By Lady Manager @Bitchy
เกิดเป็นสาวเป็นนางนอกจากต้องทำตัวให้สวยเริ่ดหัวจรดเท้าแล้ว กลิ่นตัวยังต้องหอมกรุ่นน่าดอมดมด้วย จะมาทำตัวเหม็นเปรี้ยวกลิ่นขี้เต่าโชยหึ่งเห็นทีคุณผู้ชายคงบ้ายบาย แถมแอบเม้าท์กระจาย อุ้ยอายตายแทบจะเอาปี๊บคลุม!
แต่ก็มีสาวๆ หลายคนฉีดพรมน้ำหอมไม่เป็นซะงั้น เอะอะฉีดปรี๊ดใส่เสื้อผ้าลูกเดียว แอบเห็นเป็นวงดวงตามเสื้อผ้า สุดแสนจะน่าเกลียด เซียนน้ำหอมของแท้มันต้องฉีดให้ตรงจุดซิ!
งั้น! เรามาเปิดกรุความรู้เรื่องราวของน้ำหอมกันดีกว่าม่ะ!
Eau de Parfum คือ นํ้าหอมที่มีส่วนผสมของนํ้ามันหอมมากสุด 15-18 % ส่วน Eau de Toilette มีส่วนผสมของนํ้ามันหอมรองลงมา 4-8 % สุดท้าย Eau de Cologne มีส่วนผสมของนํ้ามันหอมน้อยสุดเพียง 3-5 % เท่านั้นแหล่ะ ความหอมลดหลั่นกันลงมา อีกทั้งราคายังแรงไม่เท่ากันตามความเข้มข้นของน้ำหอมนั่นเอง
ไม่เชื่อลองชำเลืองมองข้างกล่องสิ ถ้าใส่หัวน้ำหอมมากกว่านี้กลิ่นคงแรงเกินไป แถมราคายังสูงลิ่วจนเกินเอื้อมอีกด้วย อิอิ นี่ขนาดผสมน้อยยังสองสามพันกว่าบาทเลย ด้วยเหตุนี้ไงล่ะ ส่งผลสาวน้อยสาวใหญ่แห่กันไปซื้อน้ำหอมซีซีละไม่ถึงสิบบาท กลิ่นงี้ฉุนแทบจะสำลักสลบเลย ก็ผสมแอลกอฮอล์ซะโอเว่อร์ เกรงใจคนข้างๆ มั่งเหอะ
โดยมากน้ำหอมที่วางขายโดยทั่วไปมักจะเป็น Eau de Parfum และ Eau de Toilette แต่ที่ฮอตฮิตใช้ในเมืองไทยกันนั้นจะเป็น Eau de Toilette มากกว่า เพราะกลิ่นจะไม่แรงเท่า Parfum สงวนสิทธิ์ให้ฝรั่งตาน้ำข้าวเขาใช้ เนื่องจากเป็นประเทศหนาวฉีดน้ำหอมจนแทบจะอาบบางทียังไม่ติดกลิ่นเลย เพราะอุณหภูมิต่ำทำให้กลิ่นจางเร็ว ทว่าดินแดนสยามเป็นประเทศร้อนตับแล่บหากใช้ Parfum กลิ่นคงฉุนกึ๊ก! Eau de Toilette กลิ่นหอมชิวๆน่าจะเพียงพอ
แพล่มกันมาซะยืดยาว อ๊ะ!แล้วต้องฉีดจุดไหน บริเวณใดดีล่ะ กลิ่นถึงจะหอมฟุ้งยั่วใจชายให้เคลิ้ม อยู่หมัด!
