นับตั้งแต่โชว์ตัวเป็นครั้งแรกในงาน CES2025 ของ ASUS Zenbook A14 ที่ปรับการออกแบบมาให้ดูเรียบหรู และมีความเบาบางมากขึ้น จากการนำวัสดุ ‘เซราลูมิเนียม (Ceraluminum) มาใช้งาน ทำให้โน้ตบุ๊กเครื่องนี้ขึ้นแท่น Copilot+ PC รุ่นเด่นของปีก็ว่าได้
โมเดลของ Zenbook A14 นับเป็นความร่วมมือแบบเอ็กซ์คลูซีฟระหว่าง ASUS และ Qualcomm ที่มีการนำชิป Snapdragon X ซีรีส์ มาใช้งานกับเครื่องดีไซน์นี้เป็นครั้งแรก ชูความโดดเด่นในเรื่องของตัวเครื่องที่มีน้ำหนักเบาไม่ถึง 1 กิโลกรัม ได้หน้าจอ Lumina OLED ขนาด 14 นิ้ว มาใช้งาน ที่สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุด 32 ชั่วโมง
Copilot+ PC สุดบาง-เบา
Zenbook A14 นับเป็นโน้ตบุ๊กที่พัฒนาออกมาให้เห็นว่าในฝั่งของแล็ปท็อปวินโดวส์ ก็สามารถมีเครื่องที่ประหยัดพลังงาน น้ำหนักเบา ดีไซน์สวย ออกมาแข่งขันกับ MacBook Air ได้เช่นกัน และนี่นับเป็นรุ่นที่เข้ามาชนกับคู่แข่งในกลุ่มนี้อย่างจริงจัง
โดยจุดเด่นหลักของเครื่องนี้ หนีไม่พ้นตัวเครื่องที่มีเอกลักษณ์ คงความเป็น Zenbook ที่ออกแบบตัวเครื่องมาให้มีความบาง เบา แต่ในขณะเดียวกันก็ยังรองรับการเชื่อมต่อที่ครบครัน มีให้เลือก 2 สีคือ สีเบจเครื่องนี้ และสีเทาเข้ม
ขนาดของ Zenbook A14 จะอยู่ที่ 310.7 x 213.9 x 15.9 เซนติเมตร และมีการนำวัสดุใหม่ที่เป็นไฮไลต์ของ Zenbook ในช่วงหลังๆ คือ เซราลูมิเนียม ที่ให้ความแข็งแกร่งไม่แตกต่างจากอะลูมิเนียม และให้สัมผัสที่ดีกว่าคล้ายเซรามิก ที่สำคัญคือเบากว่าอะลูมิเนียมถึง 30% ทำให้ตัวเครื่อง Zenbook A14 มีน้ำหนักอยู่ราว 990 กรัม เท่านั้น
หน้าจอที่ให้มาเป็น ASUS Lumina OLED ขนาด 14 นิ้ว ในสัดส่วน 16:10 ความละเอียด 1920 x 1200 พิกเซล ให้ค่าความแม่นยำในการแสดงผลสีที่ 100% DCI-P3 และผ่านมาตรฐาน VESA HDR 600 True Black ทำให้แสดงผลสีดำได้ดำสนิทสมเป็นหน้าจอ OLED เพียงแต่ว่ายังไม่รองรับการสัมผัสหน้าจอ และให้อัตราการ Refresh Rate ที่ 60 Hz
ขณะที่พอร์ตใช้งานรอบเครื่องจะมีมาให้ทั้ง HDMI 2.1 / USB-C 4 2 พอร์ต ช่องเสียบหูฟัง รวมถึง USB-A 3.2 ให้อีก 1 พอร์ตทางฝั่งขวา ซึ่งเรียกว่าให้มาครบถ้วนสำหรับการใช้งานทั่วไป
ส่วนอะแดปเตอร์ที่ให้มามีขนาดเล็กพกพาได้ง่ายขึ้น ยังเป็นแบบขาแบนอยู่ ให้กำลังไฟถึง 65W ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ที่ให้มาในเครื่องขนาด 70Wh ซึ่งรองรับการใช้งานทั่วไปได้ตลอดทั้งวันสบายๆ
2 ตัวเลือก Snapdragon X
Zenbook A14 เป็นหนึ่งในเครื่องรุ่นแรกๆ ที่มาพร้อมกับ Qualcomm Snapdragon X และมีตัวเลือกรุ่นท็อปเป็น Snapdragon X Elite ซึ่งทั้ง 2 รุ่น จะมีหน่วยประมวลผล AI (NPU) แยกมาเพื่อรองรับการใช้งาน ซึ่งสามารถคำนวณได้ในระดับ 45 TOPS ทั้ง 2 รุ่น
