เสียงปืนรัวดังกึกก้องไม่น้อยไปกว่าแรงระเบิดที่ก้องกัมปนาท ชายหนุ่มรูปงามตกอยู่ในอาการตระหนกและหวาดกลัว เพราะทุกขณะที่เขาสัมผัสและคลี่กางกระดาษหนังสือพิมพ์ในมือ เสียงปืนจะปะทุลั่นอยู่รอบทิศโดยไม่อาจแลเห็นที่มา
มีเพียงหนทางเดียวที่จะหลีกหนีจากมลพิษทางเสียงนั้น เขาต้องฉีก ฉีก และฉีกกระดาษอาบหมึกในมือให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ก่อนเศษกระดาษยับยุ่ยนับไม่ถ้วน จะถูกมนตราแห่งมายากลแปรเปลี่ยนเป็นหนังสือพิมพ์เล่มใหม่ไร้ตำหนิ ไร้เสียงน่าหวาดกลัว
หรือในบางครั้งมันก็ถูกแปรเปลี่ยนเป็นร่มกระดาษคันโตกางกั้นพายุฝน และคงเปลี่ยนแปลงไปเป็นสิ่งอื่นได้อีกนับร้อยพันเท่าที่นักมายากลผู้นี้ปรารถนาเสกสรรปั้นปรุงขึ้นตามแต่ใจต้องการ
“ผมเชื่อว่ามายากลของเราก็ควรสะท้อนถึงวิธีการมองโลกของเราด้วย เห็นกลหนังสือพิมพ์ของผมใช่ไหม? กลนี้ผมพยายามเสนอว่า เมื่อผมเปิดหนังสือพิมพ์ สิ่งที่อยู่ในนั้นจะเต็มไปด้วยเสียงปืน เสียงสู้รบ เสียงระเบิด ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงทุกวัน
“ในชีวิตจริง ผมจึงไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์อีกแล้ว ผมมักจะอ่านแต่วรรณกรรมที่ผมชอบ และดูข่าวแค่อาทิตย์ละครั้ง เพราะผมรู้สึกว่าข่าวทุกวันนี้มันเต็มไปด้วยความคิดในแง่ลบ ซึ่งผมไม่อยากให้มุมมองความคิดในแง่ลบเข้ามาอยู่ในหัวของผมมากเกินไป ผมเชื่อว่าคนเรามักเป็นในสิ่งที่เราคิด คนเราคิดแบบไหน คุณก็เป็นคนแบบนั้นแหละ
“ทุกครั้งที่ผมมีความคิดในแง่ลบ ผมจะเปลี่ยนความคิดตัวเอง เปลี่ยนวิธีคิด เพราะเมื่อเราเปลี่ยนความคิดเราได้ เราก็เปลี่ยนอารมณ์ของเราได้ แล้วเราก็เปลี่ยนชีวิตของเราได้ด้วย ดังนั้น ผมก็เลยเป็นคนที่มักจะโฟกัสไปที่ความคิดในแง่บวก ซึ่งก็ตรงกับธรรมะที่ผมเพิ่งอ่านเจอเมื่อคืนนี้ในหนังสือเกี่ยวกับพุทธศาสนาที่อยู่ในลิ้นชักโต๊ะของห้องที่ผมพักในโรงแรม ทั้งหน้านั้น พูดถึงเรื่องที่ว่าคนเรามักเป็นแบบที่เราคิดนั่นแหละ ผมชอบอ่านหนังสือแบบนี้ หนังสือที่ทำให้เราได้คิด ได้ตรึกตรอง”
เขาคือ โลรองต์ บาเรตต้า ( Laurent Beretta ) นักมายากลสัญชาติฝรั่งเศส เจ้าของรางวัล The European Best Magician Mandrake D’or หรือรางวัลสุดยอดนักมายากลแห่งยุโรป ประจำปี 2010 ซึ่งเพิ่งเดินทางมาเปิดการแสดงมายากลให้ชาวไทยได้สัมผัส ในการแสดงมายากลผสานแฟชั่นโชว์คอลเลกชั่นรับลมร้อนจากหลายแบรนด์ดัง
ภายใต้ชื่องาน Central The Return of Laurent Beretta, Magician Extraordinaire ณ ลานมรกต เซ็นทรัลพลาซ่า ชิดลม เมื่อวันที่ 31 มีนาคม และ1-2 เมษายน ที่เพิ่งผ่านพ้นมา
ซึ่งแม้ขบวนพาเหรดของเหล่านางแบบจะน่ามองเพียงใด หรือการแสดงมายากลร่วมกับนางแบบรับเชิญจะน่าสนใจแค่ไหน แต่พระเอกตัวจริงของงานที่ดึงดูดความสนใจผู้ชมจนไม่อาจละสายตาก็ยังคงเป็น โลรองต์ บาเรตต้าและกลของเขา
เสน่ห์อันแพรวพราวในการแสดงกลของโลรองต์ทำให้เราสนใจค้นหาคำตอบ ว่าสิ่งใดคือแรงผลักดันที่ทำให้เขา ในวัยที่ยังหนุ่มแน่น สามารถสร้างความแตกต่าง โดดเด่น จนก้าวขึ้นไปยืนอยู่ ณ จุดสูงสุดของแวดวงแห่งศาสตร์การแสดงอันเปี่ยมมนต์ขลัง..