จุดแรก
ตามจุดชีพจร
บรรดาจุดชีพจรต่างๆ เช่น ด้านในข้อมือ ข้อศอก ข้อพับใต้ติ่งหู ย้ำ! อย่าเผลอฉีดหลังใบหูเลยซะล่ะ
เพราะเป็นจุดที่มีต่อมผลิตน้ำมันเพียบ อาจจะทำให้กลิ่นของน้ำหอมแปรเปลี่ยนได้ จากหอมเย้ายวนอาจกลายเป็นเหม็นซะงั้น
บริเวณจุดชีพจรต่างๆ เหล่านี้สามารถทำให้กลิ่นของน้ำหอมที่ฉีดฟุ้งกระจายรอบๆ ตัวเราได้ อีกทั้งน้ำหอมจะระเหยได้ดีบนผิวเนื้อที่อุ่น ไม่ใช่เนื้อตัวเย็นเจี๊ยบ ดังนั้นจุดที่จะช่วยเร่งให้น้ำหอมส่งกลิ่นหอมได้มากและนานคือ จุดชีพจรนั่นเอง เพราะในทุกจังหวะที่ชีพจรเต้น มันจะทำหน้าที่ทางอ้อมช่วยกระตุ้นให้กลิ่นหอมฟุ้งกระจายออกมาเป็นจังหวะต่อเนื่อง หอม ห้อม หอม
จุดสอง
ซอกคอ ใต้กราม
ขาดเสียไม่ได้คือบริเวณซอกคอ ยามคุณหันซ้ายแลขวากลิ่นจะตลบขึ้นไป หากชายใดเผลอมาพูดใกล้ๆ หูอาจหลงหัวปักหัวปำยิ่งกว่าโดนของซะอีกแน่ะ
แหม! ยิ่งหากเป็นสาวปาร์ตี้ชอบเที่ยวกลางคืน ฉีดบริเวณซอกคอซักปรื้ด สองปรื้ดนะ หนุ่มๆ นี่อยากวิ่งรี่เข้ามาพูดใกล้ๆ เลยแหล่ะ ก็เสียงเพลงในผับบาร์เปิดดังเป็นใจซะขนาดนั้น พูดไกลๆ คงจะได้ยินหรอกนะ ชะนีบางนางอาจหูตึงเก๊ชั่วขณะ อะไรนะคะ ไม่ได้ยิน พูดอีกทีซิพร้อมทัดผมยื่นหูให้หนุ่มหน้าหล่อพูดอีกครั้งใกล้ๆ มารยาหญิงร้อยเล่มเกวียนจริงๆแม่คุณเอ้ย
จุดสาม
เนินร่องอก ไหปลาร้า สะดือ
เนินอกคือ จุดพักพิงของจมูกชายเวลาซุกไซ้ยามกุ๊กกิ๊ก พรมน้ำหอมบริเวณจุดนี้จะสะกิดใจชายให้เคลิบเคลิ้มอย่างแรง! หอมจากจุดชีพจร ซอกคอไปแล้ว ต่อเนื่องความหอมกันด้วยเนินอกให้สุขพริ้ม
แต้มน้ำหอมจัดเต็มยันกระดูกไหปลาร้า ไล่เรื่อยไปจนถึงจุดไคลแม็กซ์คือ สะดือ อ๊ะ! งงกันใหญ่ ฉีดสะดือเพื่อ... ก็เผื่อโดนคลุกวงในกลิ่นน้ำหอมจากสะดือจะโชยแตะจมูกสร้างความอิ่มเอมใช่เล่น
จุดสี่
ข้อพับขา-แขน
เป็นจุดที่ห้ามลืม เพราะช่วงข้อพับต่างๆเหล่านี้ ต้องกระพืออยู่ตลอดเวลา ราวกับพัดที่โบกสะบัดกลิ่นน้ำหอมจึงฉุยเตะจมูกคนข้างๆ แต่หากใส่เสื้อ-กางเกงยาวคงไม่ต้อง เพราะมันเปลือง! น้ำหอมไม่ใช่ขวดละบาทสองบาท สงวนไว้ให้สาวกระโปรงสั้น กางเกงเต่อสั้นเสมอเข็มขัดเค้าฉีดกันเหอะ
