Text by ฮักก้า Photo by วรงกรณ์ ดินไทย
เดวิด เล้า ประธานกรรมการ บริษัท DO FOOD CO.,LTD ซึ่งเป็นโรงงานทำอาหารพร้อมรับประทานส่งสายการบินกว่า 15 สาย
ฉลองตรุษจีนปีนี้ ด้วยการเปิดแสดงภาพถ่ายที่ผ่านการลั่นชัตเตอร์โดยเขา ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ภายใต้ชื่อนิทรรศการ สมบัติล้ำค่าแห่งเสฉวน(Treasures of Sichuan) วันนี้ - 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2554 ณ ฮอลล์ ออฟ มิเรอร์ ชั้น M ศูนย์การค้า สยามพารากอน
เดวิด เป็นชาวฮ่องกง จบการศึกษาด้าน food science จากสหรัฐอเมริกา หลังเรียนจบจึงได้เดินทางมาประเทศไทยและทำธุรกิจต่อจากคุณพ่อของเขาซึ่งเป็นผู้บุกเบิกไว้ก่อนหน้า
ด้านการถ่ายภาพ เราไม่อาจเรียกเขาว่า “มือสมัครเล่น” เพราะผลงานของเขา เคยผ่านการการันตรีจากสมาคมถ่ายภาพมาแล้ว กว่าร้อยสมาคมทั่วโลก จนได้รับการจัดอันดับให้เป็น ช่างภาพ อันดับ 7 ของโลก โดยสมาคมภาพถ่ายแห่งสหรัฐอเมริกา เมื่อ ค.ศ.1981
นอกจากนี้ย้อนหลังไปในวัย 25 ปี เขายังเคยรับประกาศนียบัตรด้านการถ่ายภาพจาก สมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยมี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชทานให้ด้วยพระองค์เอง
ผ่านมา 30 ปี เขาได้นำภาพถ่ายเมื่อครั้งรับประกาศนียบัตร มาติดแสดงภายในนิทรรศการครั้งนี้ ซึ่ง สมเด็จพระเทพฯ ทรงเสด็จพระราชดำเนินมาเป็นองค์ประธานเปิดนิทรรศการ ด้วยเช่นกัน
ตลอดมา แม้จะต้องทำธุรกิจด้านอาหารแต่เดวิดไม่เคยทิ้งการถ่ายภาพที่เขารักมาตั้งแต่เด็ก
“สำหรับผม ธุรกิจกับการถ่ายภาพเดินไปพร้อมกัน สมมุติต้องไปประชุมต่างประเทศ ผมจะปลีกเวลาซัก 2-3 วัน เพื่อไปถ่ายภาพ”
โดยเอกลักษณ์ในภาพถ่ายของเขา คือการบันทึกในสิ่งที่สวยงามและน่าจดจำ ไม่ว่าจะเป็น ภาพวิถีชีวิต วัฒนธรรม ตลอดจนวิวทิวทัศน์ของแต่ละประเทศ เพื่อมาแบ่งปันให้ทุกคนที่ไม่มีโอกาสไปเยือนสถานที่นั้นๆได้สัมผัส
แต่เกือบ 70 ประเทศ ที่เคยไปเยือน ไม่เคยมีที่ไหนที่เขาหลงรักเท่า อุทยานแห่งชาติจิ่วจ้ายโกว และอุทยานแห่งชาติหวงหลง ซึ่งตั้งอยู่ใน มณฑลเสฉวน และยูเนสโกประกาศให้เป็นมรดกโลก
“ทุกประเทศที่ผมเคยไป ในความรู้สึกของผม ไม่มีที่ไหนสู้ที่นี่ได้เลย อุทยานทั้งสองแห่งนี้ ได้รับการดูแลดีมาก สถานที่ที่สะอาดสะอ้าน ห้ามสูบบุหรี่ ห้ามทิ้งขยะ ซึ่งเป็นการช่วยกันรักษาสมบัติของโลกไว้ให้ดีที่สุด และวิวทิวทัศน์ก็มีความเป็นธรรมชาติมากๆเลย ขนาดน้ำลึกถึง 13 เมตร ยังมองเห็นชัดแม้แต่หินและต้นไม้ที่หล่นลงไป ดูจากภาพที่ผมถ่ายมาก็ได้”
เดวิดกล่าวพลางท้าให้ชมภาพที่เขาถ่ายเพื่อเป็นการยืนยันในสิ่งที่พูด
กว่า 5 ครั้งที่เขามีโอกาสเดินทางไปเยือน จนบัดนี้ก็ยังไม่รู้สึกเบื่อ และเมื่อเทียบกับเวลานี้ เขายังจำได้ดีว่า เมื่อครั้งไปเยือนครั้งแรก ต้องเดินทางด้วยความยากลำบากแค่ไหน
“ตอนนั้นอายุประมาณ 20 ปี เดินทางไปลำบากมาก ต้องนั่งเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปเฉิงตู แล้วจากเฉิงตูต้องนั่งรถเมล์ไปอีก 10 ชั่วโมง จึงจะไปถึง สิ่งที่ทำให้ผมอยากไป เพราะเคยดูจากภาพที่คนอื่นถ่ายมา เหมือนกับอยู่ในสวรรค์ ทำให้คิดว่า ลำบากขนาดไหน ก็ต้องไป พอไปถึงก็ไม่ผิดหวังจริงๆ อย่างที่ผมเขียนไว้ในคำนำของหนังสือรวมภาพถ่ายในนิทรรศการครั้งนี้ เหมือนเราได้เข้าไปอยู่ในภาพวาด และมองไปทางไหนก็รู้สึกว่าเป็นภาพวาดหมดเลย”
