xs
xsm
sm
md
lg

ดนัย สรไกรกิติกูล ตัวตนของหนุ่ม “เอ” นักธุรกิจสไตล์เอ-ลิสต์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


>>เอ-ลิสต์ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงความหรูหราหรือว่าไฮโซ แต่หมายถึงการเลือกสิ่งที่ดีที่สุด ของผู้ชายที่คลุกคลีอยู่ในวงการธุรกิจแฟชั่นอย่าง “ดนัย สรไกรกิติกูล” หรือ “เอ” ผู้บริหารของ"บริษัท เอ-ลิส คอร์เปอเรท จำกัด" วัย 33 ปี ที่จับมือกับคู่ชีวิต “ออม-ดิษยา สรไกรกิติกูล” นำพาเสื้อผ้าแบรนด์ไทยอย่าง “ดิษยา” (Disaya) แบรนด์ชุดชั้นใน “บูดัวร์” (Boudoir) และสินค้าจิวเวอรี่ในเครือ ให้เป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงนำเข้าแบรนด์รองเท้าระดับไฮเอนด์อย่าง “จิมมี่ ชู” (Jimmy Choo) ให้สาวไทยได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด

ความที่ชอบจะสังเกตและจดจำในรายละเอียดของสิ่งของเกือบจะทุกอย่าง คือ จุดเริ่มต้นการทำงานของเขา “ช่วงแรกเลย บริษัทของที่บ้านจะเน้นรับผลิตให้กับแบรนด์ต่างๆ ต่อมา แพรนด้า จิวเวลลี่ ก็เริ่มผลิตแบรนด์ของตัวเอง จากตรงนั้นก็ทำให้เริ่มเรียนรู้ว่าการสร้างแบรนด์เป็นสิ่งสำคัญ เลยทำให้ซึมซับเรื่องนี้มา แล้วพอมาเจอออม ตอนอายุ 17 ออมก็มีความฝันว่าอยากเป็นดีไซเนอร์ เขาก็จะเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ที่เกี่ยวกับแบรนด์ต่างๆ ให้ฟัง ทำให้ผมอินกับเรื่องการสร้างแบรนด์มากขึ้นเรื่อยๆ

ตัวผมเรียนทางธุรกิจ แต่ก็มองว่างานด้านนี้สนุกดี ตื่นเต้นทุกครั้งเวลาต้องไปพิพิธภัณฑ์กับเขา ไปงานโชว์ต่างๆ จนเขาได้เข้าเรียนที่เซนต์ มาร์ติน และก็เรียนได้ดีมาก ก่อนกลับเมืองไทย ออมอยากจะทำชุดชั้นในที่น่ารัก ขี้เล่น เซ็กซี่ แต่ไม่โป๊ เราจึงคุยกัน แต่ตามประสาเด็กๆ ไม่ได้มีความรู้ นึกว่ามันจะง่าย พอเอาเข้าจริงๆ ออมถนัดด้านดีไซน์มากกว่า ผมก็ต้องแก้ปัญหาทุกอย่างตั้งแต่การผลิตยันการตลาด ทำไปทำมาจึงต้องรับผิดชอบไปเองโดยปริยาย”

จากการเล็งเห็นถึงไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของคนไทย และหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องแฟชั่นมากขึ้นเรื่อยๆ จึงอยากผลิตสินค้าที่โดดเด่นทั้งการดีไซน์และคุณภาพ ไม่เฉพาะแบรนด์ของตัวเองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการนำเข้าแบรนด์ดังอย่าง จิมมี่ ชู ด้วย

“ความสนใจแรกเลยคงเป็นตอนที่เห็นออมเลือกใส่จิมมี่ ชู ตอนหมั้น เลยทำให้ผมสังเกตเห็นว่า จริงๆแล้วจิมมี่ ชูเป็นรองเท้าที่สามารถ ใช้ได้นาน เพราะคุณภาพดี แล้วพอเริ่มศึกษาอย่างจริงจังก็พบว่าแบรนด์นี้โตเร็วมาก ตอนที่ผมเริ่มติดต่อ แบรนด์เพิ่งจะอยู่ในตลาดมา 8 ปีเท่านั้นเอง เราเปิดที่เมืองไทยเมื่อ 5 ปีแล้ว และแบรนด์ จิมมี่ ชู เพิ่งฉลอง 15 ปีในปีนี้ แต่ขึ้นมาอยู่ในทุกถนนทั่วโลกที่ขายสินค้าลักส์ชัวรี่ได้ ถ้าให้นึกกลับไปไม่มีแบรนด์ไหนเลยที่ทำได้ขนาดนี้ และเราคิดว่าคนไทยก็ต้องการอะไรที่เป็นระดับท็อปเหมือนกัน ตอนนี้จิมมี่ ชู มีลูกค้าทุกกลุ่มจริงๆ ตั้งแต่สาวเปรี้ยวยันสาวเรียบร้อย ตั้งแต่วัยรุ่นไปจนถึงลูกค้าอายุ 60 ปี”

