By Lady Manager @Bitchy
เข้าใจค่า ว่าเกิดเป็นหญิงจะมาปล่อยหน้าปล่อยตาให้ทรุดโทรม หลุมสิวตรึมน่ะ ยอมได้ที่ไหน ต้องสรรหาวิธีแต่งเสริมเติมสวยกันอยู่ตลอด ทว่าหากอยากจะสวยชัวร์ สวยยั่งยืน ต้องหมั่นหาข้อมูล และใช้สติพิจารณาให้หนักหน่อย เพราะหากประมาทเลินเล่อ หรือหูเบาเว่อร์เชื่อแต่คำโฆษณา คุณอาจต้องนั่งเสียน้ำตา เพราะผลกระทบที่ตามมามันร้ายแรงอย่างคาดไม่ถึง
เหมือนเจ้านวัตกรรมความงาม ที่บ้านเราแอบฮิตอย่าง เดอร์มาโรลเลอร์ (Derma Roller) หลายคนเป็นต้องคุ้นหูมาบ้าง ไม่เชื่อลองเสิร์ชหาในอากู๋ Google ดูสิ เจอกันให้พรึ่บ! ทั้งสาธิตวิธี, รีวิวการผลการทำ พ่วงท้ายมากับคำโฆษณาที่ว่า ทนเจ็บไม่กี่อึดใจ ก็หน้าใสเด้ง ลดเลือนหลุมสิว ทำหน้าเต่งตึงได้อีกแน่ะ
กิตติศัพท์ล่ำลือที่แพร่สะพัด ว่าช่วยเรื่องความสวย ความงามได้ผลเยี่ยม จนสาวหลายคนเตรียมควักกระเป๋าเทเงินหลักหมื่นซื้อคอร์ส (course) ไปนอนเจ็บตัวให้เขาใช้เข็มแหลมจิ้มจึ๊กลงบนใบหน้า จนแดงก่ำเลือดซิบๆ โดยที่ส่วนใหญ่ไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าความจริงแล้ว เจ้านวัตกรรมนี้มันผิดกฎหมายบ้านเราค่า ทาง อย.(สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) ยังไม่ให้การรับรอง ที่เห็นให้บริการกันดาษดื่นตามคลินิก (clinic) เสริมความงามน่ะ มุบมิบแอบกันทั้งน้าน!
เลดี้บิทชี่แว้บไปร่วมงานแถลงข่าว เรื่องเทคโนโลยีทันสมัยและปลอดภัยในการดูแลปัญหาผิวพรรณ และได้พบกับกูรูหมอผิวหนังตัวพ่อ นายแพทย์จินดา โรจนเมธินทร์ รองผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง ท่านมาเปิดปมขยายความให้เราได้รู้ลึกทุกซอกหลืบของเจ้าเทคโนโลยีเดอร์มาโรลเลอร์ กันแบบไม่มีเม้ม
“เดอร์มาโรลเลอร์คือ ลูกกลิ้งครับ เป็นลูกกลิ้งเล็กๆ แล้วก็มีการติดเข็มแหลมๆ เต็มไปหมด การพัฒนาเดอร์มาโรลเลอร์ เขาอาศัยหลักการที่ว่า เวลาที่ผิวโดนเข็มตำ เมื่อเกิดการบาดเจ็บแล้ว ผิวของเราจะซ่อมแซมตัวเองขึ้นมาได้ เหมือนเราโดนมีดบาด พอบาดปุ๊บ ร่างกายก็จะสมานตัวเอง สร้างคอลลาเจน (Collagen) มาทดแทน เพื่อปิดบาดแผลนั้นๆ จึงมีคนหัวดีพยายามคิดว่า ถ้าเราเอาเข็มมาตำๆ ที่ใบหน้า ทำให้เกิดแผลเยอะๆ ร่างกายก็จะซ่อมแซมตัวเอง ผิวจะซ่อมแซมตัวเอง ทำให้เกิดคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ เขาก็เลยผลิตเจ้าเดอร์มาโลเลอร์นี้ขึ้น เป็นเข็มลูกกลิ้ง กลิ้งไปกลิ้งมาบนใบหน้า เพื่อทำให้เกิดแผลเล็กๆ ขึ้น แล้วก็คาดหวังว่า ผิวหนังจะซ่อมแซมตัวเอง ทำให้ได้ผิวใหม่ที่มีคอลลาเจนเยอะขึ้น