ยิ่งช่วงเวลาเดินหรือวิ่งด้วยนะกลิ่นจะโชยดีนักเชียว เพราะได้มีการเคลื่อนย้ายตัวโดยตลอด เวลากวัดแกว่งแขนขากลิ่นของน้ำหอมมันจะลอยขึ้นสู่ด้านบน ทำให้กลิ่นจะฟุ้งทั่วร่าง ยิ่งใส่กระโปรงสั้นพริ้วนะคุณเอ้ย กลิ่นงี้พุ่งนี้ออกมาเลยเชียว
จุดห้า
ตาตุ่ม กระดูกหน้าขา
หลายคนงุนงง สงสัย บ้ารึไง ฉีดตรงตาตุ่ม ตลกมากนักเหรอไง ไม่บ้าไม่ฮาหรอกจ้า ตรงตาตุ่มนี่แหล่ะโชยกลิ่นดีนักเชียว เพราะว่าเวลาก้าวเดินเยื้องย่างฉับๆ จะยิ่งทำให้กลิ่นน้ำหอมฟุ้งตลบจากเท้าขึ้นสู่ด้านบน แถมยังช่วยปิดบังกลิ่นไม่พึงประสงค์ของเท้าอีกต่างหาก สาวบางคนหน้าสวย แต่เท้าดันเหม็นเหมือนหนูตายเน่าชะมัด ฮิฮิ เช่นเดียวกับกระดูกหน้าขา ยามคุณใส่กระโปรงสั้นลมจะโบกสะบัดพัดกลิ่นน้ำหอมน่าเย้ายวนจะตาย
จะมาหอมแต่ช่วงบนอย่างเดียวได้ไง เป็นผู้หญิงต้องมันต้องหอมฟุ้งทั่วเรือนร่างตั้งแต่หัวจรดเท้า ถึงจะน่ากินทั้งตัว!
จุดหก
ขาหนีบ สะโพก
บางคนอาจเพิกเฉยต่ออวัยวะเหล่านี้ อาจคิดว่าโดนห่อหุ้มด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์ จึงไม่น่าจะมีกลิ่นเล็ดลอดออกมาได้ แต่หากคุณถอดเปลื้องเสื้อผ้าออกล่ะ! ยามคุณเล่นจ้ำจี้กับแฟน แน่นอนคุณต้องแสดงลีลาอาการผาดโผน
สะโพก ขาหนีบ เป็นจุดสำคัญที่คุณต้องใช้งานอย่างหนัก ไหนจะต้องโยกย้ายส่ายสะโพก แถมขาหนีบยังต้องอ้าซ่า 180 องศา ทุกท้วงท่าต้องใช้งานอย่างถึงพริกถึงขิง จึงไม่แปลกที่คุณจะพิถีพิถันพรมน้ำหอมตรงส่วนนี้เป็นพิเศษ เพราะคนที่ได้กลิ่นอาจจะไม่ใช่คุณ แต่เป็นแฟนคุณนั่นเอง เจ๋งม่ะ!
จุดสุดท้าย
อากาศ
ฉีดน้ำหอมใส่อากาศที่อยู่ข้างหน้าตัวคุณ โดยให้ห่างจากตัวประมาณ 6 นิ้ว จากนั้นรีบเดินผ่านให้ละอองน้ำหอมติดตัวทั่วทุกจุด แต่อย่าเดินเชื่องช้ามากล่ะ เดี๋ยวกลิ่นน้ำหอมหายกลืนไปกับอากาศไม่รู้ด้วย
วิธีนี้เหมาะสำหรับน้ำหอมที่มีกลิ่นติดทนนานประเภท Eau de parfum เพราะจะมีกลิ่นฉุน กลิ่นติดทนนาน แถมกลิ่นที่ได้จะเป็นธรรมชาติ หอมทั่วร่าง ขนาดเส้นผมยังได้อานิสงส์หอมตามไปอีกด้วยนะจ๊ะ แต่หากไม่ใช่ Eau de parfum เมื่อฉีดไปบนอากาศกลิ่นคงกู่ไม่กลับ จางหายไปในอากาศอย่างไว เสียของตาย!
วิธีนี้ผู้เชี่ยวชาญเขาแนะนำ...แต่เราขอบาย เพราะนี่คือน้ำหอมขวดกระจิ๊ดริดแต่ราคาแพงเรือนพันนะยะ ไม่ใช่สเปรย์ปรับอากาศในห้องขวดไม่ถึงร้อย จะได้ฉีดใส่อากาศ มันคุ้มเหรอ!!!
-> รู้หรือไม่
-ห้ามถูน้ำหอมให้ซึมเข้าไปในผิว เพราะจะทำให้น้ำหอม "ช้ำ" ควรฉีดน้ำหอมลงบนผิว และปล่อยให้แห้งเองตามธรรมชาติ อย่าถูข้อมือเข้าหากัน เพราะอาจสร้างความรบกวนให้น้ำหอมมีกลิ่นที่ผิดเพี้ยนไปได้ แค่ฉีดแล้วปล่อยให้น้ำหอมเซ็ตตัวก็เพียงพอ
-น้ำหอมจะเกิดปฎิกิริยาตอบโต้กับฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกาย ฉะนั้นอย่าหวังว่าน้ำหอมกลิ่นโปรดของคุณจะส่งกลิ่นเดิม เวลาที่คุณเครียด มีรอบเดือน หรือตั้งครรภ์
-หากต้องการให้กลิ่นหอมติดทนนานบนผิวกายควรฉีดพรมน้ำหอมหลังทาโลชันบำรุงผิว แต่ไม่ว่าอย่างไรการฉีดน้ำหอมเพียงครั้งเดียวก็ไม่สามารถทำให้กลิ่นอยู่ได้นานตลอดวัน ดังนั้นหากต้องการให้กลิ่นหอมอยู่ทนบนผิวกายตลอดวัน ควรฉีดน้ำหอมวันละ 2-3 ครั้งเป็นอย่างน้อย (ถ้าไม่กลัวเปลือง)
-หากใส่น้ำหอมแล้วต้องอยู่ในที่อากาศเย็นเจี๊ยบให้เลือกน้ำหอมที่มีกลิ่นแรงกว่าปกติ เนื่องจากความเย็นหรืออุณหภูมิต่ำจะลดกลิ่นหอมของน้ำหอมให้ลดน้อยลงกว่าที่ควรเป็น และการฉีดน้ำหอมทันทีหลังจากอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ จะช่วยทำให้กลิ่นหอมติดทนนานกว่าปกติอีกด้วย
-เมื่อฉีดน้ำหอมครั้งแรก กลิ่นที่จะได้รับจะมีลักษณะหอมสดชื่นและบางเบา กลิ่นแรกจะอยู่ได้ประมาณ 15 นาที และจางหายไปอย่างรวดเร็ว กลิ่นต่อไปคือ กลิ่นกลาง ถือเป็นหัวใจช่วงไพร์มไทม์ของน้ำหอม เป็นช่วงที่กลิ่นจะกระจายตัวอย่างเต็มที่บนผิวกาย จะคงอยู่ประมาณ 2-4 ชั่วโมง กลิ่นสุดท้ายคือ กลิ่นพื้นฐาน เป็นกลิ่นเข้มข้นที่สุดที่เหลืออยู่ จะแสดงกลิ่นเมื่อเวลาผ่านไป ประมาณ 4-6 ชั่วโมง จากนั้นจะค่อยๆ จางหายไปในที่สุด
-ควรเก็บขวดนํ้าหอมไว้ในสถานที่เย็น มืด เช่นตู้เย็น หากเก็บตามดังวิธีเหล่านี้ น้ำหอมจะสามารถอยู่ได้ถึง 3 ปีนับจากวันที่ผลิต โดยที่กลิ่นของนํ้าหอมก็จะไม่เปลี่ยน ในทางกลับกันหากเก็บนํ้าหอมไม่ถูกวิธี จะทำให้ยิ่งเสื่อมเร็วและจะกลายเป็นกรดในที่สุด
-บางคนคิดว่าการฉีดน้ำหอมบริเวณจั๊กกุแร้ เป็นวิธีที่เริ่ดมาก เนื่องจากน้องเต่าเป็นจุดที่มีความร้อนกลิ่นคงโชยหอมสะบัด แต่เราไม่ขอแนะ เนื่องจากแอลกอฮอล์จะกัดน้องเต่าของคุณจี๊ดๆ ซี้ดซ้าด รักแร้ดำอีกต่างหาก นอกจากนี้การที่รักแร้ของคุณงับน้องเต่าไว้จะเก็บกลิ่นทั้งหมดที่คุณระดมฉีดใต้วงแขน บริเวณอับอากาศลมพัดผ่านไม่ได้ซะขนาดนั้น จะมีกลิ่นใดเล็ดลอดออกมาได้ล่ะ คิดดูซิ!
