กลายเป็นว่าต้องเปลี่ยนภาพจำจาก iPhone SE ที่เป็นไอโฟนราคาประหยัด แต่ในรอบนี้ iPhone 16e นับเป็นรุ่นเริ่มต้นของ iPhone 16 ซีรีส์แทน ที่ให้ราคาที่ต่ำกว่า iPhone 16 แต่ก็แลกกับหลายๆ อย่างที่ถูกตัดออกไป ซึ่งในภาพรวมแล้วถ้าอยากใช้งานอีโคซิสเต็มของ iPhone รุ่นนี้นับเป็นตัวเลือกราคาดีของใครหลายๆ คน
iPhone 16e มากับความน่าสนใจคือเป็น iPhone ที่รองรับ Apple Intelligence ให้หน้าจอขนาด 6.1 นิ้ว เช่นเดียวกับ iPhone 16 กล้องเดี่ยว 48 ล้านพิกเซล ให้แบตเตอรี่ใช้งานได้นานสุด 26 ชั่วโมง พื้นที่เก็บข้อมูลเริ่มต้น 128 GB และมากับชิปโมเดมใหม่ Apple C1 ซึ่งเป็นไอโฟนรุ่นแรกที่ใช้งาน และใช้พอร์ต USB-C แล้ว
อย่างไรก็ตาม iPhone 16e มีการตัดลดทอนบางอย่างเช่นชิป A18 ที่ใช้งานมีจำนวนคอร์ GPU น้อยลง ตัวเครื่องรองรับการชาร์จไร้สายแต่ไม่มี MagSafe รองรับการเชื่อมต่อ WiFi 6 ไม่มีชิป Ultra Wide Band ที่ช่วยระบุตำแหน่ง AirTag แบบแม่นยำ ในราคาเริ่มต้น 22,900 บาท
เครื่องแรง ใช้งานยาว
จุดเด่นหลักของ iPhone 16e คือมากับชิป Apple A18 ซึ่งเป็นชิปเดียวกับที่ใช้งานใน iPhone 16 มากับ CPU แบบ 6 คอร์ และ GPU แบบ 4 คอร์ (ใน iPhone 16 ได้ GPU 5 คอร์) และมี Neural Engine 16 คอร์ ซึ่งทำให้เครื่องรุ่นนี้รองรับ Apple Intelligence ด้วย
ขณะเดียวกัน เมื่อเป็นชิปเซ็ตรุ่นใหม่ ทำให้ iPhone 16e จะได้รับการอัปเกรดระบบปฏิบัติการต่อเนื่องเช่นเดียวกับ iPhone 16 ซึ่งผู้ใช้จะมั่นใจได้ว่าสามารถใช้งานได้ยาวต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 6-7 ปี ซึ่งด้วยกลุ่มเป้าหมายของผู้ใช้ iPhone แล้วมักจะใช้งานยาวต่อเนื่องจนเครื่องเสีย หรือมีปัญหาไปต่อไม่ได้อยู่แล้ว
ทั้งนี้ กลุ่มเป้าหมายที่ Apple คาดว่าจะเปลี่ยนมาใช้งาน iPhone 16e คือลูกค้าเดิมที่อาจใช้งาน iPhone 11 หรือเก่ากว่านั้น ที่นอกจากได้ชิปใหม่ตัวเครื่องแรงขึ้น กล้องละเอียดขึ้น แบตเตอรี่ใช้งานได้นานขึ้น รองรับการเชื่อมต่อ 5G เป็นต้น
Action Button เลือกใช้ได้ตามใจ
ถ้าไม่ได้เปลี่ยน iPhone มานาน อีกฟังก์ชันใหม่ที่จะได้ใช้งานใน iPhone 16e คือมากับ Action Button ที่ปรับมาจากปุ่มเปิดปิดเสียง ที่คุ้นเคยกัน มาเป็นปุ่มลัด ที่สามารถเลือกปรับได้หลากหลาย ทั้งปิดเสียง เปิดแฟลช เปลี่ยนโหมดโฟกัส เปิดใช้งานกล้อง บันทึกเสียง แปลภาษา หรือแว่นขยาย
โดยฟีเจอร์ที่ Apple แนะนำคือตั้งให้ปุ่ม Action Button เป็น Visual Intelligence ที่จริงๆ แล้วถ้าใช้งาน iPhone 16 หรือ iPhone 16 Pro ที่มากับ Camera Control จะสามารถกดค้างเพื่อเรียกใช้งานได้ โดยใน iPhone 16e ก็สามารถใช้ปุ่ม Action Button
กล้อง 48 MP ได้ 2 ระยะ เพียงพอให้ใช้
สิ่งที่น่าขัดใจสำหรับผู้ใช้งาน iPhone มาต่อเนื่องคงหนีไม่พ้นเรื่องของกล้อง iPhone 16e ที่มากับกล้อง Fusion 48 MP เพียงเลนส์เดียว ซึ่งเมื่อได้ความละเอียดสูงทำให้สามารถใช้การครอบแบบไม่เสียรายละเอียด จึงสามารถถ่ายภาพได้ 2 ระยะคือ 1x และ 2x ในขณะที่รุ่นก่อนๆ หน้านี้จะมีเลนส์มุมกว้างมาให้ใช้งานด้วย
อย่างไรก็ตาม ด้วยเลนส์ 48 MP ทำให้ iPhone 16e รองรับการถ่ายวิดีโอระดับ 4K 60fps ซึ่งด้วยคุณภาพของกล้อง iPhone และการประมวลผลทำให้มั่นใจได้ว่า คุณภาพของวิดีโอที่ถ่ายออกมาจะใช้งานได้อย่างแน่นอน
ขณะที่กล้องหน้ายังเป็นกล้อง TrueDepth 12 MP ที่สามารถใช้เพื่อปลดล็อกใบหน้า (FaceID) ถ่ายเซลฟี่ และยังสามารถถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K 60 fps ได้ เพียงแต่จะรองรับการถ่ายวิดีโอสโลว์โมชันเฉพาะ Full HD เท่านั้น จากทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง
ชิปโมเดม C1 ตัวแรกของ Apple
ในมุมของเทคโนโลยีสิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดใน iPhone 16e คือการมาของชิปโมเดม Apple C1 ซึ่งเป็นผลผลิตจากการที่แอปเปิลเข้าไปซื้อหน่วยธุรกิจทำชิปการเชื่อมต่อของ Intel ตั้งแต่ปี 2019 ก่อนใช้ระยะเวลาถึง 6 ปี เพื่อพัฒนาออกมาเป็นชิป C1 รุ่นแรกนี้
จุดเด่นของ Apple C1 คือเมื่อแอปเปิลออกแบบใหม่ทั้งหมดเอง แทนที่จากเดิมเลือกใช้ชิปโมเดมจากผู้ผลิตอย่าง Qualcomm ทำให้สามารถควบคุม และบริหารจัดการทรัพยากรได้เอง สิ่่งที่ได้คือการเชื่อมต่อ 5G ที่มีประสิทธิภาพ และประหยัดพลังงานมากขึ้น ซึ่งใน iPhone 16e ก็ทำออกมาได้อย่างดีเยี่ยม
พร้อมกับน่าจับตาดูพัฒนาการต่อไปของ iPhone รุ่นใหม่ หรืออุปกรณ์อื่นๆ ของ Apple หลังจากนี้ จะมีการนำชิปโมเดมที่ผลิตขึ้นเองนี้ใส่ไปให้ใช้งานใน iPad หรือ MacBook เพื่อให้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตใช้งานผ่าน eSIM เพิ่มความสะดวกในการใช้งานมากขึ้น
ขยับไป iPhone 16 หรือ iPhone 15 Pro ดีกว่าไหม?
แน่นอนว่าถ้างบประมาณไม่ใช่ปัญหาในการตัดสินใจเปลี่ยนไอโฟนเครื่องใหม่ การขยับขึ้นไปในรุ่นระดับราคาที่สูงกว่าอย่าง iPhone 16 หรือรุ่นท็อปของปีที่แล้วอย่าง iPhone 15 Pro ที่ปัจจุบันราคาลงอยู่เกือบๆ 3 หมื่นบาท จะได้ความคุ้มค่าที่เพิ่มขึ้นหลายอย่าง
ถ้ามองเฉพาะ iPhone 16 สิ่งที่ได้เพิ่มมาแน่นอนคือหน้าจอใหม่ที่เป็น Dynamic Island มีปุ่ม Camera Control ได้กล้องหลังเลนส์มุมกว้างเพิ่ม มี MagSafe ให้ใช้งาน รองรับ WiFi 7 แต่สิ่งที่ iPhone 16e ทำได้ดีกว่าคือเรื่องของแบตเตอรี่ เพราะ iPhone 16 ใช้งานต่อเนื่องได้ราว 22 ชั่วโมง
ส่วนถ้าเป็น iPhone 15 Pro จะได้หน้าจอแบบ ProMotion 120 Hz กล้องหลัก 3 ระยะ แม้ว่าจะใช้ชิปรุ่นปีที่แล้วอย่าง A17 Pro แต่ด้วยการที่มีคอร์ CPU GPU 6 คอร์ ทำให้ประสิทธิภาพไม่ได้แตกต่างกันนัก ซึ่งถ้ามองในระยะยาวอาจจะมีในเรื่องของการอัปเดตระบบปฏิบัติการที่ A17 จะถูกซัปพอร์ตสั้นกว่า A18 ก็เป็นได้
ใช้ iPhone อยู่ Trade-in กับ Apple
อีกประเด็นที่แอปเปิลพยายามสื่อสารกับผู้ใช้งาน iPhone คือถ้าใช้งาน iPhone รุ่นเก่าอยู่ และสนใจที่จะซื้อเครื่องใหม่ สามารถนำเครื่องเก่าไปเข้าโปรแกรมเทรดอิน เพื่อรับส่วนลดในการซื้อ iPhone 16e ได้ โดยมั่นใจได้ว่าเครื่องที่นำไปเทรดอินจะไม่ถูกส่งต่อไปขายต่อ เพราะแอปเปิลจะนำเครื่องทั้งหมดเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล
ดังนั้นมั่นใจได้ว่าข้อมูลการใช้งาน ความเป็นส่วนตัวต่างๆ บน iPhone รุ่นเก่าที่ใช้งานจะไม่มีทางหลุดรอดออกไป ซึ่งสามารถตรวจสอบราคารับเทรดอิน จากการป้อนเลข IMEI เครื่องบนเว็บไซต์ ก่อนทำการนัดเข้าไปที่หน้าร้าน Apple Store หรือจะใช้การจัดส่งทางไปรษณีย์ก็ได้เช่นกัน
สรุป
iPhone 16e แม้ว่าจะไม่ได้เป็นไอโฟนราคาประหยัดแล้ว แต่ด้วยสเปกที่ให้มานับว่ายังแรงกว่า Android ในระดับราคาเดียวกันแบบเห็นได้ชัด เพียงแต่ถ้าเทียบในเรื่องของกล้องฝั่ง Android ย่อมได้ตัวเลือกที่มากกว่า ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเป็นผู้ที่สนใจใช้งาน iPhone อาจจะมองเรื่องของความคุ้มค่า ใช้งานระยะยาวมากกว่า กับการที่ได้อัปเกรด iOS ต่อเนื่องไปอีกหลายปี