xs
xsm
sm
md
lg

เสด็จพระองค์ชายใหญ่...ในลมหายใจ 'หม่อมไฉไล ยุคล'

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
     อโศกอินเดียที่ห้อยระย้าทอดตัวเหนือผืนแม่น้ำท่าจีน ชวนให้เธอนึกถึงไผ่เผือก ตะแบกสีขาวและอีกสารพัดพันธุ์ไม้งามหายากอื่นๆ ที่เขา...ชายผู้เป็นที่รักยิ่ง ทะนุถนอมไว้ราวดวงใจ ก่อนมอบหมายให้เธอคอยดูแลรดน้ำด้วยความอ่อนโยนและเอาใจใส่ มีบ้างบางชนิด เธอนำมาเพาะพันธุ์ไว้ ณ คุ้มของเธอที่นครชัยศรี แต่หลากหลายพันธุ์ยังคงเติบโตอย่างงดงาม ณ เรือนรักของเขากับเธอย่านจรัญสนิทวงศ์ ‘วัง’ ซึ่งชายผู้นั้นมอบไว้ให้แก่เธอพร้อมสวนสวยอันคับคั่งด้วยไม้งาม
 
     “เสด็จพระองค์ชายใหญ่ท่านเป็นคนร่าเริง ท่านชอบสอนเรื่องต้นไม้ ต้นไม้ทั้งหมดในโลกมีกี่ชนิด ท่านบอกได้หมด ท่านเป็นนักแต่งเพลง 'บัวขาว' 'ลมหวน' บทละครเรื่อง ‘เรือนแพ’ ท่านก็เป็นคนแต่ง ท่านเก่งทุกเรื่อง ท่านบอกสอนได้หมด ช่องว่างระหว่างวัยของเราก็ไม่มี”

 
     ความรักที่เขามอบให้เธอไม่เคยจางหาย ตรงกันข้าม ทุกลมหายใจในวันวาร ยังคงเติบใหญ่ แผ่ขยายผ่านกิ่งก้านของเหล่าพืชพันธุ์...เธอบอกว่า ความรักที่เขาและเธอมอบให้กันยังคงเป็นภาพที่แจ่มชัดและฝังแน่นในรอยจำ ไม่เคยเลือนรางไปแม้แต่น้อย แม้ในวันนี้ วันที่เขา 'พลตรีพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล' หรือ 'เสด็จพระองค์ชายใหญ่' ชายผู้เป็นที่รักยิ่งของเธอ...หม่อมไฉไล ยุคล จักลาจากโลกนี้ไปแล้วมากกว่าสิบปี
 
     “ตอนที่เราพบกันในยุคนั้นเป็นยุคที่ละครวิทยุดังมาก หม่อมก็ชอบฟังละครวิทยุ แล้วหม่อมก็รู้ตัวว่าเราเรียนน้อย เราก็เลยชอบอ่านหนังสือพิมพ์ ชอบเขียนหนังสือ คุณพ่อก็ชอบซื้อหนังสือพิมพ์มาให้อ่าน แล้ววันหนึ่งเราก็เจอประกาศรับสมัครคนไปเล่นภาพยนตร์ ก็ขออนุญาตคุณพ่อไป คุณพ่อก็พาไปที่บริษัทอัศวิน วันนั้นก็เจอเสด็จฯ ท่านด้วย ท่านนั่งอยู่ที่โต๊ะใหญ่เบ้อเริ่มเลย สมัครเลร็จเราก็กลับบ้านกัน ไม่นานก็มีโทรเลขมาว่าให้กลับไปที่บริษัท เพื่อไปลองทดสอบบท เขาจะมีบทให้ท่อง จำได้ว่าเราเล่นบทตัวละครที่ชื่อ ‘นกยูง’ เด็กที่สมัครก็ไม่ได้มีแค่เราแต่มีหลายคน ก็เอาบทที่ได้มาฝึกซ้อมกัน ตอนนั้นเราได้รับคัดเลือกแล้ว แต่ท่านก็เลือกไว้หลายคน จากจำนวนคนที่มาสมัครเยอะมาก หลายร้อยคน
 
     “สิ่งที่ทำให้ท่านสนใจเรา อาจเป็นเพราะเราเป็นคนเข้ากับผู้ใหญ่ได้ดี เพราะถูกคุณทวดเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กๆ แล้วเราก็เป็นคนร่าเริง สดใส แล้วที่สำคัญก็ชอบตัดเสื้อ ชอบเย็บเสื้อ เย็บเสื้อผ้าให้คนในบริษัทอยู่บ่อยๆ จำได้ว่าเสด็จฯ ท่านก็เคยเอาเสื้อมาให้ลองเย็บ”
 
     ความสนใจในกันและกันเริ่มก่อตัว หากในใจของเด็กสาววัย 16 ปี ผู้มีพื้นเพภูมิลำเนาจากครอบครัวค้าขายริมแม่น้ำท่าจีนผู้นี้ ความรู้สึกที่เธอมีต่อสุภาพบุรุษสูงอายุตรงหน้า คือความเคารพนับถือที่เพิ่มมากขึ้นพร้อมบางสิ่งอันแสนอบอุ่นและอ่อนโยนอย่างที่เธอไม่เคยพบหรือได้รับจากชายคนใด