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
เกิดเป็นสาวเป็นนางนอกจากต้องทำตัวให้สวยเริ่ดหัวจรดเท้าแล้ว กลิ่นตัวยังต้องหอมกรุ่นน่าดอมดมด้วย จะมาทำตัวเหม็นเปรี้ยวกลิ่นขี้เต่าโชยหึ่งเห็นทีคุณผู้ชายคงบ้ายบาย แถมแอบเม้าท์กระจาย อุ้ยอายตายแทบจะเอาปี๊บคลุม!
แต่ก็มีสาวๆ หลายคนฉีดพรมน้ำหอมไม่เป็นซะงั้น เอะอะฉีดปรี๊ดใส่เสื้อผ้าลูกเดียว แอบเห็นเป็นวงดวงตามเสื้อผ้า สุดแสนจะน่าเกลียด เซียนน้ำหอมของแท้มันต้องฉีดให้ตรงจุดซิ!
งั้น! เรามาเปิดกรุความรู้เรื่องราวของน้ำหอมกันดีกว่าม่ะ!
Eau de Parfum คือ นํ้าหอมที่มีส่วนผสมของนํ้ามันหอมมากสุด 15-18 % ส่วน Eau de Toilette มีส่วนผสมของนํ้ามันหอมรองลงมา 4-8 % สุดท้าย Eau de Cologne มีส่วนผสมของนํ้ามันหอมน้อยสุดเพียง 3-5 % เท่านั้นแหล่ะ ความหอมลดหลั่นกันลงมา อีกทั้งราคายังแรงไม่เท่ากันตามความเข้มข้นของน้ำหอมนั่นเอง
ไม่เชื่อลองชำเลืองมองข้างกล่องสิ ถ้าใส่หัวน้ำหอมมากกว่านี้กลิ่นคงแรงเกินไป แถมราคายังสูงลิ่วจนเกินเอื้อมอีกด้วย อิอิ นี่ขนาดผสมน้อยยังสองสามพันกว่าบาทเลย ด้วยเหตุนี้ไงล่ะ ส่งผลสาวน้อยสาวใหญ่แห่กันไปซื้อน้ำหอมซีซีละไม่ถึงสิบบาท กลิ่นงี้ฉุนแทบจะสำลักสลบเลย ก็ผสมแอลกอฮอล์ซะโอเว่อร์ เกรงใจคนข้างๆ มั่งเหอะ
โดยมากน้ำหอมที่วางขายโดยทั่วไปมักจะเป็น Eau de Parfum และ Eau de Toilette แต่ที่ฮอตฮิตใช้ในเมืองไทยกันนั้นจะเป็น Eau de Toilette มากกว่า เพราะกลิ่นจะไม่แรงเท่า Parfum สงวนสิทธิ์ให้ฝรั่งตาน้ำข้าวเขาใช้ เนื่องจากเป็นประเทศหนาวฉีดน้ำหอมจนแทบจะอาบบางทียังไม่ติดกลิ่นเลย เพราะอุณหภูมิต่ำทำให้กลิ่นจางเร็ว ทว่าดินแดนสยามเป็นประเทศร้อนตับแล่บหากใช้ Parfum กลิ่นคงฉุนกึ๊ก! Eau de Toilette กลิ่นหอมชิวๆน่าจะเพียงพอ
แพล่มกันมาซะยืดยาว อ๊ะ!แล้วต้องฉีดจุดไหน บริเวณใดดีล่ะ กลิ่นถึงจะหอมฟุ้งยั่วใจชายให้เคลิ้ม อยู่หมัด!
จุดแรก
ตามจุดชีพจร
บรรดาจุดชีพจรต่างๆ เช่น ด้านในข้อมือ ข้อศอก ข้อพับใต้ติ่งหู ย้ำ! อย่าเผลอฉีดหลังใบหูเลยซะล่ะ
เพราะเป็นจุดที่มีต่อมผลิตน้ำมันเพียบ อาจจะทำให้กลิ่นของน้ำหอมแปรเปลี่ยนได้ จากหอมเย้ายวนอาจกลายเป็นเหม็นซะงั้น
บริเวณจุดชีพจรต่างๆ เหล่านี้สามารถทำให้กลิ่นของน้ำหอมที่ฉีดฟุ้งกระจายรอบๆ ตัวเราได้ อีกทั้งน้ำหอมจะระเหยได้ดีบนผิวเนื้อที่อุ่น ไม่ใช่เนื้อตัวเย็นเจี๊ยบ ดังนั้นจุดที่จะช่วยเร่งให้น้ำหอมส่งกลิ่นหอมได้มากและนานคือ จุดชีพจรนั่นเอง เพราะในทุกจังหวะที่ชีพจรเต้น มันจะทำหน้าที่ทางอ้อมช่วยกระตุ้นให้กลิ่นหอมฟุ้งกระจายออกมาเป็นจังหวะต่อเนื่อง หอม ห้อม หอม
จุดสอง
ซอกคอ ใต้กราม
ขาดเสียไม่ได้คือบริเวณซอกคอ ยามคุณหันซ้ายแลขวากลิ่นจะตลบขึ้นไป หากชายใดเผลอมาพูดใกล้ๆ หูอาจหลงหัวปักหัวปำยิ่งกว่าโดนของซะอีกแน่ะ
แหม! ยิ่งหากเป็นสาวปาร์ตี้ชอบเที่ยวกลางคืน ฉีดบริเวณซอกคอซักปรื้ด สองปรื้ดนะ หนุ่มๆ นี่อยากวิ่งรี่เข้ามาพูดใกล้ๆ เลยแหล่ะ ก็เสียงเพลงในผับบาร์เปิดดังเป็นใจซะขนาดนั้น พูดไกลๆ คงจะได้ยินหรอกนะ ชะนีบางนางอาจหูตึงเก๊ชั่วขณะ อะไรนะคะ ไม่ได้ยิน พูดอีกทีซิพร้อมทัดผมยื่นหูให้หนุ่มหน้าหล่อพูดอีกครั้งใกล้ๆ มารยาหญิงร้อยเล่มเกวียนจริงๆแม่คุณเอ้ย
จุดสาม
เนินร่องอก ไหปลาร้า สะดือ
เนินอกคือ จุดพักพิงของจมูกชายเวลาซุกไซ้ยามกุ๊กกิ๊ก พรมน้ำหอมบริเวณจุดนี้จะสะกิดใจชายให้เคลิบเคลิ้มอย่างแรง! หอมจากจุดชีพจร ซอกคอไปแล้ว ต่อเนื่องความหอมกันด้วยเนินอกให้สุขพริ้ม
แต้มน้ำหอมจัดเต็มยันกระดูกไหปลาร้า ไล่เรื่อยไปจนถึงจุดไคลแม็กซ์คือ สะดือ อ๊ะ! งงกันใหญ่ ฉีดสะดือเพื่อ... ก็เผื่อโดนคลุกวงในกลิ่นน้ำหอมจากสะดือจะโชยแตะจมูกสร้างความอิ่มเอมใช่เล่น
จุดสี่
ข้อพับขา-แขน
เป็นจุดที่ห้ามลืม เพราะช่วงข้อพับต่างๆเหล่านี้ ต้องกระพืออยู่ตลอดเวลา ราวกับพัดที่โบกสะบัดกลิ่นน้ำหอมจึงฉุยเตะจมูกคนข้างๆ แต่หากใส่เสื้อ-กางเกงยาวคงไม่ต้อง เพราะมันเปลือง! น้ำหอมไม่ใช่ขวดละบาทสองบาท สงวนไว้ให้สาวกระโปรงสั้น กางเกงเต่อสั้นเสมอเข็มขัดเค้าฉีดกันเหอะ
ยิ่งช่วงเวลาเดินหรือวิ่งด้วยนะกลิ่นจะโชยดีนักเชียว เพราะได้มีการเคลื่อนย้ายตัวโดยตลอด เวลากวัดแกว่งแขนขากลิ่นของน้ำหอมมันจะลอยขึ้นสู่ด้านบน ทำให้กลิ่นจะฟุ้งทั่วร่าง ยิ่งใส่กระโปรงสั้นพริ้วนะคุณเอ้ย กลิ่นงี้พุ่งนี้ออกมาเลยเชียว
จุดห้า
ตาตุ่ม กระดูกหน้าขา
หลายคนงุนงง สงสัย บ้ารึไง ฉีดตรงตาตุ่ม ตลกมากนักเหรอไง ไม่บ้าไม่ฮาหรอกจ้า ตรงตาตุ่มนี่แหล่ะโชยกลิ่นดีนักเชียว เพราะว่าเวลาก้าวเดินเยื้องย่างฉับๆ จะยิ่งทำให้กลิ่นน้ำหอมฟุ้งตลบจากเท้าขึ้นสู่ด้านบน แถมยังช่วยปิดบังกลิ่นไม่พึงประสงค์ของเท้าอีกต่างหาก สาวบางคนหน้าสวย แต่เท้าดันเหม็นเหมือนหนูตายเน่าชะมัด ฮิฮิ เช่นเดียวกับกระดูกหน้าขา ยามคุณใส่กระโปรงสั้นลมจะโบกสะบัดพัดกลิ่นน้ำหอมน่าเย้ายวนจะตาย
จะมาหอมแต่ช่วงบนอย่างเดียวได้ไง เป็นผู้หญิงต้องมันต้องหอมฟุ้งทั่วเรือนร่างตั้งแต่หัวจรดเท้า ถึงจะน่ากินทั้งตัว!
จุดหก
ขาหนีบ สะโพก
บางคนอาจเพิกเฉยต่ออวัยวะเหล่านี้ อาจคิดว่าโดนห่อหุ้มด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์ จึงไม่น่าจะมีกลิ่นเล็ดลอดออกมาได้ แต่หากคุณถอดเปลื้องเสื้อผ้าออกล่ะ! ยามคุณเล่นจ้ำจี้กับแฟน แน่นอนคุณต้องแสดงลีลาอาการผาดโผน
สะโพก ขาหนีบ เป็นจุดสำคัญที่คุณต้องใช้งานอย่างหนัก ไหนจะต้องโยกย้ายส่ายสะโพก แถมขาหนีบยังต้องอ้าซ่า 180 องศา ทุกท้วงท่าต้องใช้งานอย่างถึงพริกถึงขิง จึงไม่แปลกที่คุณจะพิถีพิถันพรมน้ำหอมตรงส่วนนี้เป็นพิเศษ เพราะคนที่ได้กลิ่นอาจจะไม่ใช่คุณ แต่เป็นแฟนคุณนั่นเอง เจ๋งม่ะ!
จุดสุดท้าย
อากาศ
ฉีดน้ำหอมใส่อากาศที่อยู่ข้างหน้าตัวคุณ โดยให้ห่างจากตัวประมาณ 6 นิ้ว จากนั้นรีบเดินผ่านให้ละอองน้ำหอมติดตัวทั่วทุกจุด แต่อย่าเดินเชื่องช้ามากล่ะ เดี๋ยวกลิ่นน้ำหอมหายกลืนไปกับอากาศไม่รู้ด้วย
วิธีนี้เหมาะสำหรับน้ำหอมที่มีกลิ่นติดทนนานประเภท Eau de parfum เพราะจะมีกลิ่นฉุน กลิ่นติดทนนาน แถมกลิ่นที่ได้จะเป็นธรรมชาติ หอมทั่วร่าง ขนาดเส้นผมยังได้อานิสงส์หอมตามไปอีกด้วยนะจ๊ะ แต่หากไม่ใช่ Eau de parfum เมื่อฉีดไปบนอากาศกลิ่นคงกู่ไม่กลับ จางหายไปในอากาศอย่างไว เสียของตาย!
วิธีนี้ผู้เชี่ยวชาญเขาแนะนำ...แต่เราขอบาย เพราะนี่คือน้ำหอมขวดกระจิ๊ดริดแต่ราคาแพงเรือนพันนะยะ ไม่ใช่สเปรย์ปรับอากาศในห้องขวดไม่ถึงร้อย จะได้ฉีดใส่อากาศ มันคุ้มเหรอ!!!
