ชื่อของ "ทอม ฟอร์ด" ได้ถูกยกย่องให้เป็นดีไซเนอร์ผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งในโลกแฟชั่น แต่ในปีหน้านี้เขากำลังจะกลับมาเขย่าวงการฮอลลีวูด ด้วยการเป็นผู้ผลิตภาพยนตร์ ...ฝันไกลไปถึงรางวัลออสการ์!
ทอม ฟอร์ด อดีตดีไซเนอร์มือหนึ่งของกุชชี (Gucci) เปิดเผยถึงการผันตัวเองมาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ว่า ก่อนที่จะตัดสินใจทำหนังเรื่อง “A Single Man” เขาคิดทบทวนและใคร่ครวญอย่างหนักอยู่นาน เพราะรู้ดีว่าทั้งชีวิตคลุกคลีอยู่แต่ในวงการแฟชั่น ดังนั้น เมื่อคิดจะทำหนังสักเรื่องหนึ่งจึงจำเป็นต้องตอบคำถามสำคัญให้ได้ว่า “ทำไมผู้คนทั่วโลกจึงต้องดูหนังของเขา!?”
ฟอร์ด ใช้เวลาครุ่นคิดหาบทภาพยนตร์ที่ตัวเองถนัดเป็นเวลานาน จนมาลงเอยที่การเลือกสร้างภาพยนตร์จากการดัดแปลงเนื้อเรื่องของนวนิยาย แต่คำถามต่อไปก็คือ แล้วนวนิยายเรื่องใดล่ะที่เหมาะจะนำมาทำเป็นภาพยนตร์ในแบบฉบับของเขา
หลังจากอ่านนวนิยายอยู่หลายเล่ม เช้าวันหนึ่งระหว่างที่กำลังขับรถไปทำงาน ไอเดียเขาก็ปิ๊งให้หวนกลับไปคิดถึงตัวละครในนวนิยายเรื่องหนึ่งที่เคยอ่านเมื่อครั้งยังเป็นวัยรุ่น จากบทประพันธ์ของนักเขียนชาวอังกฤษชื่อ "คริสโตเฟอร์ อิเชอร์วูด" เรื่อง “A Single Man” ที่มี "จอร์จ" เป็นตัวละครเอกของเรื่อง และนั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นให้เขาหันกลับไปอ่านนวนิยายเรื่องนั้นอีกครั้งเพื่อความชัวร์
ทอม ฟอร์ด ยอมรับว่าเขาเคยพบกับ คริสโตเฟอร์ อิเชอร์วูด ครั้งหนึ่ง หลังจากที่อ่าน A Single Man ครั้งแรก แม้ไม่ได้ทำความรู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่อิเชอร์วูดก็กลายเป็นนักเขียนที่เขาชื่นชอบ ฟอร์ดติดตามผลงานของอิเชอร์วูดมาอย่างต่อเนื่อง เพราะดีไซเนอร์ผู้นี้รู้สึกว่าบทประพันธ์ของอิเชอร์วูดสามารถสื่อสารกับเขาได้อย่างน่าประหลาดใจ
และการกลับมาอ่าน A Single Man อีกครั้งด้วยวัยสี่สิบกว่า ยังคงรู้สึกสนุกเช่นนั้นเสมอ เพียงแต่ว่าครั้งนี้ความเข้าใจการสื่อสารระหว่างเขากับหนังสือแตกต่างจากเมื่อครั้งเป็นวัยรุ่น ซึ่ง A Single Man พาให้เขาเห็นแก่นแท้ของชีวิต และจิตวิญญาณของเขากับอิเชอร์วูด ผ่านบุคคลที่ 3 นั่นคือ “จอร์จ” ตัวละครนำของเรื่อง ซึ่งยิ่งอ่านก็ยิ่งเข้าถึงแกร่นแท้ของเนื้อหา ดังนั้น จึงทำให้เขาไม่ลังเลที่จะตัดสินใจเลือกเอานวนิยายเรื่องนี้มาทำเป็นภาพยนตร์ให้คนทั่วโลกต้องชื่นชม
ฟอร์ดใช้เวลาถึงปีครึ่งในการสร้างบทภาพยนตร์ และร่างฉากต่างๆคร่าวๆ จากหนังสือ A Single Man ซึ่งต้องเพิ่มเติมฉากและบทสนทนาเข้าไปอีกมากมายเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ในแบบฉบับของตัวเอง การเดินเรื่องภาพยนตร์ และลงทุนเขียนสคริปต์หนังด้วยตัวเองเป็นเวลานาน ทำให้เขาเข้าใจเนื้อเรื่องอย่างถ่องแท้