และนี่คือเนื้อความคำอันชี้ชัดถึงทัศนคติที่น่าสนใจของชายผู้นี้
“จริงๆ แล้วผมสนใจศาสตร์ทุกแขนง แต่ศิลปะแขนงแรกสุดที่ผมสนใจก็คือ ดนตรี คุณจะสังเกตได้ว่าในการแสดงของผมจะมีทั้งดนตรีร็อค คลาสสิค อิเล็กทรอนิกส์ประกอบการแสดง เพราะผมรู้สึกว่าดนตรีแต่ะแนวก็จะมีคาแรกเตอร์แตกต่างกัน สรุป ก็คือ ผมชอบที่จะทดลองอะไรใหม่ๆ อยู่เรื่อยๆ
"ผมเป็นคนอยากรู้อยากเห็น ผมมักแสวงหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ ให้ตัวเองเสมอ ผมชอบแฟชั่น ชอบดนตรีที่หลากหลาย เพราะทำให้เราสัมผัสกับอารมณ์ได้หลายแบบ หนังสือที่ผมอ่าน หลายๆ เล่มก็ให้แรงบันดาลใจแก่ผม”
เช่นเดียวกับที่นวนิยายเรื่อง โดเรียน เกรย์ ผลงานของ ออสการ์ ไวลด์ มอบแรงบันดาลใจใหญ่หลวงให้แก่เขา
“ผมรู้สึกว่าผมอยากเป็นนักมายากลอาชีพ ก็เมื่อตอนที่ผมได้อ่านหนังสือนิยายเรื่องโดเรียน เกรย์ นี่แหละครับ ในหนังสือเล่มนี้มีหลายๆ ช่วงที่พูดถึง ‘ชีวิต’ ได้อย่างน่าสนใจมาก และทำให้ผมนึกถึงสิ่งที่ผมอยากทำในชีวิตด้วย สำหรับผม นี่เป็นหนังสือที่มอบอะไรหลายอย่างให้กับชีวิต ทำให้ผมเกิดความคิดว่าศิลปะบางอย่างจะมีเสน่ห์ก็ต่อเมื่อมันมีความลับแฝงอยู่ และยังได้ข้อคิดว่า บางครั้ง ความคลั่งไคล้ในรูปโฉมที่งดงามมากเกินไป ก็อาจนำไปสู่การบั่นทอนชีวิตจิตใจ”
แต่นอกจากความชื่นชอบในเนื้อหาและแง่คิดที่แฝงอยู่ เขายังใช้กุศโลบายจากนิยายผสานเข้ากับมายากลได้อย่างลงตัว เพราะการแสดงชุดนี้มีกล ‘หายตัว’ เป็นหัวใจสำคัญ ซึ่งโลรองต์นั้น ปฏิเสธการแสดงที่นักมายากลเสกให้ผู้ช่วยหายตัวไปอย่างไร้เหตุผล
ดังนั้น เขาจึงนำเรื่องราวในนิยายมาอธิบายที่มาที่ไปและความเป็นเหตุเป็นผลให้แก่มายากลของตัวเอง และเพื่อให้ผู้ชมเกิดความรู้สึกร่วมไปกับการแสดงด้วย
“การที่คนยกย่องให้ผมเป็นนักมายากลระดับโลก ผมก็รู้สึกดีนะ แต่ความรู้สึกนั้น อย่างมากมันก็อยู่ได้แค่ 1 นาที จุดประสงค์หลักของผมคือการได้ท่องไปในโลกของมายากล คำว่า ‘เป็นที่สุด’ มันไม่สำคัญเท่ากับความรู้สึกของผู้ชม ว่าเขาชอบโชว์ของผมหรือมีอารมณ์ร่วมไปกับการแสดงของผมแค่ไหน ถ้าผมทำให้ผู้ชมมีอารมณ์ร่วมไปได้ ผมถือว่านั่นแหละคือความสำเร็จ ถ้าผู้ชมสนุกและมีความสุขกับการแสดงของผม ผมถือว่าผมประสบความสำเร็จแล้ว”
โลรองต์บอกด้วยว่า ทุกครั้งก่อนจะขึ้นแสดงมายากล โดยเฉพาะในช่วงครึ่งชั่วโมงก่อนขึ้นแสดง เขาจะผ่อนคลายจิตใจด้วยการเพ่งลมหายใจ ตั้งสมาธิ และเล่นโยคะ เป็นการยืดเส้นยืดสายนิดหน่อย
“ผมทำแบบนั้น เพื่อให้ ‘ข้างใน’ ผมนิ่งและสงบ”
และหากถามว่า 'มายากล' มีความสำคัญกับชีวิตของเขาแค่ไหน...โลรองต์ ตอบว่า
“ 50 % ของชีวิตผมคือมายากล ที่เหลือก็อ่านหนังสือเยอะๆ สิ่งสำคัญนอกเหนือจากมายากลก็คือการอ่าน ผมชอบอ่านหนังสือมาก แล้วก็ชอบเดินทางท่องโลกกว้าง ชอบฟังเพลงหลากหลายแนว ผมชอบที่จะเรียนรู้โลก ได้สัมผัสกับอะไรก็ตามที่พาผมออกจากโลกมายากลชั่วคราว เพื่อที่สิ่งต่างๆ เหล่านี้แหละ จะกลับมาหล่อเลี้ยงมายากลของผมในครั้งต่อๆ ไป”
คือ 'โลรองต์ บาเรตต้า' ชายผู้ครอบครองแรงบันดาลใจอันใหญ่หลวง ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นความสุขและเสียงหัวเราะมอบให้แก่ผู้ชมทุกคน
คือชายผู้แปรเปลี่ยนแรงบันดาลใจ...เป็นมนตรา...มายากล
........
เรื่องโดย : นางสาวยิปซี
ภาพโดย : วารี น้อยใหญ่ / ณัฐพันธ์ ครุธทิน
* ขอขอบคุณ คุณอารชะ บริษัทOVETION เจ้าหน้าที่แปลภาษาในการสัมภาษณ์ครั้งนี้