หากย้อนไปเมื่อ 40 ปีที่แล้ว เมื่อเอ่ยถึงละครเวทีของภาควิชาศิลปการละคร โดยมี อ.สดใส พันธุมโกมล เป็นผู้บุกเบิกนั้น เชื่อแน่ว่า ผู้ที่ชื่นชอบศิลปะแขนงนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก นอกจากฝีมืออันฉกาจฉกรรจ์ของอาจารย์ จะเรียกคนดูได้แน่นโรงแล้ว นักแสดงแต่ละคนก็ล้วนแล้วแต่เป็นสาวสวย ลูกดนดัง นามสกุลใหญ่ ที่มาช่วยสร้างสีสันให้กับละครเวทีแห่งนี้เด่นดังยิ่งขึ้น
ในวาระครบรอบ 40 ปี ภาควิชาการละคร คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นับเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่บรรดาศิษย์เก่าของภาควิชานี้ จะหวนคืนเวที เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการแสดงละครอมตะของ วิลเลียม เช็คสเปียร์ เรื่อง แมคเบธ ซึ่งถูกสร้างขึ้นอีกครั้ง เพื่อร่วมฉลองการเปิดโรงละครแห่งใหม่ ที่ตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ก่อตั้งภาควิชาว่า ศูนย์ศิลปะการละครสดใส พันธุมโกมล บรมครูด้านละครเวที ผู้มีคุณูปการอย่างมากในการริเริ่ม ก่อตั้ง และถ่ายทอดศาสตร์และศิลปะสาขานี้ไว้ให้คงอยู่คู่สังคมไทย
แมคเบธ เวอร์ชันใหม่นี้ คับคั่งด้วยอดีตดาวเด่นของภาควิชาการละคร อาทิ อ.ดังกมล ณ ป้อมเพชร,เยาวเรศ (คชลักษณ์)อารีย์มิตร,ณัฐ ประกอบสันติสุข,สมพล ชัยศิริโรจน์,พิศาล พัฒนาพีระเดช,ยิ่งยศ ปัญญา ฯลฯ ที่โคจรมาพบกันเป็นครั้งประวัติศาสตร์ หลังจากที่แต่ละคนออกไปสร้างชื่อเสียงในหลากหลายแวดวง เมื่อถึงคราวมีโอกาสตอบแทนภาควิชา และครูใหญ่ที่นิสิตทุกคนเคารพรัก เพียงแค่ ครูนพ-รศ.นพมาศ แววหงส์ ศิษย์เอกของ อ.สดใส ในฐานะผู้สร้างบทภาษาไทยและกำกับละคร ยกหูโทร.หา ก็แทบไม่มีใครเอ่ยปฏิเสธ และต่างตื่นเต้นดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของละครเวทีครั้งนี้
จากเดิมที่บทละครเน้นหนักไปที่ฝ่ายชาย เพราะเป็นเรื่องราวของนักรบผู้ทะเยอทะยานแห่งสก็อตแลนด์ มีตัวประกอบต่างๆ และแม่มดสามพี่น้องเท่านั้น แต่เมื่อบรรดานิสิตเก่าอย่าง นีรนุช ปัทมสูต,จำนรรค์ ศิริตัน หนุนภักดี,อัจฉราพรรณ ไพบูลย์สุวรรณ,รศ.อรชุมา(สูตะบุตร)ยุทธวงศ์,ม.ร.ว.อุษณิษา สุขสวัสดิ์,ผศ.นลินี สีตะสุวรรณ,เกียรติสุดา ภิรมย์,ผศ.อนุรัชนี จาตุศรีพิทักษ์,ทิพย์ธิดา ศรัทธาทิพย์,ละลิตา ฉันทศาสตร์โกมล ฯลฯ ตอบตกลงรับเล่นอย่างไม่รั้งรอ ขอเป็นต้นไม้หรือก้อนหินก็ยอม ทำให้บทแม่มดของแมคเบธเวอร์ชันนี้ จึงต้องเพิ่มจำนวนกลายเป็นฝูงแม่มด 13 ชีวิต บรรยากาศในวันซ้อมบทก็ราวกับเป็นวันเเลี้ยงรุ่นครั้งใหญ่ พี่เจอน้อง น้องเจอพี่ นักแสดงกิตติมศักดิ์เหล่านี้ต่างก็งัดเทคนิคและประสบการณ์ส่วนตัวออกมาใช้กันเต็มที่
“ต่อให้คุณจะเก่ง หรือบิ๊กมาจากที่อื่น แต่พอมารวมกัน เพื่อเล่นแมคเบธเวอร์ชันนี้ โดนจับออดิชั่นหมดค่ะ”
ม.ร.ว.อุษณิษา หรือ “พี่หญิงณิ” สาวสังคมคนเก่ง เล่าว่า ประทับใจบทละครเรื่องนี้มาก เพราะเป็นบทละครเรื่องแรกที่ อ.สดใสเป็นผู้สอน สอนสนุกเหมือนเล่นละครให้ดูกันสดๆ จนเธอเองตกหลุมรักขึ้นมาทันที และตั้งใจไว้ว่าจะต้องเรียนศิลปะการละครเป็นวิชาโทให้ได้ และในที่สุดก็ได้เล่นละครเวทีสมใจในฐานะนักแสดง
“ตอนอยู่ปี 1 เล่นเรื่อง เกิดเป็นตัวละคร รับบทเป็นเด็กในละคร ไม่ต้องแสดงอะไรมากค่ะ และเมื่อเรียนจบไปแล้ว ก็ยังได้กลับมาเล่นให้คณะอีก ในเรื่อง พรายน้ำ คราวนี้ได้เล่นเป็นตัวเด่น เสน่ห์ของละครเวที อยู่ที่การได้สื่อสารกับผู้ชมโดยตรง เป็นอารมณ์ต่อเนื่องตั้งแต่ต้นจนจบ สด และไม่เหมือนกันสักรอบเดียว สำหรับละครอักษรฯ คิดว่าเสน่ห์อยู่ตรงที่ ทุกคนได้เรียนรู้ทฤษฎีของต้นฉบับ เรียนรู้การแสดงที่ถูกต้อง แม้ปัจจุบันความนิยมในบทละครจะมีมากขึ้นทั้งในทีวีและหนัง ซึ่งส่วนใหญ่เน้นเรื่องตลก แต่สำหรับละครอักษรฯ จะค่อนข้างซีเรียส คนที่อยากเข้ามาสัมผัสก็จะได้เรียนรู้ และได้อะไรกลับไปมากกว่าความบันเทิง”
ด้าน ผศ.อนุรัชนี จาตุศรีพิทักษ์ อดีตนิสิตอักษรศาสตร์ และอดีตอาจารย์ภาควิชาภาษาอังกฤษ ของคณะเดียวกัน ผู้เคยรับบทเป็นนางระบำคู่กับ ผุสชา โทณวณิก ในละครของภาควิชาเรื่อง กันตัน ซึ่งเป็นละครโนห์แบบญี่ปุ่น ก็รู้สึกภูมิใจและดีใจมากที่ได้เป็นหนึ่งในคณะแม่มดกิตติมศักดิ์ของ แมคเบธ เช่นกัน หลังจากที่หลายสิบปีก่อน เวทีละครอักษรฯ เคยสร้างชื่อให้อาจารย์เป็นที่รู้จักในหมู่นิสิตจุฬาฯ ที่ชื่นชอบละครเวที
“คนอื่นรู้จักเราก็ไม่สำคัญเท่ากับที่เวทีครั้งนั้น ทำให้เราได้รู้จักตัวเองว่ามีศักยภาพอะไร มีจุดอ่อน จุดแข็งตรงไหน และต้องขอบคุณครูอาจารย์ที่เปิดโอกาสให้ลูกศิษย์ตัวเล็กๆ ได้ทดลองเล่น และได้พบว่ามีความรักในละครเวที รักในศิลปะแขนงนี้และอยากต่อยอด เราเรียนเอกอังกฤษ โทการละคร แต่กลับเรียนการละครมากพอๆ กับการเรียนวิชาเอก”
ทันทีที่ถูกทาบทาม ลูกศิษย์ของครูใหญ่คนนี้บอกได้คำเดียวว่า ถือเป็นเกียรติสูงสุดที่ได้กลับมาเล่นละครเวทีอักษรฯ ยิ่งได้ทราบว่ามีบทแม่มดมากกว่า 3 คน ซึ่งเป็นการรวมหมู่ศิษย์เก่าดาวเด่นของภาควิชาด้วย อาจารย์ก็ยิ่งรู้สึกดีใจ และชื่นใจทุกครั้งที่ได้มาซ้อมบท
“พออาจารย์โทร.มาถามว่าสนใจจะเล่นมั้ย ตอบแบบไม่ต้องคิดว่า “เล่นค่ะ” จนถูกแซวว่า แหม! อนุรัชนี เธอไม่ไว้ท่าเลยนะ คนอื่นเขาขอดูก่อน แต่พอโทร.หาเราปุ๊บ ตกลงปั๊บ และเป็นความสุขทุกครั้งที่มาซ้อมบท ได้ลืมภาระหน้าที่ในชีวิตจริง แล้วเข้ามาอยู่ในโลกของเวทมนตร์”
นับว่าละครเวทีให้อะไรหลายอย่างมากกว่าความบันเทิง หรือเป็นเพียงความชอบส่วนตัว อ.อนุรัชนี กล่าวว่า ละครเวทีทำให้ได้เรียนรู้ สอนให้เข้าใจมนุษย์มากขึ้น ทำให้รู้ว่าคนเราไม่ใช่มีแค่ ขาวกับดำ แต่มีความกลม ซึ่งความกลมนี้ก็มีหลายภาค ที่ต้องพยายามทำความเข้าใจให้ได้ และเมื่อเข้าใจมากขึ้น ก็นำมาปรับใช้กับคนรอบข้างและใช้กับตัวเอง
แทบไม่น่าเชื่อ 30 ปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในความรู้สึกของ อ.อนุรัชนี ถึงจะผ่านไปนานสักเท่าใด แต่ครูใหญ่ไม่เคยลืมลูกศิษย์ อาจารย์ขอยกย่องให้อาจารย์สดใสเป็นยอดครู หากไม่มีอาจารย์ภาควิชาศิลปะการละคร ที่ผลิตบุคลากรคุณภาพคงไม่เกิดขึ้น และไม่ถูกวางรากฐานมาอย่างยาวนานจนถึงวันนี้
ใกล้ถึงวันที่ศูนย์ศิลปะการละครแห่งใหม่ ซึ่งตั้งชื่อไว้เพื่อให้เกียรติสูงสุดแก่ผู้ก่อตั้งภาควิชา จะเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการแล้ว ในฐานะศิษย์เก่าที่รักครูใหญ่อย่างยิ่ง อ.อนุรัชนี ทิ้งท้ายว่า ภาควิชาการละครไม่เคยจัดละครฟอร์มยักษ์ขนาดนี้มาก่อน และอยากให้ศิษย์เก่าของภาควิชา ได้กลับมาเยี่ยมเยียนคณะ ร่วมกันเป็นกำลังสำคัญให้ศูนย์ศิลปะแห่งนี้ ก้าวไปเป็นเสาหลักด้านการศึกษา วิจัย สร้างสรรค์และนำเสนอผลงานศิลปะการละครร่วมสมัยในระดับนานาชาติต่อไป
สำหรับการแสดงละคร “แมคเบธ” จะจัดแสดงตั้งแต่วันที่ 2-19 มิ.ย.นี้ ณ โรงละครศูนย์ศิลปะการละครสดใส พันธุมโกมล ชั้น 6 อาคารมหาจักรีสิรินธร คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ วันธรรมดารอบเดียวเวลา 19.30 น. วันเสาร์ 2 รอบ เวลา 14.00 น. และ 19.30 น. ส่วนวันอาทิตย์รอบเดียวเวลา 14.00 น. บัตรราคา 800 และ 300 บาท เริ่มจองบัตรได้แล้วที่ www.bananabooking.com สอบถาม โทร. 0-2218-4802 หรือ 08-1559-7252
>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