ดังนั้นหากจากถามว่าอะไรคือสิ่งที่เขาอยากสื่อสารกับผู้ชมผ่านนิทรรศการครั้ง เขาจึงไม่รีรอที่จะตอบว่า
“อยากให้รู้ว่าสวรรค์มีจริง”
“อยากให้คนเมืองที่ไม่มีโอกาสสัมผัสกับสิ่งที่เป็นธรรมชาติแบบนี้ ได้เห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะในหนึ่งอาทิตย์ทุกคนต้องทำงาน 5-6 วัน ชีวิตมันค่อนข้างเครียด งานก็เยอะ การที่จะได้ผ่อนคลาย ได้สูดอากาศที่บริสุทธิ์ มีน้อย
อย่างที่บอก เวลาที่ผมอยู่ท่ามกลางธรรมชาติของอุทยานแห่งชาติทั้งสองแห่ง เหมือนเราได้เข้าไปอยู่ในภาพวาด จะมองทางซ้าย หรือมองขวาก็ภาพวาด ทุกสิ่งทุกอย่าง เวลาที่เดินผ่าน ผมรู้สึกมีความสุขมาก
และอยากบอกกับผู้ชมว่า สิ่งนี้แหล่ะคือชีวิตที่แท้จริง ไม่ใช่เงินทอง ที่ต่อให้มีมากเท่าไหร่เราก็เอามันไปไม่ได้ ความสุขต่างหากคือสิ่งที่สำคัญที่สุดของชีวิต คนเราต้องมีความสุข
แม้คุณจะไม่เคยไปเยือนอุทยานทั้งสองแห่งนี้ และในอนาคตอาจจะได้ไป แต่ระหว่างนี้คุณยังได้มีโอกาสสัมผัสทางสายตาผ่านทางภาพถ่ายของผม”
ไม่เพียงภาพถ่ายทิวทัศน์อันงดงามของ อุทยานแห่งชาติจิ่วจ้ายโกว และอุทยานแห่งชาติหวงหลง ในนิทรรศการ สมบัติล้ำค่าแห่งเสฉวน เดวิดยังมี ภาพถ่ายที่ถ่ายทอดให้เห็นถึงความน่ารักน่าชังของหมีแพนด้า มาให้ชมด้วย
“ทั่วโลกมีแพนด้าอยู่ประมาณ 1000 ตัว ประมาณ 85 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่เสฉวน เมื่อทราบว่าคนไทยรักแพนด้ามาก และมีช่องทีวีที่ถ่ายทอดให้เห็นการใช้ชีวิตของมันตลอด 24 ชั่วโมง ผมจึงอยากถ่ายภาพหมีแพนด้าจากเสฉวนมาให้ชมและเชื่อว่ายังไม่มีใครถ่ายภาพหมีแพนด้าได้เยอะและใกล้ชิดขนาดนี้
หมีแพนด้า เค้ามีแต่กิน นอน และเล่น ถามว่าชีวิตเค้ามีความสุขไม๊ ผมว่าเค้ามีความสุขนะ และก็มีคนคอยดูแลเค้าอย่างดีด้วย แตกต่างกับคนที่ชีวิตมีแต่ความเร่งรีบ กระตือรือร้น ต้องทำงานให้ดี เพราะกลัวว่าจะไม่ได้ขึ้นเงินเดือน หรือเมื่อไหร่จะถึงวันเสาร์ซะที
แต่หมีแพนด้าไม่ต้อง เค้ามีวันหยุดทุกวัน อยากจะนอนก็นอน อยากจะกินก็กิน อยากจะเล่นก็เล่น ชีวิตเค้าไม่ต้องห่วงอะไร ถามว่าชีวิตแบบนี้มีความหมายไหม ผมว่าบางทีมันก็ตอบยาก
แต่สำหรับผม ผมเชื่อว่า คนเราไม่ได้ทำงานเพื่อเงินทองอย่างเดียว แต่เราต้องมีสิ่งที่เป็นความภูมิใจของตัวเองด้วย ทำอะไรที่คนอื่นไม่ได้คิด ทำอะไรที่คนอื่นไม่มีความสามารถไปทำแบบนั้นได้ ถึงแม้ว่ามันจะลำบากขนาดไหน กับการที่เราจะทำผลงานชิ้นหนึ่งออกมา ต้องถ่ายภาพตั้งแต่เช้าถึง 6 โมงเย็น ต้องเฝ้า ต้องรอ
บางคนเห็นเรา ก็อาจจะคิดว่าเราประสาทไม่ดีหรือเปล่าถ่ายอะไรนักหนา โอ้ย.. ถ่ายแค่สองสามภาพก็พอแล้ว มันไม่ใช่ ช่างภาพไม่ว่าเหนื่อยขนาดไหนต้องไหว อุปกรณ์จะหนักขนาดไหนต้องแบก การถ่ายภาพเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ชีวิตของผมรู้สึกภาคภูมิใจ ได้ถ่ายทอดอะไรออกมาอย่างที่คนอื่นไม่เคยทำมาก่อน”
และนี่คือเหตุผลที่ต้องการบอกอีกครั้งว่า ทำไม ..ธุรกิจและการถ่ายภาพ สำหรับเขา จึงต้องเดินไปพร้อมกัน