นับตั้งแต่มีการเปลี่ยนโฉม MacBook Air มาเป็นดีไซน์ปัจจุบัน พร้อมกับปรับราคาเริ่มต้นที่ขยับขึ้นไปในช่วง 3 หมื่นปลายๆ ถึง 4 หมื่นต้นๆ ทำให้ที่ผ่านมา MacBook Air นับเป็นแล็ปท็อปแบบพกพาที่ราคาค่อนข้างสูง แม้จะเป็นรุ่นเริ่มต้นก็ตาม
ก่อนที่ในที่สุด MacBook Air รุ่นปี 2025 ที่มากับชิป Apple M4 ได้ย้อนกลับมาอยู่ในจุดเดิมที่ให้แมคบุ๊ก ประสิทธิภาพสูง แบตอึด ในราคาเริ่มต้นที่ 34,900 บาท ทำให้กลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกคุ้มค่าสำหรับโน้ตบุ๊ก และผู้ที่ต้องการใช้งานอีโคซิสเตมส์ของแอปเปิล
แน่นอนว่า ในตลาดยังมีโน้ตบุ๊กที่ราคาต่ำหว่า 3 หมื่นบาทให้เลือก ทั้งในกลุ่มของโน้ตบุ๊ก วินโดวส์ หรือแม้แต่ MacBook Air ที่ใช้ชิป M2 หรือ M3 แต่เมื่อเทียบแล้วกลายเป็นว่าเพิ่มงบประมาณอีกนิดเพื่อซื้อรุ่นใหม่ แล้วใช้งานยาวๆ รองรับการอัปเดตต่อเนื่องไป MacBook Air M4 ยังเป็นตัวเลือกที่คุ้มที่สุดอยู่ดี
ดีไซน์เดิม พร้อมสีใหม่ Sky Blue
ในแง่ของรูปลักษณ์ภายนอก ส่วนเดียวที่มีการเปลี่ยนแปลงในรอบปีนี้คือการเพิ่มตัวเลือกสีใหม่อย่าง Sky Blue เข้ามา ทำให้ไลน์สินค้าของ MacBook Air M4 ในปีนี้ มีตัวเลือกทั้งสีใหม่นี้ และ 3 สีเดิมอย่างสตาร์ทไลท์ เงิน และมิดไนท์ พร้อมกับตัดสีเทาสเปซเกรย์ออกไป
ตัวเครื่อง MacBook Air M4 ยังมาให้เลือกด้วยกัน 2 ขนาดหน้าจอคือ 13.6 นิ้ว และ 15.3 นิ้ว ซึ่งเป็นการออกต่อเนื่องมาตั้งแต่ยุคของชิป M2 และ M3 ที่เปิดทางให้ผู้ใช้งานเลือกขนาดหน้าจอได้ตามต้องการ โดยนอกจากเรื่องของจอที่ต่างกันแล้ว รุ่นหน้าจอใหญ่จะได้แบตเตอรีที่ใหญ่กว่า และมีลำโพงที่ให้เสียงที่ทรงพลังมากขึ้น
กลับมาที่ MacBook Air สีใหม่ Sky Blue รุ่นนี้ นับว่าเป็นการเติมไลน์สินค้าในกลุ่มสีฟ้าเพิ่มเข้ามาจากที่ก่อนหน้านี้ เราได้เห็นสินค้าทั้งในกลุ่มของ iPad และ iMac ที่มากับตัวเลือกสีฟ้า และช่วยเพิ่มตัวเลือกให้กลุ่มผู้ใช้งานโน้ตบุ๊กที่อยากได้เครื่องที่มีสีสันเพิ่มเติม
ขณะเดียวกัน ยังเป็นเทรนด์ในการใช้งานของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ไม่อยากได้เครื่องสีเดิมซ้ำๆ และมีความจำเจอย่างสีดำ หรือสีเทา ทำให้สินค้ามีความทันสมัยมากขึ้น ประกอบกับเมื่อโดนแสงในมุมต่างๆ จะให้เฉดสีที่แตกต่างกัน เพิ่มเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรุ่น M4 ขึ้นมา
หน้าจอของ MacBook Air M4 ยังคงใช้ Liquid Retina ที่มากับอัตราการรีเฟรชหน้าจอ 60 Hz ความสว่างสูงสุด 500 nits เช่นเดิม แม้ว่าปัจจุบันในท้องตลาดจะเริ่มเห็นโน้ตบุ๊กที่ใช้จอ OLED ในระดับราคานี้แล้วก็ตาม หรือแม้แต่ในกลุ่มสินค้าของ MacBook Pro ที่มีการอัปเกรดหน้าจอไปก่อนหน้านี้