 
 
    “ท่านเป็นคนโรแมนติก แม้อายุ 62 ปีแล้ว อายุมากแล้ว แต่ท่านยังเป็นคนใส่ใจ ละเอียดลออ ดูแล ท่านจะคอยสังเกตและรู้หมดว่าเราต้องใส่เสื้อผ้าอะไร ทำผมแบบไหน แต่งหน้าประมาณไหนถึงจะเหมาะกับเรา คอยดูแลเราอย่างดี อาจเป็นเพราะท่านเป็นผู้กำกับหนังด้วย ท่านก็เลยรู้ว่าใครเหมาะกับอะไร และความที่ตัวเราเอง โตมาจนอายุ 16 ปี ก็ไม่เคยมีใครใส่ใจเราขนาดนี้ ไม่มีใครเคยบอกว่า ‘เธอใส่เสื้อผ้าอย่างนี้นะ ทำผมอย่างนี้ แต่งหน้าอย่างนี้สิ แล้วจะดูดี’ เราก็เลยรู้สึกว่าผู้ใหญ่ท่านนี้นุ่มนวลจังเลย เริ่มรักท่าน ตั้งแต่นั้น แต่ก็ยังเป็นความรักแบบนับถือผู้ใหญ่”
 
     เริ่มต้นด้วยความเคารพนับถือ แต่ไม่นานความรักอันลึกซึ้งและอ่อนหวานก็ถูกบ่มเพาะเต็มในใจของทั้งคู่ กระทั่งนำไปสู่การวิวาห์อันแสนเรียบง่าย

     “ท่านไปขอเรากับคุณพ่อคุณแม่ บอกว่าขอเราเป็นภรรยาท่านได้ไหม พ่อแม่ก็ถามเรา ว่าเราพร้อมเหรอ ที่จะไปอยู่กับท่าน เราก็บอกว่า เราเชื่อว่าท่านปกป้องเราได้ ท่านก็บอกว่าเมื่อรับเป็นภรรยาแล้ว ท่านจะไม่ทอดทิ้ง เพียงเท่านั้นเอง นั่นคือคำมั่นสัญญาที่ให้กัน ไม่ได้มีสินสอดทองหมั้น ไม่ได้จูงมือกันไปซื้อแหวนเพชร ไม่มีอะไรเลย ท่านไม่ได้ให้อะไรเลย แต่สิ่งที่เราให้กันคือคำมั่นสัญญา"

 
 
     “ตอนนั้นท่านอายุ 62 ปี ส่วนหม่อมอายุ 16 ใครๆ มองว่าผู้ใหญ่แต่งงานกับเด็ก หลายคนในยุคนี้คงคิดว่าจะเป็นไปได้อย่างไร จะอยู่ด้วยกันอย่างไร? แต่ท่านก็พยายามปรับตัว ไม่ใช่ผู้ใหญ่ทำตัวเป็นเด็ก แต่ท่านพยายามปรับหลายสิ่งให้สอดคล้องกัน
 
     “แต่ก็มีบ้างจังหวะชีวิตตามประสาคู่รักที่ย่อมต้องมีลมเพลมพัด ผิดใจกันบ้างนิดหน่อย แต่ท่านก็ยังมีความเอื้ออาทร วิธีการง้อของท่านก็คือ ท่านจะโทร.มาหาทุกคนรอบข้างเรา โทร.หาคนนั้น คนนี้ ที่อยู่รอบๆ ตัวเรา เพื่อให้เราได้ยินว่าท่านโทร.มา”
 
     เป็นชายคนเดียวกันนี้เอง ที่บอกกล่าวถ้อยคำ ‘เราก็เป็นคนเหมือนกัน นอนบนดินเหมือนกัน ไม่ได้นอนบนฟ้า’ แก่ผู้ซึ่งยึดมั่นในฐานันดรอันสูงจนรับไม่ได้ว่าไฉน หม่อมไฉไล ชายาคนที่ 4 ของเสด็จพระองค์ชายใหญ่ จึงเป็นเด็กสาวบ้านนอก ผู้มีพื้นเพจากครอบครัวค้าขายริมแม่น้ำ
 
     หรือแม้ในวันที่สังขารล่วงเลยใกล้โรยรา มิอาจเดินเหินสะดวกเคียงคู่กัน กระนั้นเสด็จพระองค์ชายใหญ่ก็ยังทุ่มเทหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อหญิงสาวอันเป็นที่รัก...เช่นที่เคยเป็นมา

 
 
