คุณนั่นแหละที่จะเป็นผู้ให้คำตอบ
>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net