>> แวบแรกที่เห็นหนุ่มหน้ามนของเราครั้งนี้ เกือบไม่เชื่อว่าเขาคือผู้บริหารของ บริษัท ครีเอทิส มีเดีย จำกัด บริษัทลูกในเครือ ทีวีธันเดอร์ บริษัทรายการผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ชื่อดัง เพราะรูปลักษณ์ภายนอกของ “ณฐกฤต วรรณภิญโญ” ดูราวกับเด็กมหาวิทยาลัยคนหนึ่ง แต่เมื่อได้พูดคุยกับเขา ทัศนคติและวิสัยทัศน์ในการทำงานกลับไม่ได้เด็กอย่างภาพลักษณ์ที่เราเห็นเลย
ณฐกฤต เพิ่งก้าวมารับตำแหน่งนี้และกำลังจะมีรายการแรกภายใต้การดูแลของเขาออกสู่สายตาประชาชน อีกไม่นานบ้านเราจะได้รับชมรายการเรียลลิตี้ในรูปแบบใหม่ ซึ่งซื้อลิขสิทธิ์มาจากต่างประเทศ “Take Me Out Thailand” เป็นรายการเกมโชว์สำหรับคนโสด ทั้งหญิงและชายจะได้มีโอกาสเข้ามาร่วมรายการ
แน่นอนว่ารายการประเภทนี้ล่อแหลมต่อสังคม-วัฒนธรรมในประเทศไทย และย่อมมีคนต่อต้าน ซึ่งเขายอมรับตรงจุดนี้ “ผมเชื่อว่ามี และผมอยากให้มีอยู่แล้ว เราจะได้รู้ว่าเขามีความคิดเห็นอย่างไร สิ่งที่คาดไว้ก่อนคือ คนจะคิดว่ารายการนี้จะให้ผู้หญิงกับผู้ชายมาหาคู่ แต่จริงๆ ไม่ใช่ มันเป็นเรื่องของทัศนคติ เช่น ผู้ชายอาจจะคิดว่าผู้หญิงแบบนี้จะชอบผู้ชายแบบนี้ ซึ่งจริงๆ อาจจะไม่ใช่ก็ได้ ผมไม่อยากให้มองในมุมของ Sexual Relation นะ มันเป็นแค่เกมโชว์ ซึ่งเราก็ต้องปรับให้เข้ากับสังคมไทย”
รายการประเภทนี้เป็นรายการแรกในประเทศไทย และรายการแรกในความดูแลของณฐกฤต เขายอมรับว่ากดดันและท้าทายมากมาก “มันไม่ใช่เป็นรายการที่เอาตลกมาเล่น หรือเอาศิลปินดารามาออก ซึ่งเป็นเรื่องที่คนดูยอมรับอยู่แล้ว แต่รายการนี้มันคือการเอาคนธรรมดามายืนบนเวที คนธรรมดาไม่มีทางคุ้นเคยกับการเอากล้องทีวีไปจ่อหน้า สิ่งที่ยากคือ จะทำให้ยังให้คนพวกนี้อยู่บนจอทีวีได้ ต้องให้เขากล้าแสดงออกและพูดอย่างที่รู้สึกจริงๆ
ทีมของเราอย่างเดียวทำให้เกิดรายการนี้ไม่ได้ เราต้องมีหุ้นส่วนเยอะมาก งานนี้เราต้องพูดคุยกับคนหลายๆ ฝ่าย และทำให้เขาเชื่อว่ารายการนี้มันได้จริง หลายๆ คนก็ถามว่ารายการนี้มันจะรอดหรือ? ผมจึงยืนยันว่ามันเป็นแค่สิ่งที่คนไทยไม่เคยเห็น ไม่ได้แปลว่าไม่ได้ จนถึงตอนนี้ก็ยังมีหลายคนที่คิดว่ามันจะไปไม่รอดอยู่นะ ดีไซเนอร์ที่ออกแบบเวทีให้ผม ยังเชื่อว่าจะไปไม่รอดอยู่เลย (หัวเราะ)“