     “ตอนที่ท่านอายุมากๆ แล้ว ท่านก็นั่งวิลแชร์ มาดูร้านเพชรของหม่อม ซึ่งเป็นร้านที่ท่านทำให้ เป็นร้านเพชรที่โรงแรมเพนนินซูล่า ท่านออกแบบร้านด้วยตัวเอง เป็นการออกแบบที่เมื่อ 25 ปีก่อนใครเห็นใครก็งง ว่า ‘เอ๊ะ! นี่ออกแบบเสร็จแล้วเหรอ? อิฐยังไม่ได้ก่อ ยังไม่ได้ฉาบปูนเลย ร้านยังไม่เสร็จเลยนะจะเปิดแล้วเหรอ?’ ท่านก็ยืนหัวเราะชอบใจ คนสมัยนั้นเขาก็งง เพราะว่าการตกแต่งโดยใช้ไม้ดิบๆ ปูนเปลือยๆ ยังไม่ฮิตเหมือนตอนนี้ ใครๆ ก็มองว่าประหลาด เขาพูดกันว่า ‘ดูท่าทางจะรีบเปิดร้านนะเนี่ย’ ท่านได้ยินท่านก็ยืนอมยิ้ม ซึ่งทุกวันนี้ ร้านเพชรร้านนี้ที่เพนนินซูล่า หม่อมก็ยังคงรูปแบบเดิมไว้ไม่มีการเปลี่ยนแปลง”
 
     เป็นชายคนนี้เอง ที่นับแต่ถือกำเนิดมา ความเป็นสุภาพบุรุษและความมีทุกสิ่งพรั่งพร้อม ทำให้ท่านไม่เคยแม้แต่จะคิด ‘ต่อราคา’ สินค้าข้าวของตามท้องตลาด แต่แล้ววันหนึ่ง ท่านก็ทำ ด้วยความยินดีและเต็มใจ ด้วยติดนิสัยมาจากหม่อมไฉไล ชายาผู้ยอมรับว่าตนมีเลือดแม่ค้าเต็มตัวและจะไม่ยอมซื้อของโดยไม่ต่อราคา
 
     เป็นชายคนนี้เอง ที่แม้ความเป็นสุภาพบุรุษของท่านจะเป็นที่กล่าวขานถึงอย่างเคารพรักใคร่เสมอมา กระนั้น ในวันหนึ่งท่านก็ยอมทิ้งมาดที่คุ้นเคย เพื่อเอ่ยปากขอให้บริกรของห้องอาหารอันหรูหรา ห่ออาหารที่เหลือบนโต๊ะสำหรับนำกลับบ้าน เพราะมันเป็นสิ่งที่ชายาของท่านมิอาจยอมให้อาหารมากมายเหล่านั้นถูกปล่อยเหลือทิ้งอย่างไร้ค่า

 
     ความรักเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งในตัวท่าน และท่านก็ยอมเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งเพื่อคนรัก หากสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง คือความห่วงใยอาทร ปรารถนาปกป้องคนที่ตนรัก...แม้ตราบวินาทีสุดท้ายของชีวิต
 
     เพราะความห่วงหาห่วงใยอันเปี่ยมรัก ทำให้สุภาพสตรีผู้นี้มอบคำมั่นสัญญาอันทระนงแก่เขาเพื่อให้ดวงวิญญาณหมดห่วงและจากไปอย่างสงบ
 
     คำๆ นั้นคือ ถ้อยคำสั้นๆ หากหนักแน่นและชัดเจน
 
     เป็นถ้อยคำที่ยืนยันว่า แม้ในวันที่ข้างกายจักไร้ร่างของชายผู้ปฏิญญาว่าจะปกป้องเธอ กระนั้น เธอก็จะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างเข้มแข็ง อดทน กล้าหาญ ไม่มีวันยอมแพ้ต่อโชคชะตาและอุปสรรคขวากหนามใดๆ
 
     เธอจะยืนหยัดอย่างเข้มแข็ง เพื่อลูก เพื่อตนเอง และเหนืออื่นใด เพื่อความรักและเพื่อความหมายทั้งหมดของชีวิตที่ชายผู้นี้มอบให้
 
     วินาทีที่ลมหายใจของเสด็จพระองค์ชายใหญ่ใกล้จะทิ้งร่าง หม่อมไฉไลเล่าว่าทั้งเธอและเขาก็ยังคงมอบคำมั่นสัญญาให้แก่กัน ผ่านอุ้งมือที่บีบกระชับหนักแน่น ผ่านแววตาที่เข้มแข็ง ผ่านถ้อยคำที่แม้เพียงสั้นหากเชื่อเหลือเกินว่าสามารถปลอบประโลมดวงวิญญาณให้สุขสงบ

 
 
     “หม่อมฉันอยู่ได้” คือคำมั่นที่เธอขับกล่อมแววตาอาลัยของเสด็จพระองค์ชายใหญ่ให้สิ้นไร้แววกังวล
    
     และตราบจนวันนี้ เธอยังคงรักษาคำมั่นเสมอมา นั่นคือการยืนหยัด เข้มแข็งและทระนง 
    
     ทั้งใช้ชีวิตที่เหลือพร้อมความทรงจำแห่งรักอันงดงาม 
 
                       
                                   .............
                 
                        เรื่องโดย : นางสาวยิปซี
                            ภาพหม่อมไฉไลโดย : วรงค์กรณ์ ดินไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น