ดังนั้น ถ้าอยากได้โน้ตบุ๊กที่มีหน้าจอสวย คมชัด สู้แสง ทำให้สามารถใช้งานนอกสถานที่ได้ อาจต้องข้ามไปยัง MacBook Pro M4 ที่ราคาเริ่มต้นราว 54,900 บาท แทน ซึ่งจะได้หน้าจอ Liquid Retina XDR พร้อม ProMotion 120 Hz และยังมีตัวเลือกเคลือบสารกันแสงสะท้อน (Nano Texture) เพื่อใช้งานด้วย
อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่ได้เป็นกลุ่มมืออาชีพที่ต้องใช้งานจอเพื่อสร้างสรรค์ผลงาน เพียงแค่ใช้งานทั่วไป ทำงานเอกสาร ท่องเว็บไซต์ ใช้งานเพื่อความบันเทิงต่างๆ หน้าจอของ MacBook Air M4 ก็นับว่าตอบโจทย์การใช้งานอยู่แล้ว
สำหรับคีย์บอร์ดของ MacBook Air M4 รุ่นนี้ ยังคงเป็น Magic Keyboard เช่นเดิม โดยมีจุดที่เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยคือในปุ่มปิดเสียง (Mute) ในรอบนี้ Apple ได้เปลี่ยนสัญลักษณ์เป็นเสียงมาเป็นรูปลำโพงคาดเส้น แทนการใช้ลำโพงแบบไม่มีขีดเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น
ส่วนของปุ่ม Touch ID ที่ใช้งานเพื่อเปิดเครื่อง และสแกนลายนิ้วมือยังมีมาให้เหมือนเดิม เช่นเดียวกับแทร็กแพดแบบ Force Touch ที่รองรับการสั่งงานแบบมัลติทัช ซึ่งมีความลื่นไหล และเป็นจุดเด่นของเครื่องแมคบุ๊กอยู่แล้วมาให้ใช้งานเหมือเดิม
สำหรับพอร์ตเชื่อมต่อ ยังคงมีจำกัดเช่นเดิมคือมีพอร์ตเสียบหูฟัง 3.5 มม. ทางฝั่งขวา และพอร์ต Thunderbolt 4 มาให้ 2 พอร์ต ทางฝั่งซ้าย รองรับความเร็วในการส่งข้อมูล 40 Gbps และยังสามารถเป็นช่องเสียบชาร์จ และต่อจอนอกได้ด้วย
โดยที่ในรอบนี้ MacBook Air M4 มีการอัปเกรดให้สามารถเชื่อมต่อจอนอก 6K 60 Hz ได้พร้อมกัน 2 จอ รวมกับจอของตัวเครื่องเป็น 3 หน้าจอ จากที่รุ่นก่อนหน้านี้ถ้ามีการเชื่อมต่อ 2 จอ จะต้องพับหน้าจอของ MacBook Air ลงมา
พอร์ตชาร์จ MagSafe 3 ยังคงมีมาให้ใช้งานเช่นเดิม โดยอะเดปเตอร์ที่แถมมาให้ในกล่องสำหรับรุ่นเริ่มต้นจะเป็น 35W แบบพอร์ตเดียว และขยับขึ้นมาเป็น 35W แบบพอร์ตคู่ถ้าเลือกรุ่นที่ใช้ซีพียู 10 คอร์ จีพียู 10 คอร์ และมีตัวเลือกเพิ่มเติมเป็นอะเดปเตอร์แบบ 70W ให้ใช้งานด้วย
แรงด้วยชิป M4 พร้อม RAM 16 GB
แม้ว่า MacBook Air จะไม่ใช่เครื่องแมครุ่นแรกที่ใช้งานชิป M4 เพราะที่ผ่านมา Apple เริ่มนำมาใช้กับ iPad Pro รุ่นปี 2024 ตามด้วย MacBook Pro และ Mac mini ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา แต่กลายเป็นว่าการมีชิป M4 ใน MacBook Air ทำให้ราคาของเครื่องแมคแบบพกพา เข้าถึงได้ง่ายขึ้น