จึงมีการนำเดอร์มาโรลเลอร์ มาใช้รักษาพวกริ้วรอย รักษาแผลเป็นหลุมสิว แต่ต้องเรียนว่า อันนี้มันเป็นความเข้าใจ เป็นทฤษฎีว่าใช้เดอร์มาโรลเลอร์แล้ว จะทำให้เนื้อคอลลาเจนเพิ่มขึ้นได้ แต่ในทางการแพทย์ยังไม่พบว่า มีการศึกษาในเชิงวิทยาศาสตร์ฉบับใดยืนยันว่าการใช้เดอร์มาโรลเลอร์จะสามารถแก้ไขปัญหาทั้งสองนี้ได้”
คุณหมอท่านขยายความต่อ ว่าภัยอันตรายข้อสำคัญของเดอร์มาโรลเลอร์ อยู่ที่การใช้เข็มซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใช้กับสาวนางไหนบ้างก็ม่ายรู้... ผ่านมากี่หน้า โดนมากี่แผล กว่าจะมาถึงหน้าเราละเนี้ย!
“การใช้เดอร์มาโรลเลอร์ มันก็มีปัญหาครับ เนื่องจากมันเป็นเข็มตำ ทำให้เกิดเลือดออก เพราะฉะนั้นเวลาทำ จะต้องทำด้วยความสะอาด ทำด้วยการปราศจากเชื้อ เพราะหากใช้เข็มสกปรก ไม่ทำให้ปราศจากเชื้อ ตำไปมันจะเกิดการติดเชื้อได้
ถ้าใครเคยเห็นเดอร์มาโรลเลอร์ของจริง มันจะเป็นพลาสติกติดเข็มในต่างประเทศ เขาออกแบบมาเพื่อให้ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง แต่บ้านเราด้วยความประหยัด ด้วยความหัวดี ก็ไม่ยอมใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง แต่เป็นการใช้แล้วเอาไปล้าง จะเอาไปนึ่งก็ไม่ได้ เพราะมันเป็นพลาสติก เมื่อโดนความร้อนจะละลาย จะเอาไปทำความสะอาดด้วย ระบบสเตอริไรส์ อบแก๊ส ก็มีแต่เฉพาะในโรงพยาบาลใหญ่ๆ คลินิกก็มักจะไม่มีระบบอย่างนี้ เขาก็เลยต้องใช้วิธีแช่น้ำยาฆ่าเชื้อ ซึ่งเป็นน้ำยาที่บริษัทผู้ขายเขาโฆษณาว่าใช้ได้ แต่ในความจริงไม่สามารถฆ่าเชื้อได้ 100%
ทางคลินิกก็จะเอาเดอร์มาโรลเลอร์ไปแช่น้ำยาแบบนั้น แล้วทำให้แห้ง จากนั้นก็เอามาใช้ใหม่ ซึ่งตรงนี้ เป็นข้อที่ต้องระวังมาก เพราะบางที่เอาไปใช้ข้ามคน น่ากลัวมาก ไม่รู้ติดเอดส์หรือเปล่า แต่ถึงแม้ใช้ในคนๆ เดิมก็ตาม แต่ปัญหาคือ เรามั่นใจมั้ยว่าความสะอาดมันจะได้ 100% ทุกครั้ง อันนี้คือข้อที่ต้องระวัง”
หวั่นว่าจะติดเชื้อจากการใช้ซ้ำยังไม่พอ คุณหมอจินดาบอกถึงความเสี่ยงน่าสยองต่อมาว่าคือการที่หลายสถานบริการมักแนะนำว่า หลังจิ้มเข็มลงหน้าจนเป็นแผลเลือดซึมแล้ว ควรใส่วิตามิน เติมสารนู่นนี่เข้าไป เพราะจะซึมลึกถึงผิวได้ดียิ่งขึ้น ทว่าแท้จริงแล้วมันกลับเป็นการยิ่งเพิ่มความระคายเคืองให้กับผิวต่างหาก
“ปัญหาต่อมาคือ พอกลิ้งเข็มเดอร์มาโรลเลอร์แล้ว บางสถานบริการ มีการแนะนำให้เติมวิตามิน (Vitamin) ทาสารบางอย่าง โดยอ้างว่า เมื่อเวลามีเข็มตำไปแล้วจะเกิดรู สารวิตามินเหล่านี้จะลงไปในผิวได้ดีขึ้น อันนี้ต้องระวังให้มากครับ เพราะผิวเราเป็นเกราะที่ดี แข็งแรงมากที่สุดอยู่แล้ว เมื่อเราไปทำลายเกราะนั้น ทำให้เกิดแผล แล้วยังเอาสารเอาวิตามินอะไรไม่รู้ทาเข้าไปอีก มันอาจจะเกิดอาการแพ้และระคายเคืองเพิ่มขึ้นมาได้
เพราะฉะนั้นหลักๆ ของเดอร์มาโรลเลอร์ ที่ต้องตระหนักคือ หนึ่ง-ประสิทธิภาพของมัน ยังไม่สามารถมั่นใจได้ว่าได้ผลดีแค่ไหน สอง-อาจจะมีผลข้างเคียงบางอย่างเกิดขึ้นได้ เพราะฉะนั้นจึงเป็นที่มาว่า ทางอย.ไม่อนุญาตให้สถานบริการใช้เดอร์มาโรลเลอร์ในการบริการแก่ประชาชน ถ้าใครใช้ ถือว่าฝ่าฝืน หรืออาจจะเป็นการแอบใช้”
โอ้ว! ได้ยินคุณหมอพูดชัดฟันโช๊ะขนาดนี้แล้ว สาวๆ คนไหนยังคิดจะไปทำเจ้าเดอร์มาโรลเลอร์อยู่ล่ะก็ เลดี้บิทชี่ขอกระตุกแรงๆ ให้คิดทบทวนอีกสักทีแล้วกันค่ะ ... ด้วยความปรารถนาดี อยากให้สวยใสกันแบบปลอดภัย ไม่ใช่สวยเสี่ยง สวยสยองโลกกันเยี่ยงนี้
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
เข้าใจค่า ว่าเกิดเป็นหญิงจะมาปล่อยหน้าปล่อยตาให้ทรุดโทรม หลุมสิวตรึมน่ะ ยอมได้ที่ไหน ต้องสรรหาวิธีแต่งเสริมเติมสวยกันอยู่ตลอด ทว่าหากอยากจะสวยชัวร์ สวยยั่งยืน ต้องหมั่นหาข้อมูล และใช้สติพิจารณาให้หนักหน่อย เพราะหากประมาทเลินเล่อ หรือหูเบาเว่อร์เชื่อแต่คำโฆษณา คุณอาจต้องนั่งเสียน้ำตา เพราะผลกระทบที่ตามมามันร้ายแรงอย่างคาดไม่ถึง
เหมือนเจ้านวัตกรรมความงาม ที่บ้านเราแอบฮิตอย่าง เดอร์มาโรลเลอร์ (Derma Roller) หลายคนเป็นต้องคุ้นหูมาบ้าง ไม่เชื่อลองเสิร์ชหาในอากู๋ Google ดูสิ เจอกันให้พรึ่บ! ทั้งสาธิตวิธี, รีวิวการผลการทำ พ่วงท้ายมากับคำโฆษณาที่ว่า ทนเจ็บไม่กี่อึดใจ ก็หน้าใสเด้ง ลดเลือนหลุมสิว ทำหน้าเต่งตึงได้อีกแน่ะ
กิตติศัพท์ล่ำลือที่แพร่สะพัด ว่าช่วยเรื่องความสวย ความงามได้ผลเยี่ยม จนสาวหลายคนเตรียมควักกระเป๋าเทเงินหลักหมื่นซื้อคอร์ส (course) ไปนอนเจ็บตัวให้เขาใช้เข็มแหลมจิ้มจึ๊กลงบนใบหน้า จนแดงก่ำเลือดซิบๆ โดยที่ส่วนใหญ่ไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าความจริงแล้ว เจ้านวัตกรรมนี้มันผิดกฎหมายบ้านเราค่า ทาง อย.(สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) ยังไม่ให้การรับรอง ที่เห็นให้บริการกันดาษดื่นตามคลินิก (clinic) เสริมความงามน่ะ มุบมิบแอบกันทั้งน้าน!
เลดี้บิทชี่แว้บไปร่วมงานแถลงข่าว เรื่องเทคโนโลยีทันสมัยและปลอดภัยในการดูแลปัญหาผิวพรรณ และได้พบกับกูรูหมอผิวหนังตัวพ่อ นายแพทย์จินดา โรจนเมธินทร์ รองผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง ท่านมาเปิดปมขยายความให้เราได้รู้ลึกทุกซอกหลืบของเจ้าเทคโนโลยีเดอร์มาโรลเลอร์ กันแบบไม่มีเม้ม
“เดอร์มาโรลเลอร์คือ ลูกกลิ้งครับ เป็นลูกกลิ้งเล็กๆ แล้วก็มีการติดเข็มแหลมๆ เต็มไปหมด การพัฒนาเดอร์มาโรลเลอร์ เขาอาศัยหลักการที่ว่า เวลาที่ผิวโดนเข็มตำ เมื่อเกิดการบาดเจ็บแล้ว ผิวของเราจะซ่อมแซมตัวเองขึ้นมาได้ เหมือนเราโดนมีดบาด พอบาดปุ๊บ ร่างกายก็จะสมานตัวเอง สร้างคอลลาเจน (Collagen) มาทดแทน เพื่อปิดบาดแผลนั้นๆ จึงมีคนหัวดีพยายามคิดว่า ถ้าเราเอาเข็มมาตำๆ ที่ใบหน้า ทำให้เกิดแผลเยอะๆ ร่างกายก็จะซ่อมแซมตัวเอง ผิวจะซ่อมแซมตัวเอง ทำให้เกิดคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ เขาก็เลยผลิตเจ้าเดอร์มาโลเลอร์นี้ขึ้น เป็นเข็มลูกกลิ้ง กลิ้งไปกลิ้งมาบนใบหน้า เพื่อทำให้เกิดแผลเล็กๆ ขึ้น แล้วก็คาดหวังว่า ผิวหนังจะซ่อมแซมตัวเอง ทำให้ได้ผิวใหม่ที่มีคอลลาเจนเยอะขึ้น
จึงมีการนำเดอร์มาโรลเลอร์ มาใช้รักษาพวกริ้วรอย รักษาแผลเป็นหลุมสิว แต่ต้องเรียนว่า อันนี้มันเป็นความเข้าใจ เป็นทฤษฎีว่าใช้เดอร์มาโรลเลอร์แล้ว จะทำให้เนื้อคอลลาเจนเพิ่มขึ้นได้ แต่ในทางการแพทย์ยังไม่พบว่า มีการศึกษาในเชิงวิทยาศาสตร์ฉบับใดยืนยันว่าการใช้เดอร์มาโรลเลอร์จะสามารถแก้ไขปัญหาทั้งสองนี้ได้”
คุณหมอท่านขยายความต่อ ว่าภัยอันตรายข้อสำคัญของเดอร์มาโรลเลอร์ อยู่ที่การใช้เข็มซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใช้กับสาวนางไหนบ้างก็ม่ายรู้... ผ่านมากี่หน้า โดนมากี่แผล กว่าจะมาถึงหน้าเราละเนี้ย!
