iPhone 16e เตรียมวางจำหน่ายในประเทศไทย 28 ก.พ. นี้ ในราคาเริ่มต้น 22,900 บาท และนับเป็นสินค้าในตระกูลของ iPhone 16 ที่มีราคาเริ่มต้นต่ำที่สุดด้วย เพียงแต่เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ iPhone SE รุ่นที่ 3 วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้นเพียง 16,900 บาท เท่านั้น จึงกลายเป็นว่าตอนนี้ iPhone รุ่นเริ่มต้นก็อยู่ในระดับสองหมื่นบาทแล้ว
iPhone 16e ยังดีไซน์เดียวกับ iPhone 14 มากับหน้าจอ Super Retina XDR ขนาด 6.1 นิ้ว แน่นอนว่า Refresh Rate ยังอยู่ที่ 60 Hz พร้อมรอยบาก FaceID สำหรับปลดล็อกตัวเครื่องด้วยใบหน้า และปรับมาใช้งานพอร์ตชาร์จเป็น USB-C เรียบร้อยแล้ว
เท่ากับว่า Apple ปิดตำนานของทั้งปุ่ม Home และพอร์ตชาร์จ Lightning ออกจาก iPhone รุ่นที่วางจำหน่ายในปัจจุบันทั้งหมดแล้ว และในหน้าร้านของทางแอปเปิล ปัจจุบันจะมี iPhone ที่ไล่เรียงตามระดับราคาตั้งแต่ iPhone 16e ตามมาด้วย iPhone 15 ซีรีส์ และ iPhone 16 ซีรีส์
นอกจากนี้ iPhone 16e ยังมากับปุ่ม Action Button ที่สามารถเลือกปรับแต่งปุ่มลัดได้ตามที่ต้องการ ที่น่าเสียดายว่า iPhone 16e ไม่ได้มี Camera Control มาให้เหมือนในตระกูล iPhone 16 รุ่นอื่นๆ ด้วย
เพียงแต่ว่าถ้าต้องการใช้งานฟีเจอร์ของ AI อย่าง Apple Intelligence ตัวเลือกที่ใช้งานได้จะต้องตัด iPhone 15 และ iPhone 15 Plus ออกไป เพราะตัวชิปประมวลผลไม่รองรับ แล้วรุ่นอื่นๆ สามารถใช้งาน Apple Intelligence ได้แล้ว แต่ก็น่าเสียดายที่ปัจจุบันยังไม่รองรับภาษาไทยอยู่ดี
ส่วนอื่นๆ ที่น่าสนใจใน iPhone 16e คือมากับกล้อง Fusion ที่ให้ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายภาพระยะ 1x และ 2x ได้โดยไม่เสียรายละเอียด มาพร้อมกับไฟแฟลชเท่านั้น ไม่ได้มีกล้องระยะอื่นๆ อย่างเลนส์มุมกว้าง และเลนส์ซูมมาให้ ในจุดนี้เท่ากับไม่สามารถถ่าย Spatial Video เพื่อใช้งานกับ Vision Pro ไปด้วย
สำหรับชิปเซ็ตที่อยู่ใน iPhone 16e จะเป็นชิป A18 ตระกูลเดียวกับ iPhone 16 ทั้งหมด แต่มีการปรับลดแกนประมวลผลภาพ (GPU) ลงเหลือ 4 แกน จากรุ่นปกติที่ให้ 5 แกน ซึ่งถ้าเทียบแล้วก็แรงกว่า iPhone SE รุ่นที่ 3 ถึง 40% ทั้ง CPU และ GPU
แบตเตอรีของ iPhone 16e สามารถใช้รับชมวิดีโอต่อเนื่องได้ 26 ชั่วโมง หรือถ้าเป็นการสตรีมมิ่งจะอยู่ที่ 21 ชั่วโมง ทำให้มั่นใจว่าถ้าเป็นการใช้งานทั่วไป จะยืดระยะเวลาใช้งานได้ตลอดวันอย่างแน่นอน ส่วนหนึ่งมาจากการที่ใช้ชิปสถาปัตยกรรมใหม่ที่ใช้พลังงานน้อยลง ส่วนการชาร์จให้เป็น 20W อยู่เช่นเดิม
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หายไปใน iPhone 16e ก็มีหลายอย่างด้วยกัน อย่างเช่น MagSafe ที่แม้ว่าตัวเครื่องรองรับการชาร์จไร้สายแต่ไม่ได้ให้ MagSafe มาด้วย รวมถึงเคสที่วางจำหน่ายก็ไม่รองรับ MagSafe เช่นเดียวกัน จนถึงเครือข่าย Ultra Wide Band ที่ไว้ใช้ในการระบุตำแหน่ง
iPhone 16e วางจำหน่ายในวันที่ 28 ก.พ. มีให้เลือก 2 สีคือขาว และดำ รุ่นความจุ 128 GB ราคา 22,900 บาท 256 GB 26,900 บาท และ 512 GB 34,900 บาท