นอกจากจะเลือกสิ่งดีที่สุดให้กับลูกค้าแล้ว กับตัวเองก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดเช่นกัน หลักๆ คงไม่พ้นเรื่องการแต่งตัวที่ดนัยยอมรับว่า เขาเป็นคนที่มีแบรนด์ ลอยัลตี้ (Brand Loyalty) สูงมาก “ผมชอบสไตล์เรียบๆ ไม่เยอะมาก แต่ต้องคุณภาพดีๆ ไว้ก่อน และชอบเลือกของเอง ไม่ให้ใครมาเลือก ถ้าเลือกแล้วก็มักจะอยู่กับแบรนด์นั้นๆ ถ้าผมจะซื้อสูทยี่ห้อนี้ ผมก็จะรู้ว่าไซส์นี้คือไซส์ของเรา ใส่แล้วพอดี และส่วนใหญ่จะใช้เวลาอยู่ในร้านแต่ละร้านค่อนข้างน้อย

แบรนด์ที่ชอบอย่างเสื้อเชิ้ตจะเป็น ลองแวง (Lanvin) 4-5 ปีที่ผ่านมาเลือกซื้อลองแวงมาตลอด รองเท้าก็เลือกปราด้า (Prada) สูทก็ใส่ เซนย่า (Ermenegildo Zegna) แต่ก็จะมีซื้อยี่ห้ออื่นๆบ้าง ของที่ผมเลือกซื้อมา อันดับแรกเลยต้องคิดว่าคุ้มค่ากับราคา เพราะผมถือว่าเป็นคนใช้ของคุ้มมาก อย่างสูทตัวเก่งของ เซนย่า ก็ใช้มา 6-7 ปี ทุกวันนี้ก็ยังใช้ได้ดีและเวลาเดินทางทุกครั้งต้องติดตัวไปด้วย เสื้อเชิ้ตก็จะมีตัวเดิมๆที่ผมชิน แล้วผมก็ต้องนำไปด้วย”

สำหรับนักธุรกิจในแวดวงนี้ ดนัยมองว่าแฟชั่นคือการใช้ชีวิต และในอนาคตการแต่งตัวจะมีความสำคัญมากขึ้น เพราะเป็นภาพแรกที่คนเห็น คนภายนอกจะตัดสินเราพอๆ กับคำพูด หรือการกระทำเลยทีเดียว “แนวโน้มของแฟชั่นและไลฟ์สไตล์มันจะผสมผสานกันมากขึ้น ผมไม่มองว่าแฟชั่นคือเสื้อผ้าอย่างเดียว แต่มันคือไลฟ์สไตล์ของเรา ซึ่งทุกวันนี้มันเปลี่ยนไปมาก คนรักในการแต่งตัวมากขึ้น ผมว่าการแต่งตัวกลายเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิตไปแล้ว และคนไทยสมัยนี้แต่งตัวกันดีมาก มีความมั่นใจในการแต่งตัวมากขึ้น”
ส่วนเทรนด์แฟชั่นต่อไปของผู้ชาย ดนัยบอกว่าพวกแอกเซสเซอรี่ คือสิ่งที่จะบ่งบอกสไตล์ของชายหนุ่มได้ดีที่สุด “ผมเป็นคนแต่งตัวเรียบๆ แต่รู้สึกว่าตอนนี้แอกเซสซอรี่มีความสำคัญสำหรับผู้ชายมากขึ้น อย่างเครื่องหนัง รองเท้า กระเป๋า กลายเป็นของสำคัญที่จะแสดงตัวตนออกมาให้คนภายนอกได้เห็น ของชิ้นเล็กๆอย่าง เข็มขัด เนกไท ก็เช่นกัน ผู้ชายแต่งตัวกันเยอะขึ้น ใส่ใจในรายละเอียดมากขึ้น ตรงนี้ที่ทำให้ผมมองว่า แอกเซสซอรี่ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผู้ชายครับ”

และนี่คือตัวตน เรื่องราวของชีวิต แนวคิดการทำงาน ของนักธุรกิจสไตล์เอ-ลิสต์ ที่ขอทำงานคุณภาพระดับเอ-ลิสต์ เท่านั้น !!!! :: Text by FLASH mag.

 
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่  http://www.celeb-online.net
กำลังโหลดความคิดเห็น