ถึงแม้หนุ่มคนนี้จะไม่ได้ร่ำเรียนด้านนิเทศศาสตร์โดยตรง แต่ทางสายเลือดแล้วเขาคือทายาทรุ่นที่ 2 ของ ทีวีธันเดอร์ แน่นอนว่าคงหนีไม่พ้นที่จะสืบทอดทางธุรกิจ แต่เราได้รู้ความจริงว่า เขาเพิ่งจะสนใจงานด้านโทรทัศน์เมื่อไม่นานมานี้เอง “ตอนแรกยังไม่เคยมองงานบันเทิง เพราะว่าเรียนจบด้านบริหารธุรกิจล้วนๆ เมื่อก่อนก็อยากเป็นเจ้าของธุรกิจ แต่สุดท้ายก็จับพลัดจับผลูมาลงล็อกเดิมคือธุรกิจของที่บ้าน พอได้ลองทำผมว่ามันมีเสน่ห์ อีกอย่างผมก็โดนหล่อหลอมจากคุณพ่อมาตั้งแต่เด็กๆ”
นอกจากงานเบื้องหลังรายการทีวี ที่ซึมซับมาตั้งแต่วัยเด็ก เรื่องดนตรีก็เป็นอีกมุมหนึ่งของชายหนุ่มคนที่เขาบอกว่า คือปัจจัยที่ 5 ในชีวิต “ถ้ามีเวลาว่างผมชอบฟังเพลงมาก ไม่ว่าจะไปไหนก็ต้องมีเพลงฟังตลอด ซึ่งส่วนหนึ่งที่ชอบเล่นดนตรีก็มาจากคุณพ่อ เมื่อก่อนคุณพ่อเคยเป็นดีเจมาก่อนครับ แต่ผมเริ่มเรียนดนตรีตั้งแต่ม.6 และเล่นจริงๆ ตอนเรียนมหาวิทยาลัย เคยรวมกลุ่มกับเพื่อนสนิทฟอร์มวงดนตรี โดยผมเป็นมือกลอง และเล่นดนตรีภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตอนเรียนปี 3 และปี 4 เล่นกันจริงจังทีเดียว ถึงขนาดเป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยไปประกวดกับมหาวิทยาลัยอื่นด้วยครับ”
แม้จะไปได้สวยกับการเป็นนักดนตรี ซึ่งเป็นอาชีพในฝันของวัยรุ่นยุคนี้ แต่หลังจากเรียบจบมหาวิทยาลัย ณฐกฤตกลับเลือกที่จะไปเรียนต่อทางด้านธุรกิจที่เขาอยากยึดเป็นอาชีพมากกว่า ส่วนเรื่องดนตรีทุกวันนี้เขายังเล่นเป็นงานอดิเรก พร้อมทั้งติดตามข่าวสารเรื่องดนตรีไปด้วย เพราะอีกความฝันหนึ่งของเขาก็คือ การเป็นเจ้าของธุรกิจค่ายเพลง “สำหรับผมไม่ได้เป็นคนที่ไล่ล่าตามฝัน โดยที่ไม่มองว่าถ้าทำแล้วจะออกมาอย่างไร ค่ายเพลงก็เป็นธุรกิจอย่างหนึ่ง ผมคิดตลอดว่าเราจะทำค่ายดนตรีอย่างไรให้อยู่ได้ รักษาอย่างไร ดูแลอย่างไร แต่ทำแล้วก็ต้องเป็นธุรกิจ ต้องมีรายได้ มีกำไร”
มุมมองแบบนักธุรกิจเต็มตัวของทายาททีวีธันเดอร์คนนี้ คงจะช่วยการันตีความสำเร็จให้งานที่เขากำลังรับผิดชอบอยู่ได้อย่างไม่ยากเย็น อย่างแน่นอน :: Text by FLASH mag.
Fact File
ชื่อเล่น :: จ็อบ
อายุ :: 28 ปี
การศึกษา ::
:: มัธยมศึกษา โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
:: ปริญญาตรี คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
:: ปริญญาโท สาขา Enterprise Management for Creative Arts, London College of Communication ประเทศอังกฤษ
คุณรู้หรือไม่?
:: เขาเกือบได้เป็นศิลปินในสังกัดค่ายเพลงยักษ์ใหญ่มาแล้ว
:: เขาเป็นคนขี้ลืมมาก ถึงขนาดต้องจดใส่กระดาษว่าแต่ละวันต้องทำอะไรบ้าง
>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