-> รู้หรือไม่
-ห้ามถูน้ำหอมให้ซึมเข้าไปในผิว เพราะจะทำให้น้ำหอม "ช้ำ" ควรฉีดน้ำหอมลงบนผิว และปล่อยให้แห้งเองตามธรรมชาติ อย่าถูข้อมือเข้าหากัน เพราะอาจสร้างความรบกวนให้น้ำหอมมีกลิ่นที่ผิดเพี้ยนไปได้ แค่ฉีดแล้วปล่อยให้น้ำหอมเซ็ตตัวก็เพียงพอ
-น้ำหอมจะเกิดปฎิกิริยาตอบโต้กับฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกาย ฉะนั้นอย่าหวังว่าน้ำหอมกลิ่นโปรดของคุณจะส่งกลิ่นเดิม เวลาที่คุณเครียด มีรอบเดือน หรือตั้งครรภ์
-หากต้องการให้กลิ่นหอมติดทนนานบนผิวกายควรฉีดพรมน้ำหอมหลังทาโลชันบำรุงผิว แต่ไม่ว่าอย่างไรการฉีดน้ำหอมเพียงครั้งเดียวก็ไม่สามารถทำให้กลิ่นอยู่ได้นานตลอดวัน ดังนั้นหากต้องการให้กลิ่นหอมอยู่ทนบนผิวกายตลอดวัน ควรฉีดน้ำหอมวันละ 2-3 ครั้งเป็นอย่างน้อย (ถ้าไม่กลัวเปลือง)
-หากใส่น้ำหอมแล้วต้องอยู่ในที่อากาศเย็นเจี๊ยบให้เลือกน้ำหอมที่มีกลิ่นแรงกว่าปกติ เนื่องจากความเย็นหรืออุณหภูมิต่ำจะลดกลิ่นหอมของน้ำหอมให้ลดน้อยลงกว่าที่ควรเป็น และการฉีดน้ำหอมทันทีหลังจากอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ จะช่วยทำให้กลิ่นหอมติดทนนานกว่าปกติอีกด้วย
-เมื่อฉีดน้ำหอมครั้งแรก กลิ่นที่จะได้รับจะมีลักษณะหอมสดชื่นและบางเบา กลิ่นแรกจะอยู่ได้ประมาณ 15 นาที และจางหายไปอย่างรวดเร็ว กลิ่นต่อไปคือ กลิ่นกลาง ถือเป็นหัวใจช่วงไพร์มไทม์ของน้ำหอม เป็นช่วงที่กลิ่นจะกระจายตัวอย่างเต็มที่บนผิวกาย จะคงอยู่ประมาณ 2-4 ชั่วโมง กลิ่นสุดท้ายคือ กลิ่นพื้นฐาน เป็นกลิ่นเข้มข้นที่สุดที่เหลืออยู่ จะแสดงกลิ่นเมื่อเวลาผ่านไป ประมาณ 4-6 ชั่วโมง จากนั้นจะค่อยๆ จางหายไปในที่สุด
-ควรเก็บขวดนํ้าหอมไว้ในสถานที่เย็น มืด เช่นตู้เย็น หากเก็บตามดังวิธีเหล่านี้ น้ำหอมจะสามารถอยู่ได้ถึง 3 ปีนับจากวันที่ผลิต โดยที่กลิ่นของนํ้าหอมก็จะไม่เปลี่ยน ในทางกลับกันหากเก็บนํ้าหอมไม่ถูกวิธี จะทำให้ยิ่งเสื่อมเร็วและจะกลายเป็นกรดในที่สุด
-บางคนคิดว่าการฉีดน้ำหอมบริเวณจั๊กกุแร้ เป็นวิธีที่เริ่ดมาก เนื่องจากน้องเต่าเป็นจุดที่มีความร้อนกลิ่นคงโชยหอมสะบัด แต่เราไม่ขอแนะ เนื่องจากแอลกอฮอล์จะกัดน้องเต่าของคุณจี๊ดๆ ซี้ดซ้าด รักแร้ดำอีกต่างหาก นอกจากนี้การที่รักแร้ของคุณงับน้องเต่าไว้จะเก็บกลิ่นทั้งหมดที่คุณระดมฉีดใต้วงแขน บริเวณอับอากาศลมพัดผ่านไม่ได้ซะขนาดนั้น จะมีกลิ่นใดเล็ดลอดออกมาได้ล่ะ คิดดูซิ!
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net