การเดินเรื่องด้วยการกล่าวถึงตัวละครชาวอังกฤษอย่าง "จอร์จ" ที่เดินทางข้ามมหาสมุทรมายังสหรัฐอเมริกาหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อค้นหาชีวิตใหม่ ฟอร์ดจึงต้องหานักแสดงที่เป็นชาวอังกฤษแท้ๆ ซึ่งอยู่ในวัยใกล้เคียงกัน ที่สำคัญนักแสดงที่จะมารับบทจอร์จจะต้องมีแรงดึงดูดให้ผู้ชมคล้อยตามไปกับตัวละคร โดยชื่อแรกที่ฟอร์ดนึกถึงจึงไปลงเอยที่ “โคลิน เฟิร์ต”
แต่ดูเหมือนตอนนั้นเฟิร์ตจะไม่มีเวลาว่างพอที่จะมาร่วมแคสติ้ง ฟอร์ดจึงหันไปแคสติ้งนักแสดงคนอื่นๆ แต่ก็ไม่โดนใจ เพราะเฟิร์ตนั่นแหละคือคนที่เหมาะสมที่สุดในบทของจอร์จ ฟอร์ดพยายามอีกครั้งด้วยการส่งบทภาพยนตร์ไปให้เฟิร์ตพิจารณา และตัดสินใจเดินทางไปพบกับเฟิร์ตด้วยตัวเองถึงกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ จนในที่สุดนักแสดงชาวอังกฤษได้ตอบตกลงรับบทจอร์จ ใน A Single Man ภาค ทอม ฟอร์ด
ทอม และ เฟิร์ต เริ่มต้นถ่ายทำ A Single Man ทันทีในเดือนถัดมา โดยเขาลงมือปรุงเองตั้งแต่เขียนสคริปต์เอง ร่างฉากเอง หรือแม้กระทั่งเรื่องการกำกับ ที่ตอนแรกเขาได้ลิสต์รายชื่อผู้ที่จะทำหน้ากำกับการแสดงมายาวเป็นหาว่าว ไม่ว่าจะเป็น อัลเฟรด ฮิตช์คอก หรือแม้แต่ผู้กำกับเลือดเอเชีย อย่าง หว่อง กาไว แต่สุดท้ายเขาก็พบว่า ตัวเองนี่แหละ คือ ผู้กำกับภาพยนตร์! พร้อมกับควักเงินจ่ายการผลิตเองทั้งหมด เพื่อตัดปัญหาเรื่องความอิสระในการทำงานสไตล์ดีไซเนอร์ที่ชอบคิดนอกกรอบ
ไม่นานนัก A Single Man ฉบับภาพยนตร์ก็เสร็จสมบูรณ์ ฟอร์ด ยอมรับว่าภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ "เกย์!" ทว่า มันไม่ใช่เพียงแค่หนังเกย์ธรรมดา แต่มันเป็นมากกว่าเกย์! และมีคุณค่าที่คนดูจะได้รับจาก A Single Man เช่นเดียวกับ Milk หรือ Brokeback Mountain ที่ประสบความสำเร็จอย่างที่เราได้เห็นกัน
และดูเหมือนว่าคำบอกกล่าวของอดีตดีไซเนอร์มือหนึ่งของกุชชีผู้นี้จะไม่ได้ดูโอ้อวดเกินไป เพราะ A Single Man ได้รับการเลือกไปฉายในนิทรรศการภาพยนตร์ชื่อดังหลายแห่ง แถมยังมีชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์หลายรางวัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทนักแสดงนำของ “โคลิน เฟิร์ต”
และนี่คงเป็นการตอบโจทย์แรกของ "ทอม ฟอร์ด" ได้อย่างดีว่า “ทำไมผู้คนทั่วโลกจึงต้องดูหนังของเขา!?” และเป็นบทพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้ยิ่งใหญ่เฉพาะในโลกแฟชั่นเท่านั้น!