ประกอบกับในการเปิดตัว MacBook Pro ช่วงปลายปี 2024 ที่ผ่านมา Apple ได้ประกาศปรับให้ RAM ของ MacBook เริ่มต้นที่ 16 GB เพื่อรองรับการใช้งาน Apple Intellegence ทำให้ในการเปิดตัว MacBook Air M4 รอบนี้ เครื่องรุ่นเริ่มต้นจะได้รับ RAM 16 GB ด้วยเช่นกัน
ทำให้เมื่อได้ทั้งชิปใหม่ M4 และ RAM 16 GB จึงทำให้ MacBook Air M4 รุ่นเริ่มต้น 34,900 บาท แม้จะได้ CPU 10 คอร์ GPU 8 คอร์ ก็มีความคุ้มค่าสำหรับกลุ่มผู้ใช้งานทั่วไป ที่เป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ที่ใช้งานเครื่องแมคอยู่แล้ว
ถ้าถามว่าชิป M4 แรงแค่ไหน ก็ต้องตอบว่ารองรับการใช้งานเอกสาร สามารถเปิดแท็ปเบราว์เซอร์ได้หลายแท็บพร้อมกันโดยไม่มีความหน่วง ไปจนถึงสามารถใช้ในการตกแต่งรูปไฟล์ RAW ขนาดใหญ่ และตัดต่อคลิปสั้นระดับ 4K ได้ลื่นไหล ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเป็นคลิปวิดีโอที่มีความยาวมาก อาจจะต้องขยับไปใช้เครื่องที่แรงขึ้น
เมื่อทดสอบการทำงานของชิป M4 ผ่าน Geekbench ใน MacBook Air M4 ที่ขยับขึ้นมาเป็น CPU 10 คอร์ GPU 10 คอร์ พบว่า ตัวเครื่องสามารถประมวลผลได้เร็วขึ้นราว 20% ในส่วนของ CPU และเร็วขึ้น 35-40% ในส่วนของ GPU มาจากจำนวนของคอร์ที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่ในแง่ของการประหยัดพลังงาน ด้วยการที่ชิป M4 มากับสถาปัตยกรรมแบบ 3 นาโนเมตร ทำให้สามารถให้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น โดยใช้พลังงานใกล้เคียงเดิม ดังนั้นระยะเวลาการใช้งานบนแบตเตอรีจึงอยู่ที่ราว 18 ชั่วโมงเช่นเดิม สำหรับการรับชมวิดีโอสตรีมมิ่ง แต่ถ้าเป็นการใช้งานปกติจะอยู่ที่ราว 12-14 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับการประมวลผลที่ใช้
อีกประเด็นที่เริ่มเห็นความคืบหน้ามากขึ้นใน macOS คือตัวชิป M4 รองรับการเล่นเกมมากขึ้น โดยที่แอปเปิล มีการทำงานร่วมกับค่ายเกมระดับ AAA ให้พัฒนาเกมที่รองรับบนเครื่อง Mac มากขึ้น และดึงความสามารถของการประมวลผลภาพของ M4 มาใช้งาน ทั้ง Ray Tracing และ Dynamic Caching
สรุป
MacBook Air M4 ได้เข้ามาทำให้มาตรฐานราคาของโน้ตบุ๊กประสิทธิภาพสูงในตลาดเกิดการแข่งขันกันมากขึ้น จากที่ก่อนหน้านี้ถ้าอยากได้เครื่องแมคดีๆ จะต้องใช้งบประมาณราว 4 หมื่นบาท แต่ด้วยการปรับราคาเริ่มต้นเหลือ 34,900 บาท จึงทำให้กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจทันที