เพราะการซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมซักใบ ต้องใช้งบฯ ไม่น้อย การเช่ากระเป๋าแบรนด์เนม จึงกลายเป็นเทรนด์ฮิตของสาวรสนิยมสูงโดยเฉพาะกับเหล่าแฟชั่นนิสต้าในต่างประเทศไปเสียแล้ว สำหรับเมืองไทย แม้ธุรกิจนี้จะไม่บูมเท่าต่างประเทศ แต่หลังจากได้ฟัง หลี-ชดาษา พนมยันต์ สาวแฟชั่นติดหนึบกระเป๋าแบรนด์เนม ผู้บุกเบิกธุรกิจเช่ากระเป๋าผ่านเว็บไซต์ www.siamborrowbag.com รายแรกของเมืองไทย ก็ทำให้รู้ว่า สาวไทยก็อยากอินเทรนด์แบบเซฟๆ เช่นกัน
“หลีทำธุรกิจนี้เมื่อสองปีที่แล้วค่ะ เริ่มต้นจากเราชอบใช้กระเป๋าแบรนด์เนมอยู่แล้ว จะใช้วิธีซื้อมาขายไปตลอดแต่บางทีก็เสียดายค่ะ พอมีเยอะเข้า (ประมาณ 10 ใบ) ก็เริ่มคิดว่า เราน่าจะแบ่งให้คนอื่นใช้บ้าง จึงเริ่มคิดหาวิธีเปิดให้เช่าผ่านเว็บไซต์ และให้ลูกค้าชำระค่าเช่าพร้อมกับเซ็ตระบบกันวงเงินผ่านบัตรเครดิต เหมือนกับการจองโรงแรมผ่านเว็บไซต์ โดยเปิดให้เช่าแบบ 2 อาทิตย์และ 1 เดือน ราคาเช่าก็ขึ้นอยู่กับรุ่นของกระเป๋ามีตั้งแต่หลักร้อยถึง 8,000 ค่ะ ซึ่งตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจก็ไปได้ดีค่ะ”
เริ่มต้นจากกระเป๋า 40 กว่าใบ จนตอนนี้เจ้าของกระเป๋าแทบไม่กล้านับ แต่มีมูลค่าทั้งหมดกว่า 2 ล้านบาทแล้ว “เราต้องคอยอัปเดตกระเป๋าใหม่ๆ ตลอด ตอนแรกหลีก็ลองผิดลองถูก ซื้อกระเป๋าที่ตัวเองชอบ แต่เมื่อเริ่มฟีดแบกจากลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพนักงานออฟฟิศ แม่บ้าน และนักศึกษา ซึ่งมีสไตล์และความชอบที่แตกต่างกัน เราจึงรู้ว่า กระเป๋าในแบบที่เราชอบกลับไม่เป็นที่ชื่นชอบของคนอื่น ก็เอากลับไปขายต่อเยอะเหมือนกันค่ะ”
เจ้าของร้านจะซื้อกระเป๋ามือสองสภาพดีเสียส่วนใหญ่ หรือถ้ารุ่นใหม่ๆ ที่ยังไม่มีขายในตลาดมือสองก็จะฝากเพื่อนซื้อเข้ามาจากต่างประเทศ โดยจะอัปเดตเทรนด์จากลูกค้า “ลูกค้านี่แหละค่ะ คือผู้ที่นำเทรนด์ให้เราจริงๆ ตอนนี้ที่สาวไทยฮิตๆ กันจะเป็นกระเป๋า Celine Mini, Chloe Paraty, Lady Dior หรือแม้แต่ Hermes โดยเฉพาะรุ่น Kelly หรือเวลานางเอกละครยอดนิยมถือ อย่างล่าสุด กระเป๋าถือที่สาวเรยาใช้ ก็ฮิตกันมาก ลูกค้าก็จะถามว่ามีรุ่นนี้หรือยัง ซึ่งหากรุ่นใหม่จริงๆ เราก็ต้องลงทุนซื้อใบใหม่แกะกล่องเลยค่ะ”
ขั้นตอนการเช่าก็ไม่ได้ยาก เพียงเข้าไปเลือกกระเป๋าใบโปรดในเว็บไซต์ แจ้งที่อยู่ แมสเซนเจอร์ก็จะส่งของให้ถึงมือในวันรุ่งขึ้น สิ่งที่ผู้เช่าต้องเตรียมคือสำเนาบัตรประชาชนและบัตรเครดิต ซึ่งต้องมีวงเงินที่สามารถให้เจ้าของร้านกันวงเงินไว้ได้ประมาณมูลค่าของกระเป๋า โดยแมสเซนเจอร์จะนำเครื่องรูดการ์ดไปให้ผู้เช่าชำระค่าเช่าถึงที่ และเมื่อถึงเวลาคืนแมสเซนเจอร์ก็จะรับคืนถึงที่เช่นกัน แต่หากผู้เช่าอยู่ต่างจังหวัด ต้องจัดส่งกระเป๋าทางไปรษณีย์ และผู้เช่าต้องโอนเงินทั้งค่าเช่าและค่าประกันกระเป๋าให้แก่เจ้าของร้าน
“ถามว่าเสี่ยงไหม มันก็เสี่ยงในระดับหนึ่ง แต่หลีมั่นใจกับระบบกันวงเงินค่ะ เงินอยู่ที่เราส่วนกระเป๋าก็อยู่กับเขา ที่ผ่านมายังไม่เคยเกิดปัญหา นอกจากลูกค้าจะทำสินค้าเสียหายก็ชดใช้กันไปค่ะ”
เพราะต้องคลุกคลีกับกระเป๋าแบรนด์เนม เจ้าของร้านจึงขอแนะนำวิธีดูกระเป๋าของแท้ของเทียมดูจากตรงไหน “ส่วนใหญ่กระเป๋าแต่ละแบรนด์จะมี Serial Number และ Hologram Sticker ซึ่งจะมีความชัดเจน ตัวเลข ตัวอักษรจะมีความเป็นเอกลักษณ์ มีฟร้อนไทป์ชัดเจน อย่างตัวโอ ก็ต้องกลมจริงๆ ไม่รีหรือเรียว นอกจากนั้นก็ดูได้จากรอยเย็บ หมุด ตัวล็อค ซิป ซึ่งผู้ที่จะซื้อกระเป๋ามือสองควรศึกษาให้ละเอียด ที่สำคัญควรซื้อจากร้านที่ไว้ใจได้ค่ะ”
“ธุรกิจนี้ถ้าไม่รักจริงคงทำไม่ได้ค่ะ เพราะกระเป๋าใบหนึ่งเวียนใช้ได้มากสุดประมาณปีครึ่ง หลังจากนั้นก็ต้องเปลี่ยนใบใหม่ และกระเป๋าแต่ละใบก็หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสน หลายคนสามารถนำเงินทุนกว่า 2 ล้านไปทำธุรกิจอื่นคงดีกว่า แต่สำหรับหลีแล้ว ส่วนตัวชอบกระเป๋าด้วย ก็มีความสุขที่ได้ทำมันค่ะ” เจ้าของร้านปิดท้าย
>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net