โดยในรุ่น Snapdragon X จะมากับ RAM 16 GB ขณะที่ Snapdragon X Elite อัด RAM มาให้ถึง 32 GB ในราคาที่ต่างกัน 10,000 บาท ซึ่งข้อดีอย่างหนึ่งของชิปในสถาปัตยกรรม ARM คือถึงจะเสียบปลั๊ก หรือถอดปลั๊กใช้งาน ก็จะได้ประสิทธิภาพไม่แตกต่างกัน
ดังนั้น ถ้าเป็นการใช้งานทั่วๆ ไป อย่างเช่นทำงานเอกสาร ใช้งานเว็บเบราว์เซอร์ เข้าโปรแกรมต่างๆ ที่ไม่ได้ใช้พลังในการประมวลผลมากนัก เครื่องรุ่นเริ่มต้นอย่าง Zenbook A14 (UX3407) ที่มากับ Snapdragon X ในราคา 39,990 บาท ถือว่าเพียงพอใช้งานแล้ว
แต่ถ้าเป็นการใช้งานที่หนักขึ้น มีการนำไปใช้คำนวณไฟล์เอกสารขนาดใหญ่ หรือเป็นกลุ่มที่ต้องใช้งานครีเอเตอร์ มีการตัดต่อวิดีโอ ทำรูปจากไฟล์ RAW ต่างๆ การขยับขึ้นไปเป็น Snapdragon X Elite จะให้ประสิทธิภาพที่ดี และลื่นไหลกว่าในราคา 49,990 บาท
โดยในรุ่นเริ่มต้นจะรองรับการเชื่อมต่อ WiFi 6E และบลูทูธ 5.3 มาพร้อมพื้นที่เก็บข้อมูล 512 GB ถ้าขยับเป็นรุ่น Snapdragon X Elite จะได้การเชื่อมต่อเป็น WiFi 7 บลูทูธ 5.4 และพื้นที่เก็บข้อมูล 1 TB ด้วย
อย่างไรก็ตาม ด้วยโจทย์ของตัวโน้ตบุ๊กรุ่นนี้ ที่ออกแบบมาเน้นความเบา พกพาไปใช้งานได้สะดวก ทำให้อาจจะไม่ไปตอบโจทย์ในแง่ของการประมวลผลหนักๆ ที่ต้องใช้พลังงานเยอะๆ อย่างการออกแบบงาน 3 มิติ การเขียนโค้ด ไปจนถึงการเล่นเกมระดับ AAA ที่ยังมีข้อจำกัดของชิปเซ็ตอยู่ ซึ่งก็จะเหมาะกับการเลือกใช้ชิป Intel หรือ AMD มากกว่า
สำหรับในส่วนของการรองรับโปรแกรมการใช้งาน ปัจจุบันทาง Qualcomm ให้ข้อมูลร่วมกับไมโครซอฟท์ว่า กว่า 90% ของโปรแกรมที่เปิดให้โหลดบน Microsoft Store สามารถใช้งานบนสถาปัตยกรรม ARM ได้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งถ้าเป็นกลุ่มที่เน้นการใช้งานทั่วไป เชื่อว่าไม่ได้ติดปัญหาอะไร
สรุป
Zenbook A14 นับว่าเป็นโน้ตบุ๊กที่ออกมาตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการแล็ปท็อปที่รันบน Windows 11 ที่อยากได้เครื่องเล็ก น้ำหนักเบา พกพาได้ง่าย ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเทียบราคากับประสิทธิภาพที่ได้อาจจะสูงขึ้นมากว่ารุ่นทั่วไปสักหน่อย แต่ก็นับเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
อย่างไรก็ตาม การที่ MacBook Air M4 มีการปรับราคาเริ่มต้นลงมาอยู่ที่ 34,900 บาท ก็ทำให้ตัดสินใจได้ยาก เพราะถ้าไม่ได้ยึดติดกับการใช้งาน Windows การมีตัวเลือกเป็น MacBook Air ที่ราคาเริ่มต้นต่ำกว่า อาจจะกลายเป็นแรงจูงใจให้ย้ายไปใช้งานด้วย