“การใช้เดอร์มาโรลเลอร์ มันก็มีปัญหาครับ เนื่องจากมันเป็นเข็มตำ ทำให้เกิดเลือดออก เพราะฉะนั้นเวลาทำ จะต้องทำด้วยความสะอาด ทำด้วยการปราศจากเชื้อ เพราะหากใช้เข็มสกปรก ไม่ทำให้ปราศจากเชื้อ ตำไปมันจะเกิดการติดเชื้อได้
ถ้าใครเคยเห็นเดอร์มาโรลเลอร์ของจริง มันจะเป็นพลาสติกติดเข็มในต่างประเทศ เขาออกแบบมาเพื่อให้ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง แต่บ้านเราด้วยความประหยัด ด้วยความหัวดี ก็ไม่ยอมใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง แต่เป็นการใช้แล้วเอาไปล้าง จะเอาไปนึ่งก็ไม่ได้ เพราะมันเป็นพลาสติก เมื่อโดนความร้อนจะละลาย จะเอาไปทำความสะอาดด้วย ระบบสเตอริไรส์ อบแก๊ส ก็มีแต่เฉพาะในโรงพยาบาลใหญ่ๆ คลินิกก็มักจะไม่มีระบบอย่างนี้ เขาก็เลยต้องใช้วิธีแช่น้ำยาฆ่าเชื้อ ซึ่งเป็นน้ำยาที่บริษัทผู้ขายเขาโฆษณาว่าใช้ได้ แต่ในความจริงไม่สามารถฆ่าเชื้อได้ 100%
ทางคลินิกก็จะเอาเดอร์มาโรลเลอร์ไปแช่น้ำยาแบบนั้น แล้วทำให้แห้ง จากนั้นก็เอามาใช้ใหม่ ซึ่งตรงนี้ เป็นข้อที่ต้องระวังมาก เพราะบางที่เอาไปใช้ข้ามคน น่ากลัวมาก ไม่รู้ติดเอดส์หรือเปล่า แต่ถึงแม้ใช้ในคนๆ เดิมก็ตาม แต่ปัญหาคือ เรามั่นใจมั้ยว่าความสะอาดมันจะได้ 100% ทุกครั้ง อันนี้คือข้อที่ต้องระวัง”
หวั่นว่าจะติดเชื้อจากการใช้ซ้ำยังไม่พอ คุณหมอจินดาบอกถึงความเสี่ยงน่าสยองต่อมาว่าคือการที่หลายสถานบริการมักแนะนำว่า หลังจิ้มเข็มลงหน้าจนเป็นแผลเลือดซึมแล้ว ควรใส่วิตามิน เติมสารนู่นนี่เข้าไป เพราะจะซึมลึกถึงผิวได้ดียิ่งขึ้น ทว่าแท้จริงแล้วมันกลับเป็นการยิ่งเพิ่มความระคายเคืองให้กับผิวต่างหาก
“ปัญหาต่อมาคือ พอกลิ้งเข็มเดอร์มาโรลเลอร์แล้ว บางสถานบริการ มีการแนะนำให้เติมวิตามิน (Vitamin) ทาสารบางอย่าง โดยอ้างว่า เมื่อเวลามีเข็มตำไปแล้วจะเกิดรู สารวิตามินเหล่านี้จะลงไปในผิวได้ดีขึ้น อันนี้ต้องระวังให้มากครับ เพราะผิวเราเป็นเกราะที่ดี แข็งแรงมากที่สุดอยู่แล้ว เมื่อเราไปทำลายเกราะนั้น ทำให้เกิดแผล แล้วยังเอาสารเอาวิตามินอะไรไม่รู้ทาเข้าไปอีก มันอาจจะเกิดอาการแพ้และระคายเคืองเพิ่มขึ้นมาได้
เพราะฉะนั้นหลักๆ ของเดอร์มาโรลเลอร์ ที่ต้องตระหนักคือ หนึ่ง-ประสิทธิภาพของมัน ยังไม่สามารถมั่นใจได้ว่าได้ผลดีแค่ไหน สอง-อาจจะมีผลข้างเคียงบางอย่างเกิดขึ้นได้ เพราะฉะนั้นจึงเป็นที่มาว่า ทางอย.ไม่อนุญาตให้สถานบริการใช้เดอร์มาโรลเลอร์ในการบริการแก่ประชาชน ถ้าใครใช้ ถือว่าฝ่าฝืน หรืออาจจะเป็นการแอบใช้”
โอ้ว! ได้ยินคุณหมอพูดชัดฟันโช๊ะขนาดนี้แล้ว สาวๆ คนไหนยังคิดจะไปทำเจ้าเดอร์มาโรลเลอร์อยู่ล่ะก็ เลดี้บิทชี่ขอกระตุกแรงๆ ให้คิดทบทวนอีกสักทีแล้วกันค่ะ ... ด้วยความปรารถนาดี อยากให้สวยใสกันแบบปลอดภัย ไม่ใช่สวยเสี่ยง สวยสยองโลกกันเยี่ยงนี้
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net